โผทหารลงตัว เสถียรปลัดกห. "วิทวัส"ไปจเรฯ ปูโต้บ้านเอสซีฯ ราคาเกิน5ล้าน ทูลเกล้าฯกสทช.
ถกไฟใต้ - น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ ประชุมหน่วยงานความมั่นคง หารือสถานการณ์และแนวทางแก้ไขปัญหาไฟใต้ มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ร่วมประชุมด้วย ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อ 22 ก.ย. |
ปูแจงแม้วสไกป์ให้กำลังใจ
วันที่ 22 ก.ย. ที่รัฐสภา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีสไกป์มาร่วมประชุมรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ว่า การประชุมวันที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมา ไม่ใช่เป็นการประชุมครม.ของพรรค แต่เป็นการแลกเปลี่ยนกันระหว่างตนและรัฐมนตรีหลังจากทำงานมา 1 เดือนแล้ว ก็คุยกันและในตอนท้ายการประชุม พ.ต.ท.ทักษิณติดต่อมาเพื่อให้กำลังใจอย่างเดียว ไม่มีอะไร
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีข่าวว่าพ.ต.ท.ทักษิณแนะนำการทำงานในเรื่องนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ พ.ต.ท.ทักษิณติดต่อมาเพื่อให้กำลังใจตนและครม. ส่วนของพรรคเพื่อไทยเป็นการประชุมนอกรอบในการทำงานเพื่อประชาชน ส่วนตัวเนื้องานนั้นไม่มีวาระอะไร เป็นปกติที่ต้องมาแลกเปลี่ยนกันหลังรับตำแหน่งมา 1 เดือน เมื่อถามว่าเป็นการสไกป์ มาแทรกแซงการทำงานหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ใช่ เราประชุมของเรา แต่พ.ต.ท.ทักษิณมาให้กำลังใจในช่วงท้ายการประชุมเท่านั้น
ชี้กลไกตัดสินใจอยู่ที่ครม.
เมื่อถามว่ารัฐบาลนี้ละเลยไม่ดำเนินการในเรื่องคดีของพ.ต.ท.ทักษิณ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณติดต่อมาทักทายในช่วงท้ายเท่านั้น เพราะตนและรัฐมนตรีก็ทำงานของเราอยู่แล้ว ในแง่ของพ.ต.ท.ทักษิณ ก็ว่าไปตามกระบวนการตามกฎหมาย
เมื่อถามว่ามีการครหาเรื่องนายกฯ ตัวจริงกับตัวไม่จริง น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า "ไม่ ดิฉันทำหน้าที่ของดิฉันทุกวัน ทำงาน ประชุม และทุกเรื่องทุกอย่าง กลไกในการตัดสินใจอยู่ที่ครม. ซึ่งทุกคนก็ทราบกลไกในการทำงานของรัฐบาลอยู่แล้วว่า ไม่ว่าจะทำอะไรต่างๆ เราจะให้ครม.ในการตัดสินใจ ดิฉันก็ทำงานและเป็นตัวเอง"
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวถึงการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ว่าตนได้ลงนามแล้ว คงอยู่ในกระบวนการของเลขาธิการ ครม.ที่จะนำส่ง
เหลิมยันทักษิณแค่แวะทักทาย
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่จริงที่พ.ต.ท.ทักษิณสไกป์มาสั่งงาน เป็นเพียงการโทร.ทักทายกันเท่านั้น ไม่ได้ให้แนวทางการทำงาน และไม่ใช่การประชุมครม. เป็นแค่สมาชิกพรรคมานั่งคุยกัน
"พ.ต.ท.ทักษิณเลยสอบถามว่าสบายดีกันหรือไม่ ถามผมเป็นคนแรก ไม่ได้พูดคุยเรื่องการเมืองหรือเรื่องรัฐบาล พอรู้ว่ามารวมตัวกันก็เลยโทร.มาทักทาย ยืนยันว่าไม่ใช่การก้าวก่ายแทรกแซงการทำงานของรัฐบาล" ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวด้วยว่า พ.ต.ท.ทักษิณยังเล่าให้ฟังว่าเมื่อคืนวันที่ 21 ก.ย. ไปนั่งกินข้าวกับมหาเธร์ โมฮัมหมัด อดีตนายกฯ มาเลเซีย และนายนาจิบ ราซัก นายกฯ มาเลเซีย ฝ่ายค้านก็คิดอย่างนี้แหละ ถ้าเป็นการประชุมครม.ต้องที่ทำเนียบ ส่วนข่าวรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยจะประชุมกันทุกวันจันทร์นั้น เป็นความคิดของนายกฯ ที่เห็นว่าประชุมครม.วันอังคารอยู่แล้ว แต่วันจันทร์ในฐานะที่เราเป็นพรรคเดียวกัน น่าจะมาปรึกษาหารือกันก่อน หากได้แนวทางที่ชัดเจน การประชุมครม.จะสั้นขึ้น ยืนยันว่าพ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย
เย้ยให้เป็นฝ่ายค้าน 12 ปี
เมื่อถามถึงฝ่ายค้านตั้งข้อสังเกตถึงนายกฯ ตัวจริง ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นนายกฯ ส่วนพ.ต.ท.ทักษิณเป็นอดีตนายกฯ ตนเป็นรองนายกฯ พวกตนไม่ใช่จิ้งหรีดจะได้มาปั่นหัวให้ทะเลาะกัน เมื่อถามเกรงหรือไม่ว่าครม. เงาของพรรคประชาธิปัตย์จะมาตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ไม่มีอะไร ครม.เงาตั้งขึ้นมาก็ผิดแล้ว เลขาธิการครม.เงามีไม่ได้ ตำแหน่งเลขาธิการครม.ต้องเป็นข้าราชการประจำ
เมื่อถามถึงกรณีพ.ต.ท.ทักษิณเสนอความคิดเห็น ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ทำไมจะไม่ได้ ถ้าแนะ นำสิ่งดีๆ ก็เป็นเรื่องดีกับประเทศชาติ แต่พ.ต.ท. ทักษิณไม่ได้พูดหรือแนะนำอะไร ต้องยอมรับว่านโยบายของเราที่ประกาศไปแล้ว ต้องทำตามนั้น เพราะชาวบ้านชอบ ถ้าเลือกตั้งใหม่ก็ชนะอีก สุดสัปดาห์นี้จะไปประชุมเชิงปฏิบัติการสกัดกั้นยาเสพติดที่ จ.เชียงราย ถือโอกาสไปไหว้พระหลวงพ่อองค์ใหญ่ ริมแม่น้ำโขง พระธาตุจอมกิตติ และพระธาตุผาเงา อ.เชียงแสน ขอพรให้ฝ่ายค้านอยู่ 12 ปี รัฐบาลจะได้อยู่ 12 ปีด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกษิต ภิรมย์ อดีตรมว. ต่างประเทศ ติงว่าผู้นำกัมพูชาเข้ามาแทรกแซงการเมืองไทยมากเกินไป ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า เขามีอธิปไตย จะชอบรัฐบาลไหนก็เป็นสิทธิ ถ้าเกลียดคุณแล้วรักพวกตน ก็เป็นสิทธิของเขา
ปึ้งเมินปชป.ขู่ฟ้อง
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประ เทศ ซึ่งอยู่ระหว่างการประชุมสมัชชาใหญ่สห ประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ให้สัมภาษณ์กรณีโฆษกกระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชา ออกแถลงการณ์ตอบโต้นายกษิต ภิรมย์ อดีตรมว.ต่างประเทศ ที่ระบุกัมพูชาแทรก แซงกิจการภายในของไทย ว่าตนไม่เห็นถึงการแทรกแซงกิจการภายในของไทยจากกัมพูชาตามที่ฝ่ายค้านเข้าใจ ต้องไปถามฝ่ายค้านว่าแทรกแซงในลักษณะใด กัมพูชาต้อนรับคนไทยทุกคน ไม่ว่าเสื้อสีอะไร การสร้างความสัมพันธ์ไปมาหาสู่กัน เป็นเรื่องน่ายินดี ทั้งนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ฝ่ายค้านจะคิดตรงกันข้ามกับรัฐบาล เพราะเป็นฝ่ายค้าน หากเราบอกว่าความสัมพันธ์ดีขึ้น ฝ่ายค้านจะบอกว่ากัมพูชาเข้ามายุ่งกับการเมืองไทย ส่วนกรณีพรรคประชาธิปัตย์ขู่ฟ้องละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ถ้าจะฟ้องก็ฟ้องไป หากต้องการฟ้องอีกสัก 100 คดีก็ได้ ยินดีต้อนรับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับแถลงการณ์ของกัมพูชานั้น ปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่าสมเด็จฮุนเซน นายกฯกัมพูชา เข้าข้างพรรคเพื่อไทย หรือแทรก แซงกิจการภายในของไทย แต่ยอมรับว่าทางการกัมพูชามีความยินดีต่อชัยชนะของพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้ง เนื่องจากเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงการยุติการรุกรานกัมพูชา โดยความสัมพันธ์ระหว่างกัมพูชาและไทยนั้นตกต่ำลงอย่างมากภายใต้การบริหารงานของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมยืนยันว่ากัมพูชาไม่เคยช่วยเหลือให้ที่พักพิงแกนนำคนเสื้อแดง และไม่เคยยินยอมให้กัมพูชาถูกใช้เป็นเครื่องมือต่อต้านประเทศไทย
กัมพูชาแถลงเย้ย"กษิต"
แถลงการณ์ระบุว่า ข้อกล่าวหาของนายกษิตที่ว่า "เชื่อว่าคนเสื้อแดงหลายคนที่โดนข้อหาจากการประท้วงเมื่อเดือนพ.ค.ปีที่ผ่านมานั้นกบ ดานอยู่ภายในกัมพูชา ด้วยการช่วยเหลือของฮุนเซน" ถือว่าเลื่อนลอยโดยสิ้นเชิง นายกฯกัมพูชา ไม่เคยให้ที่พักพิงแกนนำคนเสื้อแดง อย่างไรก็ ตาม สมเด็จฮุนเซนมีสิทธิเต็มที่ที่จะแสดงความ ยินดีต่อพรรคเพื่อไทย ต้อนรับมิตรส่วนตัว นอก จากนี้ รัฐบาลกัมพูชารู้ดีว่าสิ่งใดควรดำเนินการเพื่อประโยชน์ของประชาชนกัมพูชา และไม่จำเป็นที่จะต้องถูกเน้นย้ำต่อหน้าที่นี้ โดยเฉพาะจากนายกษิตควรเก็บแรงไว้ใช้เอาชนะใจชาวไทย มากกว่า
แถลงการณ์ยังระบุด้วยว่า เห็นด้วยกับนายกษิตที่เคยกล่าวไว้ว่าควรต้องชำระประวัติศาสตร์ไทย-กัมพูชาใหม่ โดยทางการกัมพูชาเห็นว่าควรต้องบันทึกลงไปด้วยถึงกรณีที่รัฐบาลไทยภายใต้การนำของพรรคประชาธิปัตย์ เข้ารุกรานประเทศกัมพูชา
ก่อแก้วเผยแดงนับหมื่นร่วมดูบอล
นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำนปช. ให้สัมภาษณ์ถึงการแข่งขันฟุตบอลนัดกระชับมิตรที่กัมพูชาในวันที่ 24 ก.ย.ว่า คนเสื้อแดงที่จะไปกัมพูชาร่วมหมื่นคน ต้องประสานเจ้าหน้าที่เพิ่มช่องตรวจหนังสือ เดินทางให้มากขึ้น ส่วนกัมพูชาก็พร้อมอำนวยความสะดวกเต็มที่ พอข้ามฝั่งไปจะมีรถตำรวจนำไปส่งยังจุดต่างๆ แต่ยังมีคนเสื้อแดงบางกลุ่มที่ไปเองและไปเจอกันในงาน ส่วนที่พักกลุ่มที่ไปในลักษณะทัวร์จะมีโรงแรมไว้แล้ว แต่บางส่วนมีการเตรียมเต็นท์ วัด และโรงเรียน เพื่อประหยัดเงิน
ลับแข้ง - สมเด็จฮุนเซน นายกฯ กัมพูชา ลงซ้อมบอลที่สนามกีฬาโอลิมปิกแห่งชาติ ในกรุงพนมเปญ เตรียมความพร้อมก่อนการแข่งขันนัดกระชับมิตรกับทีมเสื้อแดงและส.ส.พรรคเพื่อไทยวันเสาร์นี้ เมื่อ 22 ก.ย. |
นายก่อแก้วกล่าวว่า ส่วนส.ส.และแกนนำเสื้อแดง ก่อนหน้านี้วางแผนกันไว้ว่าจะเหมาเครื่องบินโลว์คอสต์ 180 ที่นั่ง โดยส.ส.จะลง เงินกันคนละ 1 หมื่นบาท และจะมีสื่อร่วมด้วย แต่เครื่องบินมีปัญหาเบื้องต้นอาจเปลี่ยนไปรถบัสแทน
เมื่อถามว่ารูปแบบการเล่นจะเป็นอย่างไร นายก่อแก้วกล่าวว่า การเล่นจะใช้เสื้อสีแดง-ฟ้าเป็นสัญลักษณ์ สมเด็จฮุนเซนจะใส่สีแดง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์จะใส่สีฟ้า ส่วนผู้เล่นจะเป็นทีมผสม ส่วนพิธีเปิด สมเด็จฮุนเซนและนายสมชายจะเป็นประธานเปิดงาน มีการรำอวยพรเปิดพิธี ระหว่างพักครึ่งจะมีศิลปินดารากัมพูชาร้องเพลง ตอนเย็นจะมีงานเลี้ยงผูกมิตร โดยในเวลา 14.00 น.กัมพูชาจะถ่ายทอดสดและไทยจะเชื่อมสัญญาณถ่ายทอดด้วย
ธงทองแจงงานกลั่นกรองฎีกาแม้ว
ที่กระทรวงยุติธรรม นายธงทอง จันทรางศุ เลขาธิการสภาการศึกษา ในฐานะคณะทำงานกลั่นกรองและตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีมีบุคคลทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ แถลงภายหลังการประชุมคณะทำงานว่า ในที่ประชุมได้นำข้อมูลที่ได้รับจากกรมราชทัณฑ์ภายหลังการประชุมครั้งแรกได้กำหนดกรอบการทำงานไว้ 3 ประเด็นคือ ตรวจสอบผู้ยื่นรายชื่อทูลเกล้าฯถวายฎีกาว่ามีสิทธิยื่นหรือไม่, กระบวนการยื่นรายชื่อทูลเกล้าฯถวายฎีกาถูกต้องหรือไม่ และผู้ขอพระราชทานอภัย โทษต้องได้รับการบังคับโทษอยู่หรือไม่
นายธงทองกล่าวอีกว่า ในการประชุมครั้งนี้ยังไม่ได้มีการหารือเพิ่มเติมเนื่องจากที่ประชุมต้องการให้กรมราชทัณฑ์หาข้อมูลมาเทียบเคียง หรือเป็นกรณีศึกษาว่าในอดีตเคยมีบุคคลที่ไม่ใช่ญาติยื่นขอพระราชทานอภัยโทษหรือไม่ รวมถึงกระบวนการยื่นขอพระราชทานอภัยโทษมีแนวทางปฏิบัติอย่างไรหากไม่ยื่นต่อกรมราชทัณฑ์โดยตรง
ยอมรับขั้นตอนทำงานอาจล่าช้า
นายธงทองกล่าวต่อว่า การทำงานในเรื่องนี้อาจจะล่าช้าจริง เนื่องจากคณะทำงานได้วางขั้นตอนการตรวจสอบอย่างละเอียด โดยการทำความเห็นเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมจะต้องมีเหตุมีผล เพราะแม้จะได้เอกสารหลักฐานแล้ว ขั้นตอนการทำงานของคณะกรรมการไม่ใช่จะมีมติได้ทันที แต่จะต้องศึกษาและวางกรอบแนวทางในการทำงานอย่างละเอียดเช่นเดียวกับงานวิชาการ อย่างไรก็ตามหากคณะทำงานมีความเห็นต่างก็จะต้องหารือถึงขั้นตอนการลงมติและ นำความเห็นเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติ ธรรมทั้งหมด
"การมีบุคคลทูลเกล้าฯให้พ.ต.ท.ทักษิณเป็นคนละกรณีกับการขอพระราชทานอภัยโทษในวโรกาสเฉลิมพระชนมายุ 84 พรรษา ซึ่งเป็น การขอพระราชทานอภัยโทษในกรณีทั่วๆไปไม่เกี่ยวกับกรณีนี้ ซึ่งเป็นหน้าที่ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมจะเสนอ แต่ของพ.ต.ท.ทักษิณเป็นการขอเฉพาะรายซึ่งคณะทำงานจะต้องมีการหารือกับอัยการว่าสามารถทำได้หรือไม่ และในอดีตเคยมีหรือไม่ โดยจะมีการประชุมอีกครั้งในวันที่ 5 ต.ค.นี้" นายธงทองกล่าว
วิเชียรเข้าทำเนียบรับงานใหม่
เวลา 11.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิเชียร ชวลิต ปลัดกระทรวงมหาดไทย ช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เข้าพบนายกฯ เพื่อรายงานตัวหลังจากนายกฯมีคำสั่งให้มาช่วยราชการ สำนักนายกฯ โดยนายวิเชียรกล่าวว่านายกฯมอบหมายให้ดูแลการแก้ปัญหาจัดการน้ำ โดยจะตั้งสำนักงานคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำขึ้นมาใหม่ ให้ได้ภาพรวมที่ดี มีประสิทธิภาพ และยังมีงานให้ทำอีกหลายอย่าง หากทำแล้วเกิดผลสำเร็จก็เป็นเรื่องน่าดีใจ จากนี้จะหารือกับทีมงานเพื่อกำหนดกรอบแนวทางการทำงาน ขับเคลื่อนงานในภาพรวมอย่างที่นายกฯต้องการ ขณะนี้ถือว่า เข้ามาทำงานที่ทำเนียบเต็มตัวแล้ว นั่งห้องทำงานนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯและรมว.มหาด ไทย ชั้น 5 ตึกบัญชาการชั่วคราวก่อน
เมื่อถามถึงกรณีนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล อดีตรมว.มหาดไทย ติงการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ไม่เหมาะสมและไม่เป็นธรรม นายวิเชียรกล่าวว่า นายชวรัตน์คงเป็นห่วงตน แต่ไม่มีผู้ใหญ่ในพรรคภูมิใจไทยโทร.มาหา เคยบอกแล้วว่าเป็นข้าราช การ หน้าที่คือทำงานให้ประสบความสำเร็จภายใต้นโยบายรัฐบาล ใครมาเป็นรัฐบาลก็ต้องทำ ไม่ใช่พอรัฐบาลนี้มาเต็มที่ พออีกรัฐบาลหนึ่งกลับไม่ทำงาน อย่างนั้นไม่ใช่หน้าที่ของราชการ แต่ยอมรับว่าตำแหน่งปลัดกระทรวงเป็นตำแหน่งที่เปราะบาง มีโอกาสทำให้เกิดความไว้วางใจหรือไม่ไว้วางใจได้ หากทำงานตรงนั้นไม่เหมาะ มาทำตรงนี้แล้วเกิดผลลัพธ์ที่ดี ถือเป็นเรื่องที่ดี
ยันไม่ติดใจโดนเด้งพ้นปลัดมท.
เมื่อถามว่ามีโอกาสกลับไปนั่งตำแหน่งเดิมหรือไม่ เพราะยังเหลืออายุราชการอีก 4 ปี นายวิเชียรกล่าวว่าไม่ได้คาดหวังอย่างนั้น เพื่อนข้าราชการให้กำลังใจและบอกว่าความสามารถเป็นเรื่องสำคัญ พิสูจน์กันที่ผลงาน ฝ่ายการเมืองทั้งนายกฯและรมว.มหาดไทยไม่ได้ตกลงเงื่อนไขพิเศษ หรือให้สัญญาว่าจะให้กลับไปตำแหน่งเดิม แต่นายกฯให้กำลังใจว่าถ้าทำงานพิสูจน์ผลงานได้ก็มีโอกาสก้าวหน้า แต่ไม่ได้รับปากว่าทำแล้วจะได้กลับไปเป็นปลัดมหาดไทย มิเช่นนั้นจะกลายเป็นการแลกเปลี่ยน ยืนยันว่าไม่มีเงื่อนไขอะไรในการโยกย้ายครั้งนี้
เมื่อถามว่าแสดงว่าไม่ติดใจและไม่ไปร้องทุกข์ต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม(ก.พ.ค.) นายวิเชียรกล่าวว่าอยู่ที่ว่าเรามีโอกาสได้ทำงานหรือไม่ ตนตัดสินใจมาทำงานตรงนี้แล้ว ส่วนเรื่องความน้อยใจนั้น เราเป็นมนุษย์ปุถุชนคนธรรมดามันต้องมีบ้าง แต่ไม่ใช่เรื่องมาบั่นทอนกำลังใจ ตนเหลืออายุราชการอีกตั้ง 4 ปี จะมายืนหรือนั่งเฉยๆ กินเงินเดือนคงไม่เหมาะ เมื่อถามว่า 4 ปีที่เหลือจะทำงานล้างภาพเด็กสายตรงนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทยได้หรือไม่ นายวิเชียรกล่าวว่า ใครไปดูประวัติตนจะรู้ว่าเป็นเด็กบ้านนอกคนหนึ่งที่เติบโตมาจากการทำงาน พิสูจน์ฝีมือด้วยการทำงาน ไม่ใช่การเป็นเด็กใคร
"ผมเรียนรัฐศาสตร์มาเข้าใจกลไกแห่งอำนาจ ถ้าอยากทำงานการเมือง ต้องไปสมัครรับเลือกตั้ง แต่ถ้าเป็นข้าราชการเรามีหน้าที่ทำงานให้สำเร็จ ผมไม่กล้าพูดถึงขนาดว่าถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง แต่ทุกอย่างมันมีเหตุผลของมัน" นายวิเชียรกล่าว
โกวิทชี้กรณี"ถวิล"ทำตามอำนาจ
เวลา 11.00 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม มีการพิจารณากระทู้ถามสดของนายอลงกรณ์ พลบุตร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ถามพล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกฯ เรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการอย่างไม่เป็นธรรม โดยเฉพาะกรณีนายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ไปเป็นที่ปรึกษา นายกฯฝ่ายข้าราชการประจำ
พล.ต.อ.โกวิทชี้แจงว่า ข้อกฎหมายตามพ.ร.บ. ระเบียบพลเรือนปี 2551 มาตรา 57 ระบุถึงอำนาจหน้าที่และขั้นตอนการแต่งตั้งโยกย้ายไว้อย่างชัดเจน ตนยินยอมให้โยกย้าย เพราะตำแหน่งเลขาฯสมช.ต้องเป็นผู้ประสานการปฏิบัติให้เกิดผลสำเร็จ และสถานการณ์ด้านความมั่นคงได้เปลี่ยนไปจากเดิมมาก ดังนั้นผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวต้องเข้าใจนโยบาย และเป็นคนที่รัฐบาลไว้ใจที่จะมอบภารกิจสำคัญ ซึ่งตำแหน่งที่ปรึกษานายกฯฝ่ายข้าราชการประจำก็เป็นสายงานเดิม ยังได้รับเงินเดือน เงินประจำตำแหน่งเหมือนที่สังกัดเดิมทุกอย่าง และลักษณะงานก็มีหน้าที่ให้คำปรึกษา เสนอแนะนโยบายด้านความมั่นคงและประสานงานภาครัฐและเอกชน เพื่อสนับสนุนภารกิจด้านความมั่นคงของรัฐบาล
พล.ต.อ.โกวิทกล่าวอีกว่า ขอยืนยันว่าทุกอย่างทำด้วยความรอบครอบ ตรงไปตรงมา และเรื่องที่เกี่ยวกับตนก็มีเท่านี้ สำหรับตำแหน่งเลขาธิการ สมช.นั้นจะดำเนินการทุกอย่างตามกฎเกณฑ์ คำนึงถึงความรู้ ความสามารถ ตลอดจนนโยบายรัฐบาลที่ประกาศไว้ต่อสภา และประชาชน ส่วนที่เป็นห่วงในเรื่องคุณธรรมนั้น คุณธรรมเป็นเพียงนามธรรมที่ไม่มีรูปร่าง มองไม่เห็น ดังนั้นอาจมองไม่ตรงกัน ทั้งนี้รัฐบาลจะยึดกฎหมาย ซึ่งเป็นคุณธรรมอย่างหนึ่ง ที่ตรวจสอบได้ว่าการโยกย้ายเป็นธรรมหรือไม่
ปชป.ตั้งแง่ขุนค้อนไม่เป็นกลาง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดความวุ่นวายขึ้นในการประชุมสภาด้วย ในระหว่างพิจารณากระทู้ถามสดของนายสามารถ ราชพลสิทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ที่ถามรมว.คมนาคมเรื่องนโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายว่า ที่ระบุตอนหาเสียงว่าจะทำได้ทันที ถือว่าผิดสัญญาที่ให้พี่น้องประชาชน ไม่มีใครคิดว่าจะต้องรอให้สร้างเพิ่มอีก 10 สาย จนแล้วเสร็จทั้งหมดถึงจะลดเหลือ 20 บาทได้ เมื่อนายก่อแก้วขอใช้สิทธิพาดพิงพร้อมตอบโต้ว่า ไม่เหมือน พรรคประชาธิปัตย์ที่บอกว่า 99 วันทำได้จริง แต่ก็ยังไม่เห็นทำได้ ทำให้ส.ส.ประชาธิปัตย์หลายคนลุกขึ้นประท้วง จนเกิดการโต้เถียงกันไปมาอย่างดุเดือด ระหว่างฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายค้าน ทำให้นายสมศักดิ์ประธานในที่ประชุมวินิจฉัยแล้วอนุญาตให้พูดได้ จนส.ส.พรรคประชาธิปัตย์รุมส่งเสียงโห่อย่างหนัก พร้อมกับรุมตำหนิการทำหน้าที่ของนายสมศักดิ์ว่าไม่มีความเป็นกลาง
น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ ประท้วงว่า "ถ้าประธานทำหน้าที่แบบนี้ให้ลงมาเถอะ เดี๋ยวจะขึ้นไปเป็นประธานเอง เป็นลูกผู้ชายขอให้เป็นกลางหน่อย ถ้าประชุมกันไม่ได้ก็ให้เลิกกันไปเลย"
โดยนายสมศักดิ์ยืนยันว่าปฏิบัติหน้าที่เป็น กลางและถูกต้องตามข้อบังคับทุกอย่าง จากนั้นประธานก็ได้ตัดบทเข้าสู่การพิจารณากระทู้น้ำท่วมทันที
ลั่นเตรียมหาวิธีตอบโต้สมศักดิ์
น.ส.รังสิมาแถลงภายหลังการอภิปรายว่า ประธานบอกว่าการวินิจฉัยของประธานเป็นที่สิ้นสุด มีอะไรตนจะรับผิดชอบเอง หากเป็นเช่นนี้ซ้ำๆ พรรคประชาธิปัตย์คงรับไม่ได้ สภาก็คงประชุมร่วมกันไม่ได้
น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม วิปฝ่ายค้าน แถลงว่าวิปฝ่ายค้านสุดทนต่อพฤติกรรมของนายสมศักดิ์ ทำหน้าที่เหมือนมีใบสั่งตรง เอนเอียง ไม่เป็นธรรม เนื่องจากในวาระกระทู้สด คนที่มีสิทธิ์ชี้แจงคือรัฐมนตรีเท่านั้น จริงอยู่ที่ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์พาดพิงพรรคเพื่อไทย รัฐมนตรีเป็นคนของพรรคเพื่อไทยก็ต้องชี้แจงสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด ซึ่งต่างจากการอภิปราย ถ้าการอภิปรายมีการพาดพิงถึงพรรคเพื่อไทย ส.ส.พรรคเพื่อไทยก็มีสิทธิ์ชี้แจง แต่วันนี้พฤติกรรมของประธานคือพยายามเปิดโอกาสให้ส.ส.พรรคเพื่อไทยพูดและชี้แจง ถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่ที่ไม่เป็นกลาง และไม่เป็นธรรมอย่างยิ่ง สุดทนต่อประธานต่อเจตนาที่รับใบสั่งในการปิดปากฝ่ายค้าน ขอตำหนิและประณามการกระทำครั้งนี้อย่างรุนแรง เชื่อว่าฝ่ายค้านคงจะหามาตรการตอบโต้
มาร์คบี้พท.มุ่งเปิดประเด็นการเมือง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภา กล่าวถึง พ.ต.ท.ทักษิณสไกป์ ว่า งานที่เป็นนโยบายหลักและทิศทางประเทศที่เขียนเกริ่นไว้ในนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา ยังไม่มีคำตอบในการบริหารเลย พ.ต.ท.ทักษิณอาจมองว่าขณะนี้งานต่างๆ ยังไม่ออกมาตามที่สัญญาไว้ แต่เรื่องสำคัญไม่ได้อยู่ที่โครงการต่างๆ สิ่งที่เราต้องการคือทิศทางภาพรวมในการบริหารประเทศ ต้องดูผลประโยชน์ของส่วนรวม และต้องยอมรับว่าเหตุที่นโยบาย ซึ่งเกี่ยวกับประชาชนหลายเรื่องยังไม่คืบ เพราะรัฐบาลมัวแต่หมกมุ่นอยู่กับเรื่องพ.ต.ท.ทักษิณ คิดจะแก้กฎหมาย แก้รัฐธรรมนูญ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยควรทำ ตามนโยบายที่สัญญาไว้กับประชาชน เพราะขณะนี้ค่าจ้าง 300 บาทก็ไม่ได้ เงินเดือน 15,000 บาท ก็ไม่ได้ ของแพงและน้ำท่วมก็เป็นปัญหาใหญ่ ควรจะเร่งแก้ไข มากกว่าสร้างประเด็นทางการเมือง บ้านหลักแรก รถคันแรก ออกมาแล้วมีปัญหา กรณีบ้านหลังแรกไม่ได้ออกแบบมาเพื่อช่วยคนมีรายได้น้อย แต่กลับไปช่วยกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งไม่จำเป็นต้องเอาภาษีของประชาชนไปกระตุ้น นี่คือสิ่งที่สังคมจะเรียกร้องให้ตรวจสอบ แต่มีการพยายามสร้างประเด็นเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ
จี้คอ.นธ.ทำตามเขตอำนาจ
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่นายอุกฤษ มงคลนาวิน ประธานกรรมการอิสระว่าด้วยหลักนิติธรรมแห่งชาติ (คอ.นธ.) ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 2 ชี้แจงเป้าหมายว่า จะเข้ามาแก้ไขหลักนิติธรรม นิติรัฐ และสองมาตรฐาน ว่า นายอุกฤษ สามารถชี้แจงได้ อำนาจหน้าที่คอ.นธ.จะต้องอยู่ในขอบเขตที่ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีระบุไว้ แต่ถ้าก้าวล่วงไปวิจารณ์คำพิพากษา จะเป็นการละเมิดหลักนิติธรรมนิติรัฐเสียเอง ส่วนตัวเชื่อว่าเป็นสิ่งที่นักกฎหมายที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ไม่ควรทำ
เมื่อถามถึงข้อเสนอของอาจารย์กลุ่มนิติราษฎร์ที่ให้ล้มล้างกฎหมายและคดีที่มีที่มาจากรัฐ ประหาร 19 ก.ย.2549 นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อย่ามองมุมเดียว ถ้าอยากจะล้มล้างทุกอย่างที่เกี่ยวกับรัฐประหารแล้วขอบเขตมันจะอยู่ที่ไหน การเลือกตั้ง รัฐบาลที่ตั้งมาทุกชุด ทั้งชุดของนายสมัคร สุนทรเวช นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็มาจากรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 ถ้าพูดรัฐประหาร ต้องพูดทุกครั้งหรือไม่ คนที่ได้ประโยชน์จากรัฐประหาร เช่น สัมปทาน ให้หมายรวมหรือไม่ ถ้าจะปฏิเสธทุกอย่าง ก็ต้องล้างไปให้หมด
เมื่อถามว่ามองว่าข้อเสนอคอป.กำลังถูกฝ่ายการเมืองใช้เป็นเครื่องมือล้างผิดให้กับคนเสื้อแดงหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คอป.เสนอเป็นแค่หลักการ ซึ่งหากแยกแยะได้ว่าอะไรเป็นความผิดทางการเมือง อะไรต้องใช้มาตรการพิเศษ มันก็ ไปได้ แต่ไม่ใช่ตีขลุมไปหมด อย่างคดีทุจริตเรื่อง หมิ่นสถาบัน ก็ต้องแยกออก อย่างไรก็ตามแนว ทางตนก็ไปในทิศทางเดียวกับคอป. อย่างเช่นให้กรมคุ้มครองสิทธิ์ เข้าไปช่วยเหลือผู้ต้องขังเสื้อแดง ทั้งนี้เห็นด้วยว่าต้องทำพร้อมการเยียวยา ส่วนงบประมาณที่ตั้งไว้ 8 พันล้านบาทก็ต้องดูให้เหมาะสม เพราะมีเหตุการณ์ทั้งการเมืองและไฟใต้
นิติราษฎร์เซ็งสื่อบิดข่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 21 ก.ย. เว็บ ไซต์นิติราษฎร์ แจ้งกำหนดการแถลงข่าวข้อเสนอให้ลบล้างผลพวงจากรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 โดยระบุว่า สืบเนื่องจากการแถลงข้อเสนอทางวิชาการ "5 ปี รัฐประหาร 1 ปี นิติราษฎร์" เมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 ก.ย. ปรากฏว่าได้มีการนำเสนอข่าวสารโดยสื่อมวลชนในลักษณะที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อนไปจากข้อเสนอของคณะนิติราษฎร์ จนสร้างความเข้าใจผิดแก่สาธารณชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อเสนอให้ "ลบล้างผลพวงจากรัฐประหาร 19 กันยายน 2549" ประกอบกับมีผู้ตั้งคำถาม และวิพากษ์วิจารณ์โดยไม่ได้ศึกษารายละเอียดของข้อเสนอดังกล่าวให้เข้าใจอย่างเพียงพอ ดังนั้นจึงขอเรียนเชิญสื่อมวลชนทุกแขนง และบรรดาผู้วิพากษ์ข้อเสนอของคณะนิติราษฎร์ทั้งหลาย มาซักถาม และแสดงความเห็น วิพากษ์วิจารณ์อย่างเป็นทางการ ในวันอาทิตย์ที่ 25 ก.ย. เวลา 13.00 น. เป็นต้นไป ที่ห้อง 123 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่า พระจันทร์
นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ ยังระบุในเว็บไซต์นิติราษฎร์ ว่า งานแถลงข่าวมีขึ้นหลังจากสื่อมวลชนบางสำนักนำเสนอข่าวให้ร้าย คลาดเคลื่อน และเพื่อให้เรื่องดำเนินไปในทางที่เป็นประโยชน์ต่อประชาธิปไตย จึงได้หารือกับคณะนิติราษฎร์เพื่อ ให้มีการแถลงข่าว โดยจะเปิดให้ซักถามถกเถียงทุกประเด็น และขอเรียนเชิญผู้วิพากษ์วิจารณ์ได้โปรดมา "ซักถามกันให้ตรงไปตรงมา ถึงเลือดถึงเนื้อกันไปเลย ทุกคำถาม ทุกประเด็น"
เปิดแถลงเชิญมาร์คมาซักเอง
นายวรเจตน์ ระบุด้วยว่า ได้เตรียมทำจดหมายเชิญนายถาวร เสนเนียม และนายอภิสิทธิ์ มาร่วมซักถามด้วย หลังจากที่ทั้งสองคนได้วิพากษ์วิจารณ์ทางสื่อมวลชนก่อนหน้านี้
ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา หารือประเด็นที่รายการคลายปมถูกปลดจากช่อง 11 และเรื่องคุกคามสิทธิเสรีภาพสื่อ เชิญน.ส.กฤษณา สีหลักษณ์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และน.ส.รัตนา เจริญศักดิ์ ผอ. สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยเข้าชี้แจง
ทั้งนี้ น.ส.กฤษณา กล่าวว่า อยากให้สื่อร่วมกันสร้างบรรยากาศที่ดี ไม่อยากให้กรมประชา สัมพันธ์เป็นกระบอกเสียงให้แก่รัฐบาลอย่างเดียว แต่อยากให้พัฒนารายการที่สร้างสรรค์ เป็นประโยชน์ต่อสังคม ตนดูแลสื่อ ให้อิสรภาพแก่ผู้ปฏิบัติงานอย่างเต็มที่ เปิดพื้นที่ให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมทางการเมืองด้วย อย่างไรก็ตาม รายการ ดังกล่าวยังไม่มีการเปลี่ยนกลางคัน แต่ถ้าจะเปลี่ยนก็ต้องยึดเหตุและผล
หึ่งมท.ล้างบางเด็กเนวิน
รายงานข่าวจากกระทรวงมหาดไทยแจ้งว่า ความเคลื่อนไหวในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำแหน่งบริหารระดับสูง ทั้งตำแหน่งอธิบดี ผู้ว่าฯ และผู้ตรวจราชการ ค่อนข้างแน่ชัดแล้วว่าจะแบ่งการแต่งตั้งและโยกย้ายเป็น 2 ขยัก โดยจะย้ายสลับตำแหน่งอธิบดี ผู้ว่าฯ และผู้ตรวจฯ ก่อนจะแต่งตั้งรองผู้ว่าฯ ดำรงตำแหน่งแทนตำแหน่งเกษียณอายุราชการ 20 ตำแหน่ง ซึ่งการพิจารณาคัดเลือกรองผู้ว่าฯ รองอธิบดี ที่จะมาดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าฯนั้น นายพระนาย สุวรรณรัฐ รองปลัดมหาดไทย รักษาราชการแทนปลัด ต้องตั้งคณะกรรมการกำหนดคุณสมบัติผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่ง จากนั้นจะสอบวิสัยทัศน์ ขั้นตอนต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร และการแต่งตั้งอาจจะเสร็จภายหลังจากที่มีข้าราชการเกษียณอายุแล้วในวันที่ 30 ก.ย. โดยระหว่างนั้นจะตั้งรองผู้ว่าฯรักษาราชการแทนตำแหน่งผู้ว่าฯที่ว่างอยู่
รายงานข่าวระบุว่า คาดว่าจะย้ายคนที่เชื่อว่าเป็นคนสนิทของนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ที่ได้รับการแต่งตั้งในช่วงรัฐบาลที่ผ่านมาออกจากตำแหน่ง อาทิ นายสุรชัย ขันอาสา อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายขวัญชัย วงศ์นิติกร อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ไปดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ หรือผู้ตรวจฯ ย้ายนายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นรองปลัดกระทรวง
เล็งปูทาง"ทวี"นั่งปลัดมท.
รายงานข่าวระบุด้วยว่า นอกจากนี้จะตั้งคนสนิทของพรรคเพื่อไทยที่ถูกย้ายไปเป็นผู้ตรวจฯกลับมา โดยมีชื่อนายวีระยุทธ เอี่ยมอำภา ผู้ตรวจฯ ไปดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครอง ท้องถิ่น และมีชื่อของนายสุกิจ เจริญรัตนกุล พี่ชาย น.พ.สุชัย เจริญรัตนกุล อดีตรองนายกฯ คนสนิทของคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ที่ถูกย้าย จากอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ไปเป็นผู้ตรวจฯในรัฐบาลที่ผ่านมา กลับเข้ามาเป็นอธิบดีกรมการปกครอง ทั้งนี้ คาดว่าจะมีการเสนอบัญชีโยกย้าย เข้าสู่ที่ประชุมครม.ในวันที่ 27 ก.ย.นี้ โดยจะย้ายสลับไม่น้อยกว่า 40 ตำแหน่ง และมีผู้ว่าฯไม่น้อยกว่า 10 คนที่จะต้องถูกย้ายมาเป็นผู้ตรวจฯ
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า จะมีการย้ายนายภาณุ อุทัยรัตน์ เลขาธิการศอ.บต.ไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกฯ ฝ่ายข้าราชการประจำ และแต่งตั้ง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ไปดำรงตำแหน่ง เลขาฯศอ.บต.แทน เพื่อปูทางให้ พ.ต.อ.ทวีขึ้นสู่ตำแหน่งระดับ 11 และในปี"55 ซึ่งปลัดกระทรวงยุติธรรมจะเกษียณอายุราชการ และจะมีการแต่งตั้งพ.ต.อ.ทวีไปดำรงตำแหน่งแทน
เผยทบทวนเรือดำน้ำ-เหตุสตง.ทัก
วันที่ 22 ก.ย. ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนเป็นประธานประชุมสภากลาโหม ถึงกรณี พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผบ.ทร. ไม่สบายใจที่กระทรวงกลาโหมตีกลับโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำมือสองจากประเทศเยอรมนี โดยให้เหตุผลเรื่องความโปร่งใส ว่า ไม่ได้หมายความว่ากองทัพเรือไม่โปร่งใส แต่หมายความว่า ทำให้ตัวรัฐมนตรีเองโปร่งใส เราเชื่อในเกียรติยศว่าทุกอย่างผ่านมาด้วยความเรียบร้อย แต่เราได้รับหนังสือทักท้วงจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินว่า ขอให้รมว.กลาโหมตรวจสอบรายละเอียดการจัดซื้อเรือดำน้ำว่าคุ้มค่าหรือไม่ และจัดส่งให้สำนักงบประมาณกระทรวงกลาโหมพิจารณาอีกครั้ง หากเฉยเมยต่อข้อทักท้วงก็จะไม่ดี จึงส่งให้สำนักงบประมาณกระทรวงกลาโหมไปดูแลและได้รับการเตือนจาก ส.ส. และ ส.ว. ว่าขอให้ดูให้ดี แม้งบฯ ดังกล่าวจะเป็นงบฯ ของกองทัพเรือ แต่เรื่องนี้ละเอียดอ่อนจึงต้องดูแลให้เรียบร้อยโปร่งใส ก่อนส่งให้ ครม. ไม่อย่างนั้นจะเจอกับกระทู้ และการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวด้วยว่า คณะกรรมการกลั่นกรองเสนอมาอย่างไรก็ยึดตามนั้น ยืนยันว่าไม่มีการผิดใจกับผบ.ทร. และจะเรียนให้ผบ.ทร.ว่า ตนไม่ติดใจ ถือเป็นขั้นตอนให้เกิดความรอบคอบเท่านั้น และมีเหตุมีผลที่จะลงนามเสนอครม. เพราะหากไม่ดูอะไรเลยจะมีปัญหาเหมือนสมัยเป็นรมช.กลาโหม ที่ลงนามแทนรมว.กลาโหม แล้วโดนสอบสวนจากคณะกรรมการป้องกันและปราบรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่อยากให้ภาพนั้นเกิดขึ้นกับตนอีก
ปูยันบ้านหลังแรก5ล.ไม่เอื้อเอสซีฯ
วันที่ 22 ก.ย. ที่รัฐสภา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีฝ่ายค้านโจมตีรัฐบาลดำเนินนโยบายบ้านหลังแรก เอื้อประโยชน์ให้บริษัทเอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ว่า การที่รัฐบาลเลือกบ้านที่ราคาตั้งแต่ 5 ล้านลงไป เพราะตามสถิติคนซื้อบ้านอยู่ที่ราคา 3-5 ล้านบาท แต่เอสซี แอสเสท นั้นส่วนใหญ่ทำบ้านขายในราคาที่สูงกว่า 5 ล้านทั้งนั้น คอนโด มิเนียมของเอสซีฯ ส่วนใหญ่เป็นตึกสูงและกว่าโครงการจะเสร็จก็ปลายปี แทบจะไม่ได้รับผลจากโครงการนี้ของรัฐบาลเลย เพราะมีอายุ 1 ปี ตนทำงานเพราะต้องการให้ประชาชนทั้งหมด ในภาพรวม ไม่ได้คำนึงถึงว่าจะต้องเอื้อประโยชน์ใดๆ
เมื่อถามว่ายืนยันได้ใช่หรือไม่ว่าไม่ได้ดำเนินการเพื่อประโยชน์ทับซ้อนใดๆ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ตนยืนยันและให้ตรวจสอบได้ โดยเฉพาะไปดูจากโครงการเอสซีฯ คงเห็นว่าบ้านของเอสซีฯ ขายตั้งแต่ราคา 8 ล้านบาท ถึง 50-100 ล้านบาท ไม่ค่อยมีบ้านที่ราคาต่ำกว่า 5 ล้านเลยด้วยซ้ำ
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ กล่าวว่า คนที่จะโจมตีการทำงานของรัฐบาลก็สามารถโจมตีได้ทุกเรื่อง ทุกนโยบาย ยืนยันว่าการวางกฎเกณฑ์บ้านหลังแรกไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้ผู้ประกอบการรายใดเป็นพิเศษ แต่พิจารณาตามความเหมาะสมของประชาชนที่ต้องการที่อยู่อาศัยแบบเป็นครอบครัวมากขึ้น ราคาที่กำหนดไว้สูงสุดหลังละไม่เกิน 5 ล้านบาท เป็นราคาที่พิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว
นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า การกำหนดนโยบายนี้ ผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่มีรายได้ตั้งแต่ 20,000 บาทขึ้นไป จะได้รับประโยชน์มากที่สุดนั้น เป็นเรื่องที่เหมาะสม ถือเป็นการตอบแทนผู้เสียภาษีให้กับประเทศมาโดยตลอด จำนวนผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ได้รับประโยชน์มีถึง 4-5 ล้านคน ทั้งนี้ รัฐบาลกำลังดำเนินนโยบายต่างๆ ให้กับประชาชนตามที่แถลงนโยบายต่อรัฐสภา แต่นโยบาย ลดหย่อนอัตราดอกเบี้ย 0% นาน 5 ปี ให้กับผู้ซื้อบ้านหลังแรกนั้น ไม่ได้เป็นนโยบายของรัฐบาลที่ประกาศไว้ จึงยังไม่พิจารณาในขณะนี้ รวมถึงการขยายเงื่อนไขในนโยบายบ้านหลังแรกใดๆ ทั้งสิ้น
กห.ยันส่งโผเดิม-ปัดนายกฯล้วงลูก
วันที่ 22 ก.ย. ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม เรียกประชุม คณะกรรมการปรับย้ายนายทหารระดับชั้นนายพลตามพ.ร.บ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม 2551 (พ.ร.บ.กห.) หลังรัฐบาลไม่เปิดตำแหน่งประธานที่ปรึกษากระทรวงกลาโหม ทำให้นายกฯ ตีกลับโผทหารมายังรมว.กลาโหม โดยเป็นการหารือกันระหว่างรมว.กลาโหม และผบ.เหล่าทัพ ประกอบด้วย พล.อ.กิตติพงษ์ เกษโกวิท ปลัดกลาโหม พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.สส. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผบ.ทร. พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผบ.ทอ. ซึ่งเป็นการหารือครั้งสุดท้ายก่อนนำเสนอต่อนายกฯ ในวันที่ 23 ก.ย.นี้ เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ ต่อไป
พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงหลังการประชุม ว่า ใช้เวลาประชุม 20 นาที ความจริงใช้เวลาหารือเพียง 10 นาที ส่วนเวลาที่เหลืออาจพูดคุยกรณีรมว.กลาโหม จะเดินทางเยือนกัมพูชา การประชุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีข้อขัดแย้ง ผบ.สส. และผบ.เหล่าทัพยิ้มแย้มแจ่มใส ที่ประชุมยังยืนยันตามมติเดิมวันที่ 1 ก.ย. ส่วนตำแหน่งประธานคณะที่ปรึกษาฯ กลาโหม คือ พล.อ.คณิต สาพิทักษ์ ซึ่งจะเกษียณอายุราชการในปีུ คณะกรรมการให้คงตำแหน่งนี้ไว้ตามเดิม และไม่ขอเปิดอัตราดังกล่าว ทำให้พล.อ.คณิต ยังคงดำรงตำแหน่งนี้อยู่ต่อไป ขั้นตอนต่อไปกระทรวงกลาโหมจะประสานงานโดยตรงกับสำนักนายกรัฐมนตรี คาดว่า จะทันตามกรอบกำหนดเวลาในปลายเดือนก.ย.นี้ จากนี้กรมเสมียนตราจะเข้ามาปรับแก้ในรายละเอียด เพื่อนำส่งให้นายกฯ ต่อไป
"ยืนยันว่า รมว.กลาโหม รวมถึงผบ.สส.และผบ.เหล่าทัพ รู้สึกสบายใจและไม่มีข้อขัดแย้ง ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่านายกฯ จะแก้ไขโผทหารหรือไม่ นายกฯ มีอำนาจในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดในการบริหารประเทศจึงมีอำนาจสิทธิในการตรวจสอบข้อมูล รายละเอียดต่างๆ ให้เกิดความเหมาะสม แต่ที่ผ่านมากระทรวงกลาโหมมีคณะกรรมการพิจารณาอยู่แล้ว ดังนั้น นายกฯ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องว่าจะเข้ามาล้วงลูกหรือจะปรับเปลี่ยน เพราะการพิจารณาขึ้นอยู่กับคณะกรรมการ 6 ท่าน ปัญหาที่มีการส่งกลับ คือ ตำแหน่งประธานคณะที่ปรึกษากระทรวงกลาโหมเท่านั้น ส่วนตำแหน่งปลัดกลาโหมเรียบร้อย และสามารถพูดคุยตกลงกันได้" โฆษกกลาโหมกล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับโผโยกย้ายในที่สุดมาลงตัวที่ พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ประธานคณะที่ปรึกษากองบัญชาการกองทัพไทย เป็นปลัดกระทรวงกลาโหม ส่วนพล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม ที่พล.อ.ยุทธศักดิ์ผลักดันขึ้นมาเป็นปลัดกระทรวงกลาโหม จะไปดำรงตำแหน่ง จเรทหารทั่วไป
0 comments:
Post a Comment