Links
...
Labels
Showing posts with label Asia News. Show all posts
Showing posts with label Asia News. Show all posts
ส่งคลิปฆ่าปาดคอแดงแพร่ให้ตร., Asia News, Thai , news,
เนื้อหาในคลิปดังกล่าวเป็นเหตุการณ์เกิดเหตุระบุเวลา 22.10 น.ของคืนวันที่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยนายอุดมทรัพย์กำลังเล่นแคมฟร็อก และมีชายไทยสูงประมาณ 160 ซม. มีรอยสักแขนที่แขนขวาจากจากไหล่ถึงข้อมือ สวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงสามส่วนลายพรางทหาร ใช้เหล็กฟาดเข้าบริเวณศีรษะนายอุดมทรัพย์จนตกจากม้านั่ง หลังจากนั้นได้ใช้กระดาษสีขาวที่ใช้สำหรับห่อพวงหรีด ปิดหน้านายอุดมทรัพย์แล้วใช้มีดยาว 10 นิ้วที่พกมาปาดคอไปมาอย่างใจเย็น ทำให้นายอุดมทรัพย์ ยกแขนกระตุกขึ้นสองครั้งก่อนที่จะแน่นิ่งไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งนี้ในแต่ละวันนายอุดมทรัพย์ จะเดินทางไปซื้ออาหารที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งสาขาแพร่ ระหว่างเวลา 21.00-22.00 น. หลังจากนั้นก็เดินทางกลับมาที่ร้านทรัพย์อุดม ซึ่งช่วงเเวลาดังกล่าว อาจจะมีคนร้ายตามมาตั้งแต่ห้าง และลงมือฆ่านายอุดมทรัพย์อย่างอุกอาจขณะที่นั่งเล่นแคมฟร็อก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 1 กันยายน 2554 นายวรวัจน์ เอ้อภิญญกุล รมว.ศึกษาจะเดินทางไปที่ จ.แพร่ และจะติดตามความคืบหน้าคดีดังกล่าวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการติดตามจับกุมคนร้ายรายนี้ด้วยตนเอง
ส่งคลิปฆ่าปาดคอ'แดงแพร่'ให้ตร.
มือดีส่งคลิปฆ่าปาดคอแกนนำเสื้อแดงแพร่ให้ ตร. ภาพชัดลงมือสุดโหดใช้เหล็กฟาดหัว ก่อนใช้มีดปาดคออย่างเลือดเย็น "วรวัจน์" จี้ ตร.เร่งติดตามคนร้าย ส่วน ตร. เร่งนำพยานดูคลิปควานหาตัวคนร้ายแต่ยังไร้วี่แวว
เมื่อเวลา 15.30 น.วันที่ 30 สิงหาคม ได้มีผู้ส่งคลิปฆ่าปาดคอ นายอุดมทรัพย์ ธรรมเมือง รองประธานชมรมรักษ์ประชาธิปไตยแพร่ 53 แกนนำเสื้อแดงจังหวัดแพร่ และเป็นหัวคะแนนคนสำคัญของ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล รมว.ศึกษาธิการ
ทั้งนี้การติดตามคนร้าย พ.ต.อ.วันชัย เจริญผล ผกก.สภ.เมืองแพร่ ได้นำพนักงานตามร้านอาหาร สถานบริการ ปั้มน้ำมัน และสถานบริการในจังหวัดแพร่มาดูภาพคลิปดังกล่าว แต่ยังไม่พบว่ามีผู้ใดทราบว่า คนร้านรายนี้คือใคร
http://77.nationchannel.com/playvideo.php?id=171053
'ทักษิณ' โฟนอินขอโทษเสื้อแดงไปพบที่ลาวไม่ได้, Asia News, Thai , news,
เวลา 20.00 น. ที่สถานีวิทยุชมรมคนรักอุดร 97.5 เมกกะเฮิร์ซ บ้านหนองลีหู ต.สามพร้าว อ.เมือง นายขวัญชัยพร้อมสมาชิกชมรมจำนวน 576 คน คอยฟัง พ.ต.ท.ทักษิณ จะโฟนอินเข้ามายังมือถือของนายขวัญชัยเพื่อพูดคุยกับคนเสื้อแดงทั้งหมด
จนกระทั้งเวลา 20.20 น. พ.ต.ท.ทักษิณโฟนอินเข้ามาที่มือถือของนายขวัญชัย โดยมีการนำเสียงออกอากาศสด ผ่านคลื่นวิทยุ และถ่ายทอดสดสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ช่อง P&P Channel พร้อมกล่าวขอโทษที่ไม่ได้เดินทางไปพบว่า เพราะมีคนไม่อยากให้ตนไปพบ โดยเฉพาะฝ่ายค้านที่เขากลัวตนเหมือนกลัวผี กลัวตนไปใกล้มาก ๆ เหมือนคอจะหักอย่างนั้น ตนก็เลยไม่ได้ไป เกรงใจรัฐบาล สปป.ลาว
จากนั้นเสียงสัญญาณเบาหายไปประมาณ 20 วินาที จากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ก็กล่าวว่า "ขอโทษนะที่ให้รอนาน เพราะโทรศัพท์ไปไม่ได้เลย โทร.ยังไม่ได้ โทร.ยากมาก"
นายขวัญชัยกล่าวว่า วันที่ 31 สิงหาคมนี้ได้นัดกับ พ.ต.ท.ทักษิณไว้ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ที่จะบินมาพบกับชมรมคนรักอุดร แต่ทางฝ่ายความมั่นคงของ สปป.ลาว เข้าไปตรวจสอบที่โรงแรมแห่งนั้น พ.ต.ท.ทักษิณจึงระงับการเดินทางมาพบ ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณก็เสียใจ เพราะเป็นคนนัดเอง แต่ก็มาไม่ได้ สิ่งที่ตนต้องการให้พ.ต.ท.ทักษิณยืนยัน ก็เพื่อให้พี่น้องของชมรมคนรักอุดร ได้เข้าใจว่าตนไม่ได้หลอกลวง ตั้งแต่วันที่พ.ต.ท.ทักษิณโทรทัศน์มานัดวันที่ 16 สิงหาคม ก็สื่อไปว่ามีคนอยากพบ แต่ชมรมคนรักอุดรไม่เคยพูดเลยว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะมาพบกับชมรมคนรักอุดร เพราะไม่ต้องการให้เป็นข่าว
นายขวัญชัยกล่าวว่า วันที่ 31 สิงหาคมนี้ได้นัดกับ พ.ต.ท.ทักษิณไว้ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ที่จะบินมาพบกับชมรมคนรักอุดร แต่ทางฝ่ายความมั่นคงของ สปป.ลาว เข้าไปตรวจสอบที่โรงแรมแห่งนั้น พ.ต.ท.ทักษิณจึงระงับการเดินทางมาพบ ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณก็เสียใจ เพราะเป็นคนนัดเอง แต่ก็มาไม่ได้ สิ่งที่ตนต้องการให้พ.ต.ท.ทักษิณยืนยัน ก็เพื่อให้พี่น้องของชมรมคนรักอุดร ได้เข้าใจว่าตนไม่ได้หลอกลวง ตั้งแต่วันที่พ.ต.ท.ทักษิณโทรทัศน์มานัดวันที่ 16 สิงหาคม ก็สื่อไปว่ามีคนอยากพบ แต่ชมรมคนรักอุดรไม่เคยพูดเลยว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะมาพบกับชมรมคนรักอุดร เพราะไม่ต้องการให้เป็นข่าว
“แต่แล้วก็มีผู้หวังดีประสงค์ร้ายไปปล่อยข่าวว่า พวกเราจะไปพบกับท่านที่ สปป,ลาว จึงเป็นประเด็นข่าวที่สื่อต่าง ๆ นำเสนอ ทางฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ติดต่อไปทาง สปป.ลาว เมื่อท่านทราบว่ามีข่าวออก ท่านจึงไม่เดินทางมา เพราะไม่ต้องการให้กระทบกระเทือนต่อรัฐบาลลาว ไม่อยากให้เป็นประเด็นทางการเมือง ท่านจึงยกเลิกการเดินทางมาพบกับพวกเรา แต่ท่านก็โฟนอินมาพูดคุย เพราะท่านแคร์ความรู้สึกของพวกเรา ที่สนับสนุนท่านมาตลอด 5 ปีที่ผ่านมา” นายขวัญชัยกล่าว
ขอขอบคุณ
อึ้ง! จับร้านของกงเต๊ก ละเมิดตราสินค้าลิขสิทธิ์, Asia News, Thai , news,
สัปดาห์ที่ผ่านมาหนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทมส์รายงานว่า เมื่อวันอังคารที่ 23 ส.ค. ทางตำรวจนิวยอร์กได้บุกเข้าตรวจค้นและจับพนักงานในร้านขายของกงเต๊งชื่อ “ฟุก ออน ซิง” ที่ตั้งอยู่บนถนนมัลเบอร์รี กลางเกาะแมนฮัตตันมหานครนิวยอร์ก โดยเจ้าของร้านดังกล่าวถูกตั้งข้อหา ปลอมแปลงสินค้าหลายชนิด รวมไปถึงละเมิดลิขสิทธิ์กระเป๋าแบรนด์ดังอย่าง หลุยส์ วิตตอง และเบอร์เบอรี อีกด้วย
สำหรับร้านฟุก ออน ซิง ตั้งอยู่ในย่านไชน่าทาวน์ โดยขายสินค้าและอุปกรณ์ต่างๆ เกี่ยวกับงานศพตามประเพณีจีนหลายหลายชนิด โดยสินค้าที่ละเมิดลิขสิทธิ์ส่วนใหญ่ผลิตจากกระดาษ กระดาษแข็ง และพลาสติกซึ่งชาวจีนใช้เผาส่งไปให้บรรพบุรุษหรือญาติมิตรที่ล่วงลับไปแล้วในพิธีกงเต๊ก โดยร้านดังกล่าวขายคฤหาสน์ทำจากกระดาษแข็งในราคาประมาณ 12,000 บาท (400 เหรียญสหรัฐฯ) โทรทัศน์จอแบน 1,200 บาท (40 เหรียญสหรัฐฯ) นอกจากนี้ยังมีแบงก์กงเต๊กระบุมูลค่าใบละ 10,000 เหรียญสหรัฐฯ รถยนต์สปอร์ต โทรศัพท์มือถือ ชุดสูท ตุ๊กตาคนรับใช้ที่ทำจากกระดาษขายอีกด้วย
“เมื่อญาติพี่น้องเสียชีวิต คนจีนก็รู้สึกว่าคนที่จากไปต้องการสิ่งของเครื่องใช้ในโลกหน้าด้วย พวกเขาอาจจะต้องการรถ ต้องการบ้าน และของดีๆ อย่างอื่น ผู้คนซื้อของเหล่านี้ไว้ใช้ส่งไปให้กับคนตาย” เอมี มัก ชาน ผู้มีศักดิ์เป็นป้าของพนักงานพยายามอธิบาย
ขณะที่โฆษกตำรวจนิวยอร์กให้ข้อมูลแต่เพียงที่ระบุในบันทึกการจับกุม คือ ผู้ถูกจับกุมคือ นายวิง ซุน มัก ถูกจับได้ว่าเสนอขายกระเป๋าถือปลอมแปลงละเมิดลิขสิทธิ์ยี่ห้อเบอร์เบอรีจำนวน 3 ใบ ละเมิดลิขสิทธิ์ยี่ห้อหลุยส์ วิตตองอีก 1 ใบ ไม่นับรวมกับรองเท้าอีก 4 คู่ และเสื้อผ้าอีก 2 ชุด
นายมักให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า มีชายในชุดลำลองเดินเข้ามาในร้าน โดยดูจะให้ความสนใจกับกระเป๋าและรองเท้าลำลองกระดาษแข็งที่พะยี่ห้อ หลุยส์ วิตตอง และกุชชี “เขาถามผมว่า ‘ราคาเท่าไหร่’” นายมักเล่า และตอบกลับไปว่าราคาใบละ 20 เหรียญสหรัฐฯ หลังจากนั้นชายคนดังกล่าวก็แสดงตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ และจับกุมนายมักในทันที
หลังจากถูกจับ นายมักถูกควบคุมตัวอยู่หนึ่งคืน และถูกนำตัวไปขึ้นศาลอาญาในช่วงบ่ายวันพุธ (24) ก่อนจะถูกปล่อยตัวออกมา โดยนายมักถูกตั้งข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ในระดับที่ 3 ขณะที่ทนายของมักให้สัมภาษณ์ว่า เขาปฏิเสธข้อเสนอของทางโจทก์ที่ยอมให้นายมักยอมรับสารภาพว่ากระทำผิดและจ่ายค่าปรับจำนวน 100 เหรียญสหรัฐฯ เพื่อยุติคดีความ
ป้าของผู้ต้องหาให้สัมภาษณ์ต่อว่า “เราไม่คิดว่าการขายของอย่างนี้จะผิดกฎหมายของอเมริกา เพราะของในพิธีกงเต๊กที่เผาไปให้กับผู้ตายก็เปลี่ยนแปลงไปยุคสมัย” โดยรายงานระบุด้วยว่าในวันดังกล่าวนอกจากการเข้าจับกุมของใช้ในพิธีกงเต๊กที่ละเมิดลิขสิทธิ์ในร้านฟุก ออน ซิงแล้ว ตำรวจนิวยอร์กยังมีการจับกุมผู้ตั้งแผงขายกระเป๋าแบรนด์เนมปลอมอื่นๆ ในย่านไชน่าทาวน์ของมหานครนิวยอร์กอีกด้วย
"แถลงการณ์กัมพูชาแฉ! "สุเทพดอดเจรจาลับ 2 ครั้ง", Asia News, Thai , news,
ในวันนี้(30 ส.ค.) องค์การปิโตเลียมแห่งชาติกัมพูชา ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงถึงการดำเนินการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ไทย-กัมพูชา ในอ่าวไทย ซึ่งในการเจรจาภายใต้การดำเนินการของรัฐบาลสมเด็จฮุน ขอปฏิเสธข้อกล่าวหาใดๆ ต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนทางทะเลกับกัมพูชา รวมถึงข้อกล่าวหาจากรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ได้ทำลายการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลลง โดยที่ผ่านมา รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นี้ก็มีความพยายามติดต่อเจรจาในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลมายังรัฐบาลสมเด็จฮุน เซ็น ด้วย
นอกจากนี้ แถลงการณ์ได้แสดงความยินดีจะเปิดการเจรจากับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เกี่ยวกับเขตพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของประชาชน ทั้ง 2 ประเทศ
ในแถลงการณ์ มีเนื้อหาระบุ โดยได้อ้างบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ระหว่างรัฐบาลไทย-กัมพูชา ว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชา อ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน ฉบับวันที่ 18 มิ.ย.2544 และการจัดตั้งเขตพัฒนาร่วม ซึ่งเอ็มโอยูปี 2544 ไม่ใช่เอกสารธรรมดา แต่เป็นเอกสารบันทึกความเข้าใจของ 2 ประเทศ ที่ได้จัดตั้งคณะงานทางเทคนิค ขึ้นมาเจรจาในเรื่องเขตแดน ในระหว่างปี 2544 - 2550 โดย 2 ประเทศประสบความสำเร็จอย่างมาก จนกระทั่งได้เกิดข้อเสนอในหลายประการ ทั้งในเรื่องการแบ่งโซนในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ในอ่าวไทย
แถลงการณ์ ระบุว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา คณะทำงานไม่ได้มีการประชุมอย่างเป็นทางการ แต่ว่า รัฐบาลอภิสิทธิ์ พยายามติดต่อเพื่อเปิดเจรจาในเรื่องนี้กับทางรัฐบาลฮุน เซ็น โดยมีการประชุมระหว่างสมเด็จฮุน เซ็น นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา กับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลเรื่องนี้และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในวันที่ 27 มิ.ย. 2551 ที่ จ.กันดาน ใกล้กับกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา
นอกจากนี้ ยังมีการประชุมระหว่างนายสุเทพ อดีตรองนายกรัฐมนตรี กับนายซก อาน รองนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ที่ฮ่องกง เมื่อวันที่ 1 ส.ค.2552 และที่คุนหมิง ประเทศสาธารณรัฐประชาชน ในวันที่ 16 ก.ค.2553 ทั้งนี้ ในการประชุมดังกล่าว นายสุเทพ ได้แสดงความตั้งใจ และอ้างพันธะที่ได้รับมอบหมายจากนายอภิสิทธิ์ ในการดำเนินการเปิดเจรจาดังกล่าว ที่นำไปสู่คำถามจากรัฐบาลสมเด็จฮุน เซ็น ว่า ทำไมถึงต้องมีการประชุมลับ ทั้งที่รัฐบาลอภิสิทธิ์ สามารถเจรจากับกัมพูชาได้อย่างเปิดเผย
แถลงการณ์ ได้อ้างว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้กล่าวหาการเจรจาครั้งก่อนๆ ว่า เต็มไปด้วยผลประโยชน์ส่วนตัวมากมาย ดังนั้น รัฐบาลกัมพูชาจึงขอถามว่า ทำไมภายใต้ รัฐบาลอภิสิทธิ์ จะต้องมีประชุมลับเช่นนี้ด้วย ซึ่งประชาชน ส.ส.ของไทย และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ทราบถึงการเจรจาทางลับนี้หรือไม่ ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีและในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในขระนี้ ได้ประกาศยืนยันความโปร่งใสครั้งแรกครั้งเหล่า แล้วที่ซ้ำร้ายไปกว่านั้น นายอภิสิทะ ได้กล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ ผู้ซึ่งทำงานกับกัมพูชาอย่างเปิดเผย ว่า มีผลประโยชน์ส่วนตัวกับกัมพูชา นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ยังคงพยายามขัดขวางการเจรจาระหว่างรัฐบาลสมเด็จฮุน เซ็น กับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ดังนั้นกัมพูชาจึงมีความจำเป็นเปิดเผยความลับนี้ เพื่อปกป้องผลประโยชน์และชี้แจงว่า ข้อกล่าวหาต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีมูลความจริงแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ที่ผ่านมา รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ยังไม่ได้ประชุมใดๆ กับกัมพูชา หรือมีข้อเสนอใดกับกัมพูชา เกี่ยวกับการเจรจาผลประโยชน์ในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ตามที่นายอภิสิทธิ์ได้กล่าวหาในการแถลงนโยบายของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ต่อรัฐสภา ในระหว่างวันที่ 23 - 25 ส.ค.ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม กัมพูชา ยินดีจะเปิดการเจรจาอีกครั้งในเรื่องนี้ ในการแสวงหาแนวทางปฏิบัติและเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน 2 ประเทศ
หมายเหตุ ทีมงานGo6 ขอตัดข้อความตอนต้นซึ่งพาดพิงถึงบุคคลที่ 3 และ 4 นอกเหนือจากสาระในเนื้อข่าว ด้วยความเคารพในเนื้อข่าวอย่างยิ่ง
ขอขอบคุณ ฟิฟทีนมูฟ และกรุงเทพธุรกิจ
มันจบแล้วครับตั้ว!, Asia News, Thai , news,
จบข่าว!-หนังคนโขนเจอข่าวร้าย4วันแรกรายได้หวิว4ล้าน ไม่ผ่าน3วันอันตราย หากเรื่องไหนไม่ถึง 10 ล้าน โดนลดรอบหรือถอดจากโรง หวังลุ้นสัปดาห์ที่2แก้ตัวก็หมดสิทธิ์ บางโรงมีคนดูคนเดียว แถมคนดูหนังในห้องเฉลิมไทย เวบไซต์พันทิปรุมบอยคอตคว่ำบาตรอีก ข่าวร้ายกว่าคือรัฐบาลอภิสิทธิ์นำเงินกู้ต่างประเทศให้ทำทุนสร้างไป 8 ล้าน คนไทยน้ำใจดีก็ต้องช่วยกันใช้หนี้กันต่อไป
โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
2 กันยายน 2554
หลังจากที่เวบไซต์เอ็นเตอร์เทนวีกลี่ เปิดเผยอันดับหนังทำเงินประจำสุดสัปดาห์ที่ 25-28 ส.ค. 2554 ปรากฎว่าภาพยนตร์เข้าใหม่"คนโขน"ของศรัณยู วงศ์กระจ่าง เปิดตัวด้วยรายได้สุดแผ่ว 4 วันทำเงินไปเพียง 4 ล้านบาท จากที่รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นำเงินกู้ไทยเข้มแข็ง 8.58 ล้านบาททำทุนสร้าง(ดูข่าวละเอียด:ข่าวร้ายหนังคนโขนของศรัณยูเจ๊งรายได้หวิว ข่าวร้ายกว่ามาร์คกู้เงินนอกให้ทำทุนคนไทยช่วยใช้หนี้) ก็เกิดกระแสร้อนแรงขึ้นในห้องเฉลิมไทย เว็บไซต์พันทิปขึ้น
โดยกระทู้ส่วนใหญ่นั้นบอกไปในทางที่ว่า เข้าสู่สัปดาห์ที่ 2 ของหนังก็คงหมดลุ้นจะทำเงิน หรือตีทุนคืนซะแล้ว เพราะโรงหนังส่วนใหญ่ถอดออกจากโรง หรือเหลือรอบฉายน้อยมาก เนื่องจากไม่มีกระแสดีขึ้น บางโรงมีคนดูแค่คนเดียว ขณะที่กองเชียร์สาวกของหนังเรื่องนี้ถึงกับออกมาตั้งกระทู้โวยวายว่า อุตส่าห์ทำหนังดีมีลุ้นรางวัลระดับโลกให้ดูก็ไม่ยอมดูกัน ไม่รักความเป็นไทยไม่รักชาจิกันเลย
แต่แทนที่จะจุดกระแสให้คนอยากไปดู ผู้ร่วมแจมกระทู้กลับพากันเดือดดาลใส่กลับแบบจัดหนัก ส่วนใหญ่บอกว่าเพราะต้องการบอยคอตคว่ำบาตรศรัณยู วงษ์กระจ่าง ที่เป็นแกนนำพันธมิตรยึดสนามบิน ยึดทำเนียบฯแต่กลับไม่ถูกลงโทษทางกฎหมาย แถมได้ทุนจากรัฐบาลอภิสิทธิ์มาทำหนัง จึงต้องลงโทษทางสังคมด้วยการบอยนคอต
บางโรงมีคนดูแค่คนเดียว
ล็อกอินชื่อ ปกตั้งหมายเลขเจ็ด เขียนกระทู้เรื่อง ขอบคุณโรงหนังที่ศรีราชาที่เปิดฉายให้ผมดูแบบ VIP โดยเล่าว่า เมื่อวันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมา มีเพียงเขาเป็นคนดูคนเดียวทั้งโรงที่มาชมหนังเรื่องคนโขนที่โรงหนัง EGV ที่ Pacific park ศรีราชา โดยเล่าว่า
ตั้งใจไปดูคนโขนที่ศรีราชารอบ 21.40 ไปถึงประมาณ 20.45 เดินไปซื้อตั๋วหนัง
โอ้ มาเป็นคนแรกเลย ถามพนักงาน "เอ่อ ถ้า ผมเข้าดูคนเดียวจะยกเลิกไหมครับ" เธอก็บอกว่า "คนเดียวก็ฉายค่ะ"
ไอ้ผม ก็คิดว่าคงไม่เลวร้ายถึงขั้นดูคนเดียวมั้ง นั่งอ่านหนังสือรอเวลาไปเรื่อยๆ จนพนักงานประกาศเรียกตามโปรแกรม
ชะเอิงเอิงเอย คนเดียวครับ คนเดียวจริงๆ
ประสบการณ์ครั้งแรกเลยครับโรงหนังวิเวก นั่งดูหนังเงียบๆคนเดียว
สงสัยทำไมเจ๊ง?-คำตอบส่วนใหญ่เพราะคนไทยอยากลงโทษศรัณยู
ล็อกอินชื่อ Destiny-Boy ตั้งกระทู้เรื่อง ทำไมรายได้ เรื่อง คนโขน สัปดาห์แรกน้อยจังเลยครับ เมื่อวันที่ 2 กันยายนว่า โดยตั้งข้อสงสัยว่า ตอนแรกคิดว่าหนังน่าจะเปิดตัวในอาิทิตย์แรกไม่น่าต่ำกว่า 10 ล้านด้วยซ้ำ เพราะตัวหนังเองก็มีหลายสิ่งหลายอย่างน่าสนใจ แถมกระแสก็น่าจะดีซะด้วย แต่งงว่าทำไมรายได้เปิดตัวถึงน้อยน่าใจหายแค่ 4 ล้านเองอะครับ
โดยมีผู้ร่วมแสดงความเห็นในกระทู้น่าสนใจเช่น
-ก่อนหนังฉาย เสียงส่วนใหญ่ในพันทิปก่อนหนังฉายตั้งใจว่าจะไปดูเพราะหน้าหนังดีมาก (เสียงส่วนน้อยตั้งใจว่าจะไม่ดูเพราะรับผู้กำกับไม่ได้ โดยไม่เกี่ยวกับหนัง)
พอหนังฉาย เสียงส่วนหนึ่งที่ไปดูมาบ่นผิดหวังกับตัวบท ความไม่ปะติดปะต่อของเนื้อหา เสียงส่วนหนึ่ง ที่ไปดูมาบอกชอบมาก และตัดพ้อว่าทำไมคนไทยไม่สนับสนุนคนไทย คนไม่ไปดูคือคนไม่รักชาติ (ว่าไปนั่น)
สรุปคือ ถ้าหนังมีตัวบทที่ดีกว่านี้ เนื้อหาดีกว่านี้ ผมเชื่อว่าหนังขายได้แน่นอน ที่บอกว่าหนังแนวนี้ขายยาก โหมโรงยังทำได้เลยครับ
-โคตรเสียดายตังค์เลย แฟนชวนไปดูถ้าไม่ไปมีเคือง คือมันไม่ไหวจริงๆสำหรับเรา ไม่ใช่ไม่อุดหนุนน่ะ ในนั้นมีตังค์เรา เกือบ400
-ถ้าเอาคนอื่นมาเป็นผู้กำกับคงได้เยอะกว่านี้ค่ะ ก็เห็นๆอยู่คนเกินครึ่งประเทศไม่เอาคุณแล้วมันจะขายได้ยังงัยล่ะค่ะ ไม่เห็นต้องแปลกใจเลยว่าทำไมไม่มีคนดู ถามมาหลายคนแล้วที่ไม่ไปดูเพราะผู้กำกับ
-หนังของชนส่วนน้อยในประเทศ ลุ้นไม่ขึ้นหรอก กรรมมันตามทัน
-คนเสื้อเหลืองห่วย เลยไม่อุดหนุนหนังคนเสื้อเหลือง เพราะห่วยพอๆกัน
-ให้บัตรดูฟรี หรือล็อกคอแจก หรือจะเอาปืนจอหัว ให้ไปดู ไม่ต้องพูดมากระเบิดหัวผมทิ้งได้เลย ยังไงไม่ดู ไอ้คนทำชาติฉิหาย
-เพราะการเมืองแน่ๆ คิดดูนะว่าคะแนนที่ชนะเลือกตั้งมีเท่าไหร่ รายได้ก็หายไปประมาณนั้นแหละ นับหัวดูสิ ผมว่ามีส่วนนะ รายได้จริงที่ควรจะได้น่าจะหายไปประมานครึ่งนึงอ่ะ คหสต. (ความเห็นส่วนตัว)
-แปลกใจเหมือนกัน จริงๆเรื่องนี้ น่าจะได้เกินร้อยล้าน เพราะอะไรน่ะเหรอ ก็เพราะว่าจากผลการเลือกตั้งที่ผ่านมา มี่พวกโหวตโน(พวกเสื้อเหลือง) ถึงล้านกว่าคน เอาล้านกว่าคนมาคูณค่าตั๋วร้อยกว่าบาท ก็ต้องเกินร้อยล้านอยู่แล้ว แสดงว่า แม้แต่พวกเสื้อเหลืองด้วยกันยังไม่ค่อยจะอุดหนุนเลย....แต่ก็อย่างว่าแหล่ะ ถือว่าเป็นการลงโทษจากสังคมก็แล้วกัน เพราะกฏหมายเอาผิดพวกนี้ไม่ได้ - พวกที่อ้างว่าทำเพื่อชาติ โดยเอาความเดือดร้อนของชาติมาเป็นเครื่องต่อรอง(การไปชุมนุมที่สนามบิน)
-เสื้อเหลืองไม่ได้ปิดแค่สนามบิน ที่ร้ายแรงที่สุดคือการยึดทำเนียบที่ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของประเทศ คอมพิวเตอร์ถูกขโมยข้อมูลต่างๆหายไป เช่นรายชื่อสายลับต่างๆ ถ้าข้อมูลนี้หลุดไปอยู่ในมือโจรใต้คุณคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น แค่ข้อหานี้ข้อเดียวก็โดนโทษประหารได้ทั้งหมดแล้ว
เผาเมืองหรือที่ถูกคือเผาห้าง ตอนนี้มีหลักฐานใหม่อออกมาจากทางห้างเองว่าไม่ใช่เสื้อแดงที่เผา ขอยกไว้ยังไม่พูดถึง
หนังเจ๊ง ถ้าเป็นเพราะการเมืองจริงคุณพงษ์พัฒน์คุณสินจัยคงไม่ได้เล่นละคร สองท่านนี้ก็ยังอยู่ปกติดีนิ เราว่าเป็นเพราะหน้าหนังไม่น่าดูมากกว่า
-เสียดายเงินที่เอามาสร้าง เงินจากโครงการรัฐบาลก่อน โครงการไทยเข้มแข็งอะไรซักอย่าง เงินจากที่รัฐบาลก่อน ประเทศเรากู้เขามาทั้งนั้น 8 ล้านกว่าบาท
-เฮ้อ ชีวิตไม่เป็นสุขเพราะการเมืองแท้ๆ หนังดีๆก็ทำให้คนไม่อยากดูเพราะมีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยว ถ้าเราเลิกอคติ เอาใจดูเนื้อหาหนังมากกว่าสนใจว่าจะเป็นหนังของใครหนังเรื่องนี้คงไม่ได้เป็นหนังเรื่องที่ "น่าเสียดาย" แบบนี้
-อ่านกระทู้นี้แล้ว ตกลงหนังไม่ดี หรือ เพราะไม่พอใจคนสร้าง ถ้าเพราะคนสร้างก็แอบเสียดายหนังดีๆเรื่องหนึง
-โอ๊ย เบื่อความแตกแยก คือตัวหนังมันดราม่าไปค่ะ แถมกระแสปากต่อปากมันไม่ดีอีก
คุณตั้วไม่ผิดหรอก ผิดที่เราเองที่ดันคาดหวังไว้ว่าตัวหนังจะสนุกคล้ายกับเรื่องโหมโรง คือเน้นเรื่อง "โขน" อ่ะ แต่ก็สมชื่อหนังเค้าแล้ว "คนโขน" คือให้ไปดูชีวิตดราม่าของคนโขนแทน - -"
กระทู้ร้อนเมื่อสาวกคนโขนด่ากราดไม่รู้จักอุดหนุนหนังอนุรักษ์ไทย-โดนสวนหน้าหงาย เตือนพงษ์พัฒน์คิวต่อไปต้องได้สำนึก ขณะที่ล็อกอินชื่อ รทนทำ ตั้งกระทู้เรื่อง ไม่เข้าใจคนไทย ทำไมหนังอย่าง Black Swan ไปดูกันได้ แต่ไม่ยอมไปดูคนโขนกัน โดยตั้งคำถ่ามว่า
เห็นรายได้แล้วอดอนาถใจไม่ไหว ทำเงินไปได้แค่ 4 ล้านเอง ทั้งๆที่เป็นหนังไทยทำเพื่อคนไทยแท้ๆ แล้วตอนนี้ก็แทบไม่เหลือโรงแล้วด้วย
ที่หนังเอาเรื่องบัลเล่ต์มาเล่าเสื่อมๆ มีแต่ฉากอย่างว่าอย่าง Black Swan ละดันแห่ไปดูกัน ชื่นชมอย่างงั้นอย่างงี้ แต่พอเป็นหนังเกี่ยวกับโขนของไทยมีฉากรุนแรงนิดๆหน่อยๆก็หาว่าเล่าเรื่องแรงเกินไป ไม่เหมาะสม ไม่สนุก
เรื่องต่างชาติ ศิลปะต่างชาติละแห่ไปดูกันได้ แต่เรื่องที่เต็มไปด้วยความเป็นไทย อนุรักษ์ความเป็นไทย เพื่อประเทศไทยแบบนี้กลับไม่ไปดูกัน อีกหน่อยคงไม่มีใครทำออกมาอีกแล้วมั้ง
คงต้องรอให้หนังไปได้รางวัลจากเมืองนอกมาซะก่อนละมั้งถึงจะแห่ไปดูกัน ถึงตอนนั้นก็น่าจะฉายแบบจำกัดโรงด้วยนะ เพราะตอนมีโรงให้ดูเยอะๆป้อนถึงปากแล้วไม่อยากดูกัน โธ่! ก็ดูหนังผี หนังตลก หนังกะเทยต่อไปละกัน ราตรีสวัสดิ์ พี่น้องชาวไท
ผู้ร่วมแสดงความคิดเห็นส่วนใหญ่จะด่าเจ้าของกระทู้แบบจัดหนักเป็นหลักเช่น
-อย่ามาว่า black swan ของชั้นนะ ชั้นต่ำ! เรามีสมองเพียงพอที่จะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง และเราก็พบว่า Black Swan คือสิ่งที่ดีกว่า เราเลือสิ่งที่ดีที่าสุดให้กับตัวเอง เราไม่ผิด
-ระงับอารมณ์บ้างนะครับ จขกท. หนังฟอร์มเล็ก ถ้าเนื้อหนังมันดี เดี๋ยวคนไปดูแล้วเขาก็บอกต่อจนเกิดกระแส ไปอุดหนุนเองแหละครับ
แล้วทีหน้าทีหลัง อย่าพยายามโยง เหตุผลอะไรแบบนี้ กับการเป็นคนไทยหรือไม่ใช่คนไทย อีก มันเข้าข่ายตรรกะวิบัติ ทั้งยังทำให้คนได้ยินได้ฟังไม่ชอบใจเอาง่ายๆ
-เราไปดูมาทั้ง 2 เรื่องแล้วนะ แต่การเล่าเรื่องของหนังทั้ง 2 เรื่องมีความแตกต่างกัน ด้วยคำว่า "กึ๋น" นี่แหละ หนังไทย "คนโขน" ของเราจึงยังพาใจคนไทยมาดูหนังเรื่องนี้ไม่ได้ ถ้าหนังสนุกจริงดีจริง พูดปากต่อปากเองนะครับ
-ไม่ชอบแนวคิดทางการเมืองของผู้กำกับ + อ่านเรื่องย่อแล้วไม่โดน + นักแสดงไม่น่าสนใจ = ไม่ดูดีกว่า
-กระแสบอยคอตผู้กำกับ
-เกลียดขี้หน้าผู้กำกับเลยไม่ไปดู ชัดเจนไหมฮะ?
-ถามมาหลายคนแล้วที่ไม่ไปดูเพราะผู้กำกับค่ะแค่นี้หละจบ เงินภาษีตั้ง8ล้านเสียดายจริงๆๆๆๆๆๆๆๆ
-เอาแผ่นมาให้ดูฟรียังไม่ดูเลย เพราะผู้กำกับนั่นแหละ พอใจรึยัง คุณอยากให้ผมดู สงสัยคุณต้องบอกให้พรรคพวกคุณตั้ว ยุให้ทหารออกมาปฏิวัติ แล้วเอาปืนจี้ให้ผมไปดูแล้วหละ
ผลงานระดับแค่เนี้ย จะให้คนเราเลิกอคติเป็นไปไม่ได้หรอก คุณ
รอให้มีฝีมือระดับโลกก่อนนะ อาจจะโหลดมาดู
-เงินที่ทำน่ะ( 8 ล้าน) เงินขอมาจากรัฐบาลมาร์คกู้มาจากต่างประเทศนะ ทำหนังคนไม่ดู ก็อย่าไปว่าเขาเลย มันมีเหตุหลายอย่างที่คนไม่ดู (โหลดก็ไม่โหลดเปลืองไฟ) ฟังกระแสคนที่ไปดูก็พอแล้ว
-Black Swan ยังไม่ได้ดู กะว่าเดี๋ยวจะรอแผ่นลดราคา ส่วนคนโขน ยังไม่แน่ใจ แต่พอมาเจอกระทู้แบบนี้ เลยตัดสินใจได้แล้วว่า
ไม่ดูดีกว่า
-หนังก็คือหนัง มันมีไว้เพื่อความบันเทิง ไม่ได้บ่งบอกว่าดูหนังเรื่องนี้แล้วเป็นคนดี รักชาติ หรือไม่รักชาติ
-จะว่าผมไม่รู้จักแยกแยะ ผมก็ยอม แต่คนทำผิด ก็สมควรได้รับการลงโทษจากสังคมใช่เหรอ? ผมเห็นด้วยกับความรักชาติของผู้กำกับ แต่ไม่เห็นด้วยกับแนวความคิดทางการเมือง เรื่องการทำเพื่อชาติ โดยเอาความเดือดร้อนของชาติมาเป็นเครื่องต่อรอง(การไปชุมนุมที่สนามบิน,ถึงจะแถยังไงก็แล้วแต่ แต่ผลที่ออกมาก็คือเอาความเดือดร้อนของชาติมาเป็นเครื่องต่อรองอยู่ดี)ในเมื่อกฏหมายทำอะไรพวกเค้าไม่ได้
ผมก็ถือว่านี่คือหนึ่งในมาตรการทางสังคมที่จะแสดงให้เห็นว่า เราไม่เห็นด้วยและไม่สนับสนุนกับการกระทำที่เอาความเดือดร้อนของคนอื่นมาเป็นเครื่องต่อรองความต้องการของพวกคุณ ไม่ว่าจะสีไหนก็ตาม
-ถึงตอนนี้ ตั้วคงรู้แล้วสินะว่า คุ้มหรือไม่คุ้ม ที่เข้าไปเกลือกกลั้ว กับพันธมิตรซะขนาดนั้น ยังเหลืออีกคน คนที่ไล่คนไทย ออกจากประเทศไทย พูดโดยไม่คิด มาวันนี้แล้ว.........บทเรียนเรื่องนี้ จะทำให้คุณสำนืกรึเปล่าหนอออออ
*********
เรื่องเกี่ยวเนื่อง:ข่าวร้ายหนังคนโขนของศรัณยูเจ๊งรายได้หวิว ข่าวร้ายกว่ามาร์คกู้เงินนอกให้ทำทุนคนไทยช่วยใช้หนี้
-เหตุผลที่รัฐบาลอภิสิทธิ์ให้ทุนทำหนังคนโขน 8,580,000 บาท เป็นอันดับ2รองจากตำนานพระนเรศวร
-ข้อสังเกตเงินกู้ไทยเข้มแข็งให้ทุนหนังไทย 200 ล้าน และตำนานนเรศวรเรื่องเดียวได้มากถึง 430 ล้าน
-ปีติแห่งโขน ใน"สมเด็จราชินี"
-มาร์คทุ่มเงินกู้ไทยเข้มแข็งสร้างหนังพระนเรศวร เฉลิมพระเกียรติราชินี-เทิดทูนสถาบันกษัตริย์
หนังสือพิมพ์คมชัดลึก รายงานว่า เมื่อเย็นวันที่ 8 สิงหาคม 2552 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ร่วมแถลงข่าวสนับสนุนการสร้างภาพยนตร์ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 3-4 “สงครามยุทธหัตถี” โดยมีมจ.ชาตรีเฉลิม ยุคล ผู้กำกับภาพยนตร์ นายธีระ สลักเพชร รมว.วัฒนธรรม และดารานักแสดงร่วมเป็นสักขีพยานคับคั่ง
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช มีความหมายต่อประวัติศาสตร์และประชาชนชาวไทยภาพยนตร์เรื่องนี้มีวัต ถุประสงค์ เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาและเพื่อส่งเสริมความรู้ เทิดทูนในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนเรศวรด้านความกล้าหาญ อดทน เสียสละ กตัญญูต่อแผ่นดินและอัฉริยภาพการรบที่ทำให้ไทยดำรงเอกราชตราบจนทุกวันนี้และยังเป็นการปลุกจิตสำนึกให้เกิดความรักชาติสมัครสมานสามัคคีและสร้างให้คนไทยรู้คุณและตอบแทนแผ่นดินไทย
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า รัฐบาลได้ให้การสนับสนุนและส่งเสริมภาพยนตร์เรื่องนี้โดยมอบให้กระทรวงวัฒนธรรมเข้าดำเนินการ ซึ่งหวังว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะประสบความสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีและช่วยปลุกจิตสำนึกคนไทยให้เกิดความรักความสามัคคีความหวงแหนแผ่นดินและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ได้ประกอบพระราชกรณียกิจนานัปการเพื่อประโยชน์ของคนไทย
ด้านนายธีระ กล่าวว่า สำหรับงบประมาณที่จะสนับสนุนการสร้างภาพยนตร์ตำนานสมเด็จพระนเรศวรภาค 3 และ4 ทางกระทรวงนำงบประมาณจากงบไทยเข้มแข็ง โครงการ 2 มาสนับสนุน ส่วนจำนวนเงินที่จะสนับสนุน ต้องหารือกับม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล อีกครั้ง เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) เห็นชอบต่อไป
อนึ่ง สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เคยมีพระมหากรุณาธิคุณเสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นประธานพิธีบวงสรวงเปิดกล้องภาพยนตร์เรื่อง “นเรศวร” เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2547 ณ กองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี พร้อมทอดพระเนตรการถ่ายทำฉากเปิดกล้องขบวนเสด็จของสมเด็จ พระนเรศวรมหาราช เพื่อเฝ้าสมเด็จพระมหาธรรมราชา พระราชบิดา ที่เมืองอโยธยา ยิ่งใหญ่สมจริง มีนักแสดงกว่า 1,000 คน ร่วมเข้าฉาก ละลานตากับฉากเมืองเก่าที่สร้างขึ้นใหม่อย่างอลังการบนพื้นที่กว่า 1,500 ไร่ ด้วยทุนสร้างราว 500 ล้านบาท เผยภายหลังพานักแสดงเข้าเฝ้าตามกระแสรับสั่ง ทรงตรัสชื่นชมว่าสามารถสร้างภาพยนตร์ออกมาได้ดี
สำหรับงบประมาณที่รัฐบาลสนับสนุนโครงการสร้างภาพยนตร์นั้น เป็นส่วนหนึ่งของเงินที่รัฐบาลกู้มาเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ รวมวงเงิน 8 แสนล้านบาท หรือที่รู้จักกันในชื่อโครงการไทยเข้มแข็ง
หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล ทรงกล่าวว่าภาพยนตร์เรื่องนเรศวร สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในวโรกาสมหามงคลที่ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 72 พรรษา เป็นภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์เรื่องยิ่งใหญ่ที่แสดงถึงความโดดเด่นในด้านความกล้าหาญ ความอดทน เสียสละ ตลอดจนพระปรีชาสามารถในยุทธศาสตร์การรบที่ทำให้ประเทศไทยดำรงเอกราชตราบจนทุกวันนี้
3ปีเหยื่อรายแรกของระบบยุติธรรมจัญไรไฟไหม้, Asia News, Thai , news,
โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
2 กันยายน 2554
ครบรอบ 3 ปีสังหารณรงค์ศักดิ์ กรอบไธสง เหยื่อสังเวยพธม.อันธพาลการเมืองกระหายเลือด
ดึกคืนวันที่ 1 ต่อเนื่องวันที่ 2 กันยายน2551 นชป.ที่จัดชุมนุมย่อยสนามหลวงได้เคลื่อนขบวนมุ่งหน้าไปทำเนียบรัฐบาลเพื่อเรียกร้องให้พันธมิตรยุติการยึดทำเนียบรัฐบาลที่ยึดเอาไว้ตั้งแต่วันที่ 26 สิงหาคม 2551
แต่พันธมิตรกระหายเลือดใช้อาวุธปืนยิงกระหน่ำใส่ และอาวุธหลายอย่างมีผู้ชุมนุมเสื้อแดงบาดเจ็บและถูกกระทืบซ้ำหลายราย และณรงค์ศักดิ์ กรอบไธสง เป็นศพแรกที่สังเวยความกระหายเลือดของพันธมิตร
งานศพของณรงค์ศักดิ์ผ่านไปแบบเงียบๆ ไร้เกียรติยศใดๆ แต่น่าประหลาดคือรูปหน้าศพเกิดติดไฟไหม้ขึ้นอย่างพิศวง ราวกับว่าทวงความเป็นธรรม จนบัดนี้ผ่านไป 3 ปี ยังไม่มีการจับฆาตกรที่สังหารเขาได้แต่อย่างใด ขณะที่พี่สาวของณรงค์ศักดิ์ปฏิเสธจะรับความช่วยเหลือค่าทำศพจากพันธมิตร หรือกลุ่มสว.40คน
นางชบา สิงหกลางพล อายุ 73 ปี พี่สาวของณรงค์ศักดิ์กล่าวเปิดเผยว่า ณรงศักดิ์ มีอาชีพทำไร่ทำสวน ก่อนที่จะย้ายมาอยู่กับญาติที่ย่านดินแดง กรุงเทพฯทำงานรับจ้างทั่วไป ซึ่งนายณรงศักดิ์ เดินทางไปมาระหว่างจ.กาญจนบุรี และกรุงเทพฯเพราะต้องคอยดูแลตนด้วยเนื่องจากทางครอบครัวยากจนไม่ค่อยมีฐานะเท่าที่ควร
ก่อนเกิดเหตุน้องชายโทรไปหาตนว่าจะไปเยี่ยมน้าที่จ.นครราชสีมา และกลับมากรุงเทพฯตอนเย็นวันที่ 1 กันยายน 2551 และบอกว่าจะไปรวมกับกลุ่มเพื่อนที่เป็นแนวร่วมนปช.ที่ท้องสนามหลวง เพราะน้องชายเป็นคนรักชาติบ้านเมืองมาก และเป็นคนโสดไม่มีครอบครัว และเห็นว่าการที่กลุ่มพันธมิตร มาชุมนุมทำไม่ถูกต้องเห็นว่ารัฐบาลไม่ได้ทำอะไรเสียหายได้รับการเลือกตั้งมาจากประชาชน น้องชายเลยออกมาร่วมกับกลุ่มนปช.เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย
“เราคนไทยด้วยกัน ขอให้พันธมิตรหันหน้าเข้าหากัน ศพของน้องฉันขอให้เป็นศพสุดท้าย พอใจไหมสำหรับพันธมิตร” นางชบากล่าวในวันนั้น...แต่ความจริงเขาเป็นศพแรก ก่อนที่จะตามมาอีก 92 ศพในเวลาต่อมา
ครบ 3 ปีฆาตกรสังหารณรงค์ศักดิ์ กรอบไธสง ยังลอยนวล
งานศพคุณณรงค์ศักดิ์ที่จัดอย่างสมเกียรติ มีรายงานข่าวสื่อมวลชนช่วงนั้นว่า รูปถ่ายหน้าโลงศพของณรงค์ศักดิ์ลุกไหม้ขึ้นเอง ราวประท้วงอยุติธรรม
คุณTAN007เขียนเล่าเหตุการณ์คืนวันนั้นเมื่อ 3 ปีที่แล้วทางเว็บบอร์ดประชาทอล์ก ว่า
เวทีสนามหลวง : ณ เวลานั้น จำได้ว่าประมาณ 5 ทุ่มกว่าๆ อาจารย์ชินวัฒน์ หาบุญพาด ประธานชมรมแท็กซี่ ขึ้นบนเวทีประกาศบอกพี่น้องเราจะเคลื่อนไปสะพานมัฆวาน อ้าวแล้วนึกในใจ ชิบหายแล้ว เพราะแค่มวลชนได้ยินเสียงประกาศแค่นั้นทุกคนที่อารมณ์ค้างและแค้นอยู่แล้วพร้อมใจกันลุกพรวดพราดขึ้นและตั้งขบวนแบบไม่ฟังเวทีแล้วทุกคนบ่ายหน้าจะไปสะพานมัฆวานทันที ซึ่งตอนนั้นอะไรก็ห้ามไม่อยู่แล้วขบวนคนนับพันนับหมื่นเดินตะโกนไปบนถนนราชดำเนินมุ่งหน้าแยกผ่านฟ้าและไปหยุดที่หน้า สน.นางเลิ้ง แถวแยก จปร.
ผมและพวกนั่งคุยกับเสธ.แดงอยู่หลังเวที ยัง งงๆ อยู่ว่าชิบหายแล้วอาแดง จะเคลื่อนไปทำไมวะนั้นไปมีปะทะแน่นอน ซึ่งก็ไม่ทันแล้ว ก็ต้องเฮตามมวลชนไป และก็ฝ่าฝูงชนมายืนด้านหน้าประจันกับพันธมิตร ซึ่งตั้งป้อมอยู่เลยหน้า บก.ทบ.ไปนิดเดียวและกลุ่มพันธมิตรยืนเต็มสะพานมัฆวานบางไปหมดบางคนปืนขึ้นไปบนต้นไม้ บนเสาปีนไปนั่งบนโค้งจั่วสะพานและส่องกล้องดูพวกเรา
ความฮึกเหิมของมวลชนฝ่ายเราที่มีมือเปล่าและท่อนไม้ ประกอบกับคิดว่าฝ่ายเราคนเยอะกว่าพันธมิตรเลยกรูกันไปด้านหน้ากะปะทะเต็มที่ตอนนั้น ผมโทรรายงานห้องแคมฟรอกการเมืองแจ้งพรรคพวกสารพัดกลุ่ม ว่าเริ่มมีปะทะแล้วที่หน้า บก.ทบ. ตำรวจที่ประจันอยู่ตรงกลางเป็นไส้แซนวิสอยู่ตรงกลางน่าจะไม่เกิน 300 นายเริ่มจะเอาไม่อยู่มวลชนจาก 2 ฝั่งตั้งท่าจะนวดกันแล้วก็เป็นดังคาด ตำรวจคุมไม่อยู่แล้วตอนนั้นเพราะต่างฝ่ายต่างกรูเข้าหากันแต่ที่เราเสียเปรียบคือฝ่ายพันธมิตรที่ยืนประจันด้านหน้า(พวกการ์ด)เล่นปืนลูกโม่ ส่องปั้งๆๆๆๆ มาไม่ต่ำกว่า 5 ชุด ใส่มวลชนฝ่ายเรากลุ่มแรกที่ถือไม้วิ่งเข้าไปจะปะทะต้องล้มกันระเนระนาดและวิ่งเข้าข้างทางบ้าง วิ่งเข้าหลบข้างสนามมวยราชดำเนินก็มี ตอนนั้นวุ่นวายสุดๆ โทรศัพท์ผมหล่นแตกยังไป 1 เครื่อง และโดนพวกเราด้วยกันวิ่งมาชนจนจุกนั่งพับเพียบกับพื้น และเจอพวกเราโดนฝั่งพันธมิตรลากตัวเข้าไปฝั่งเขาไม่ต่ำกว่า 5 คน บางคนโดนตีแบบ 5 รุ่ม 1 แต่ฝ่ายเราก็ตีฝ่ายเขาเช่นกัน แต่ฝ่ายโน้นจะให้คนที่มีปืนสั้นมาประจันหน้าอันนี้เลวร้ายมาก ส่วนลุงณรงค์ศักดิ์ตอนนั้นผมยังไม่รู้จักแต่กลุ่มด้านหน้ามีแกอยู่ด้วยแน่ๆ
ปะทะกันหนักอยู่นานพอควร เจ็บไปหลายคนรถพยาบาล รถมูลนิธิวิ่งกันสับสนไปหมด เรื่องจากคนเจ็บเยอะมาก จนสุดท้ายตำรวจเสริมทัพเข้ามาอีกและคนเสื้อแดง(ซึ่งตอนนั้นพวกเรายังไม่ใส่แดงกันมากเท่าไหร่) ทะยอยกันมาสมทบเพราะข่าวทีวีรายงานการปะทะทั้งคืน จนรุ่งเช้ามีรถบัสจากอุดร พัทยา และหลายจังหวัดมาสมทบอีก ผมนึกในใจพังกันวันนี้ละวะ แต่สักพักไม่เกิน 7 โมงเช้านายกฯสมัครประกาศภาวะฉุกเฉิน ทุกคนเลยวางมือแยกย้ายกันกลับเท่าที่จำความได้และถ่ายภาพไปด้วยในวันปะทะก็ประมาณนี้ครับ
เหตุการณ์ 2 กันยายน จากวิกิพีเดีย
เมื่อเวลา 00.40 น. แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) เคลื่อนพลจากสนามหลวง เพื่อขับไล่ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ชุมนุมยึดทำเนียบรัฐบาล โดยใช้เส้นทางถนนราชดำเนินสู่แยก จปร. เชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ ฝ่าด่านตำรวจที่ตั้งแผงเหล็กมาได้ตลอดเส้นทาง ระหว่างนั้น นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ได้ประกาศบนเวที เพื่อขอกำลังการ์ดอาสาเพิ่ม เนื่องจากทางกลุ่ม นปก.ได้เคลื่อนกำลังเข้ามาจำนวนหลายพันคน พร้อมกับเน้นย้ำให้การ์ดทำหน้าที่อยู่ในพื้นที่เท่านั้น
จนเมื่อเวลา 01.10 น. กลุ่ม นปก.เคลื่อนกำลังมาถึงบริเวณร้านลิขิตไก่ย่าง เลยสนามมวยราชดำเนินมาเล็กน้อย ได้เกิดการปะทะกันกับฝ่ายพันธมิตรฯ ที่ปักหลักอยู่ฝั่งตรงข้ามของสะพาน และฝ่าแนวกั้นเข้ามา โดยต่างฝ่ายต่างวิ่งเข้าหากัน พร้อมกับมีการปาขวดน้ำ ขวดโซดา ขว้างก้อนหินใส่กัน พร้อมกับมีการถืออาวุธไม้วิ่งไล่ตีกัน ระหว่างที่เกิดการปะทะกันทั้งสองฝ่ายได้เกิดเสียงปืนดังขึ้น 5-6 นัด และเสียงคล้ายระเบิดควันดังติดต่อกันหลายครั้ง โดยกระสุนปืนได้ถูกกลุ่มผู้ชุมนุม นปก.ล้มลงได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 ราย เจ้าหน้าที่รีบนำตัวส่งวชิรพยาบาล
ตั้งแต่เวลา 01.30 น. หลังการปะทะกันบริเวณสะพานมัฆวานฯ หน้าอาคารที่ทำการสหประชาชาติ สำนักงานกรุงเทพฯ ระหว่างกลุ่มพันธมิตรฯ และกลุ่ม นปก. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ได้ขึ้นกล่าวบนเวทีสั่งระดมการ์ดและผู้ชุมนุมให้ไปตั้งขบวนอยู่ที่หน้าเต้นท์กองทัพธรรม ถนนพิษณุโลก เพื่อยกกำลังไปช่วยผู้ชุมนุมที่อยู่บริเวณสะพานมัฆวานฯ จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมนับร้อยพร้อมด้วยอาวุธครบมือ ได้ไปรวมตัวกันที่บริเวณเต้นท์หน้ากองทัพธรรม โดยพล.ต.จำลอง และนายสมศักดิ์ ได้เดินลงมาสั่งการด้วยตัวเอง
จนกระทั่งเวลา 05.00 น. มีรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ 1 คน คือ นายณรงศักดิ์ กรอบไธสง ผู้ชุมนุมกลุ่ม นปก. และมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 40 คน ซึ่งทั้งหมดถูกส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล
ต่อมาเมื่อเวลา 07.00 น. สถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ได้เผยแพร่การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร ที่ลงนามโดย นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เนื่องจากเหตุการณ์เกิดการปะทะกันระหว่าง กลุ่ม นปก. กับกลุ่มพันธมิตรฯ จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก พร้อมกันนี้ในประกาศดังกล่าวได้มีการแต่งตั้ง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและแม่ทัพภาคที่ 1 เป็นรองหัวหน้า นอกจากนี้ยังออกคำสั่งนายกรัฐมนตรี ห้ามชุมนุมเกินกว่า 5 คนในเขตกรุงเทพมหานคร รวมทั้งห้ามการเสนอข่าวที่อาจกระทบต่อความมั่นคงทั่วราชอาณาจักร
หลังจากนั้น กลุ่ม นปก.ได้ถอนการชุมนุมกลับไปที่ท้องสนามหลวง ส่วนผู้ชุมนุมแนวร่วมกลุ่มพันธมิตรฯ ยังคงปักหลักชุมนุมในทำเนียบต่อไป และมิได้ตื่นตระหนกกับการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแต่อย่างใด
พล.อ.อนุพงษ์เพิกเฉย และไม่ได้บังคับใช้กฎหมายตามที่ได้รับการแต่งตั้งจากนายกฯสมัครแต่อย่างใด ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านขณะนั้นเดินทางไปให้กำลังใจกลุ่มพันธมิตรในทำเนียบ
*********
เหตุการณ์ผ่านไป 3 ปี ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆว่าใครเป็นฆาตกร แน่นอนว่าไม่มีใครโดนดำเนืินคดีเลย
ชินวัฒน์ หาบุญพาด ผู้นำเสื้อแดงออกจากสนามหลวงมาปะทะพันธมิตร ได้รับแต่งตั้งเป็นข้าราชการการเมือง
พลเอกอนุพงษ์ในเวลาต่อมารับบัญชารัฐบาลอภิสิทธิ์สลายการชุมนุมคนเสื้อแดงเมื่อปี 2553 มีผู้เสียชีวิต 92 ศพ บาดเจ็บกว่า 2,000 ราย
นายสมศักดิ์ โกศัยสุข ที่ระัดมพันธมิตรให้การ์ดพธม.ไปปะทะเสื้อแดงวันนั้นกลายเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่และสอบตก
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ยังไปทำบุญที่สำนักสันติอโศก และรับศีลห้า รวมทั้งศีลข้อแรกคือไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเป็นปกติ
สำหรับณรงค์ศักดิ์ ยังมีใครจดจำเขาได้ไหมในวันนี้่.....และหากจดจำเขาได้ จดจำในฐานะใด วีรชนรายแรกของเสื้อแดงที่สูญเสีย...เหยื่อของอันธพาลการเมือง
หรือเหยื่อของระบบยุติธรรมจัญไรไฟไหม้?!
วิเชียรลาพัก-เปิดช่อง รักษาการ ให้เพรียวพันธ์, Asia News, Thai , news,
ทำหน้าที่จัดโผนายพล ขอหยุดยาวถึงสิ้นกย. หลังย้ายเป็นเลขาสมช. "เฉลิม"เสริมทัพตชด. ปราบยาเสพติดทั่วปท.
ควงคู่ - ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ และพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รอง ผบ.ตร. เดินเคียงคู่กันขณะตรวจเยี่ยมพร้อมมอบนโยบาย ที่กองบัญชาการ ตชด. เมื่อวันที่ 2 ก.ย. |
เหลิมย้ำย้ายถวิลไม่เกี่ยวศอฉ.
ความคืบหน้าการสับเปลี่ยนตำแหน่งผบ.ตร. เมื่อวันที่ 2 ก.ย. ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลสำนักงานตำรวจ แห่งชาติให้สัมภาษณ์ถึงข้อสังเกตที่ว่าบุคคล ที่เคยทำงานอยู่ในศูนย์อำนวยการแก้ไขสถาน การณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ในสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ อาจถูกย้ายเหมือนกับกรณีของนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ว่า ไม่ใช่ เป็นคนละเรื่อง การย้ายต้องดูลักษณะงาน นายถวิล เป็นเลขาธิการสมช. ที่ทำงานในครม. พรรคประชาธิปัตย์ เขานั่งทำงานกับพรรค ประชาธิปัตย์มาก่อน จึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะมานั่งทำงานกับเรา จึงต้องถามกลับไปว่าถ้านายถวิล ทำงานอยู่กับรัฐบาลพรรคเพื่อไทยแล้วพรรคประชาธิปัตย์จะเปลี่ยนตัวหรือไม่ อย่าไปคิดให้มากกว่านี้ นอกจากนี้เป็นคนละเรื่อง และอย่าไปโยงถึงแม่ทัพนายกองคนอื่น
เมื่อถามว่าข้าราชการที่เคยทำงานในสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ จะถูกโยกย้ายด้วยหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า คงไม่ทำเช่นนั้น จะย้ายหมดได้อย่างไรเพราะย้ายไปย้ายมาก็อยู่ที่เก่า เนื่องจากเป็นพวกกันทั้งนั้น
ตั้งผบ.ตร.ใหม่แล้วแต่นายกฯ
เมื่อถามว่านายถวิล อ้างว่าเลขาธิการสมช. ถือว่าเป็นเลขาธิการศอฉ. ตามพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน รองนายกฯ กล่าวว่า การอ้างถึงกฎหมายก็ต้องดูความเหมาะสมด้วย เหตุผลก็คือต้องการให้พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี มาอยู่ในตำแหน่งนี้ เพื่อให้พล.ต.อ. เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รองผบ.ตร. มาเป็นผบ.ตร. ปราบยาเสพติดและอาชญากรรม คู่กับพล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รองผบ.ตร. ไม่ได้มีเรื่องอื่น และตอนนี้บ่อนการพนันเหลือแค่ 3 แห่งที่ยังถูกจับได้ยาก คือบ่อนบางซื่อ บ่อนลอยฟ้า และบ่อนกิ่งเพชร ส่วนวิธีการคงต้องค่อยเป็นค่อยไป ทั้งนี้ถ้าผบ.ตร.คนใหม่เข้ามาทำงานแล้วแก้ปัญหาไม่ได้ ก็ต้องรับผิดชอบ ยืนยันว่าใช้คนถูกกับงานแล้ว ส่วนขั้นตอนการแต่งตั้งขึ้นอยู่กับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเรียกประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ(ก.ต.ช.) เมื่อใด
ย้ายธาริตให้ประชาจัดการ
เมื่อถามต่อว่าในอดีต ตำแหน่งเลขาธิการสมช.ไม่เคยมีตำรวจมาทำหน้าที่ รองนายกฯ กล่าวว่า ตอนนี้มันจำเป็น เพราะรัฐบาลมีนโยบายในเรื่องยาเสพติด ส่วนนายถวิลนั้นขึ้นอยู่กับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่าจะพิจารณาให้ไปทำอะไร แต่คิดว่าคงจะต้องดูดี ต่อข้อถามว่านายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) อยู่ในข่ายจะถูกพิจารณาโยกย้ายด้วยหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ต้องถามพล.ต.อ.ประชา พรหมหนอก รมว.ยุติธรรม เพราะตนไม่ได้รับผิดชอบกระทรวงนี้โดยตรง เพียงแต่เป็นผู้กำกับดูแล
ยังไม่รู้มีคนจ้องล้มรบ.
เมื่อถามว่าได้รับทราบข้อมูลที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่ามีขบวนการหรือกลุ่มการเมืองเก่ากับอำนาจนอกระบบ จ้องล้มรัฐบาลที่เตรียมเคลื่อนไหวหลังจากวันที่ 5 ธ.ค.นี้ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ยัง แต่จะนัดรับประทานอาหารกับนายจตุพร ในวันที่ 4 ก.ย.นี้ ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยไม่มีนโยบายที่จะสร้างอำนาจทางราชการหรือไปแทรกแซงสื่อ เพราะถ้าทำเช่นนั้นก็แพ้ ต้องทำผลงาน เช่น การปราบปรามยาเสพติด จะทำงานเชิงรุก เมื่อปราบปรามแล้วก็จะยึดทรัพย์ โดยจะเปิดตู้ปณ.ร้องทุกข์ และตำรวจหน่วยใดที่หย่อนยาน ตนก็มีวิธีการเช็ก
เลขาฯ ก.ต.ช.รอเรียกประชุม
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ที่ปรึกษา(สบ 10) ในฐานะเลขา นุการก.ต.ช. กล่าวว่าถึงขณะนี้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ใน ฐานะประธาน ก.ต.ช. ยังไม่นัดหมายประชุม ก.ต.ช.เพื่อพิจารณาแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่แต่อย่างใด ปกติการประชุมก.ต.ช.จะมีขึ้นเดือนละครั้ง ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือน และตามกำหนดในเดือนกันยายนการประชุมจะมีขึ้นในวันที่ 30 ก.ย. แต่จากข่าวตอนนี้ที่จะมีการเปลี่ยน ผบ.ตร. และจะมีการดำเนินการนำชื่อ พล.ต.อ. วิเชียร ไปดำรงตำแหน่งเลขาธิการสมช. ใน คณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ 6 ก.ย.นี้ ก็คาดว่า ประธานก.ต.ช.จะเลื่อนการประชุมให้เร็วขึ้น ทั้งนี้ตามระเบียบต้องมีการกำหนดวาระแต่งตั้งผบ.ตร.ไว้ล่วงหน้า ไม่สามารถนำเข้าเป็นวาระจรได้ และต้องแจ้งต่อก.ต.ช.ทุกคนทราบล่วงหน้า 3 วันด้วย แต่อย่างไรก็ตามขณะนี้ฝ่ายเลขาฯ ก็เตรียมความพร้อมแล้วรอเพียงประธานก.ต.ช. กำหนดวันประชุม
เผยวิเชียรเตรียมลาพักร้อน
รายงานข่าวแจ้งว่าหลังจากครม.ซึ่งนัดประชุมในวันที่ 6 ก.ย.นี้ มีวาระเสนอโยกย้ายแต่งตั้งพล.ต.อ.วิเชียร จากผบ.ตร.ไปเป็นเลขาธิการสมช. คาดว่าในวันที่ 7 ก.ย. พล.ต.อ.วิเชียร จะยื่นจดหมายขอลาพักร้อนยาวไปถึงสิ้นเดือนก.ย. ก่อนจะมาเริ่มงานใหม่วันที่ 1 ต.ค. เพื่อเปิดช่องให้รัฐบาลตั้งรองผบ.ตร.ขึ้นรักษาราชการแทน ไปก่อน คาดว่าจะเป็นพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ รองผบ.ตร.อาวุโสอันดับ 1 ซึ่งหน้าที่สำคัญของรักษาราชการแทนผบ.ตร.ในช่วงเวลานี้คือการจัดทำ โผนายพล
มาร์คไม่รู้ย้ายถวิลทำไม
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่าที่หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการย้ายพล.ต.อ.วิเชียร ไปเป็นเลขาธิการสมช.ว่า ไม่มีอะไรเหนือความคาดหมาย เพราะเป็นธงที่ตั้งไว้แต่ต้น แต่การดำเนินการไปกระทบตำแหน่งเลขาธิการสมช.ของนายถวิล ด้วย จึงต้องดูข้อยุติว่าการประชุมครม.ในวันที่ 6 ก.ย.นี้จะเป็นอย่างไร แต่เหตุผลยังไม่รู้ว่าจะย้ายเพื่ออะไร
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ส่วนที่อ้างว่านายถวิล เป็นเลขานุการศอฉ. ทำให้ต้องถูกย้ายนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องระมัดระวังเพราะกฎหมายกำหนดให้เลขาธิการสมช.นั่งเป็นเลขานุการศอฉ.ตามตำแหน่ง ถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ซึ่งรัฐบาลต้องมีคำตอบว่าที่ดำเนินการทั้งหมดมีเป้าหมายอะไร นอกจากต้องการให้คนของตัวเองนั่งในตำแหน่งนั้น
ปลุกระดมให้ร้องเรียน
"ขณะนี้ยังไม่ทราบว่ารัฐบาลจะให้นายถวิลไปอยู่ที่ไหน แต่อยากให้ข้าราชการออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้ถึงที่สุดเพื่อรักษาระบบราชการ ไม่เฉพาะเพื่อตัวบุคคลที่ออกมาต่อสู้เท่านั้น แต่เพื่อระบบโดยรวม ที่ผ่านมามีหลายฝ่าย หลายเครือข่ายที่ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อรักษาไว้ซึ่งระบบ แต่ถ้าทุกคนอยู่ในภาวะหวาดกลัวระบบจะมีปัญหา สุดท้ายคนที่หวาดกลัวเองจะไม่สามารถปกป้องตัวเองได้" นายอภิสิทธิ์ กล่าวและว่า ชัดเจนว่ารัฐบาลชุดนี้มีเป้าหมายเกี่ยวกับกลุ่มและพรรคพวก ดำเนินการอย่างชัดเจนและมุ่งมั่น ขณะที่นโยบายที่หาเสียงไว้ทั้งเรื่องเงินเดือนและค่าแรงขั้นต่ำกลับอ้างว่าต้องรอผลการศึกษา แต่เรื่องบางเรื่องกลับดำเนินการทันที ฝ่ายค้านไม่อยากเห็นการทำงานในลักษณะนี้
"จงรัก"ชี้เป็นเรื่องปกติ
พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ ส.ว.สรรหาประธานอนุกรรมาธิการตำรวจ คณะกรรมาธิการการยุติธรรมและการตำรวจ วุฒิสภา กล่าวถึงการโยกย้ายตำแหน่งผบ.ตร.ว่า เป็นเรื่องธรรมดาของนักการเมือง เมื่อเคยได้ให้คำมั่นสัญญาไว้กับประชาชนว่าจะปราบปรามยาเสพติด เมื่อได้รับเลือกเข้ามาก็มีสิทธิปรับปรุงกลไกต่างๆ แต่เมื่อนักการเมืองเชื่อมั่นหรือไว้ใจบุคคลใดก็จะเลือก ผู้นั้นเข้ามารับตำแหน่ง ที่ผ่านมาก็เปลี่ยนมาถึง 9 ครั้ง ตำรวจก็รู้อยู่ว่าเมื่อการเมืองเปลี่ยน ผบ.ตร.ก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน
ประนีประนอมกว่าทุกครั้ง
พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่า การที่รัฐบาลจะแต่งตั้งพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ เป็นผบ.ตร. เนื่องจากเป็นบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญด้านการปราบปรามยาเสพติด ซึ่งก็เป็นไปตามนโยบายที่รัฐบาลได้เคยแถลงไว้ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ถือเป็นการเปลี่ยน แปลงอย่างละมุนละม่อม ซึ่งพล.ต.อ.วิเชียร ก็สมัครใจ ไม่ใช่เป็นการปลดฟ้าผ่าเหมือน 8 ครั้งที่ผ่านมา จึงถือว่าเป็นการประนีประนอมที่ดี เพราะพล.ต.อ.วิเชียร ได้ตำแหน่งที่สูงขึ้น เทียบเท่ากับปลัดกระทรวง ถือว่าสมศักดิ์ศรี
ปธ.กมธ.มอง-คนดีทั้งคู่
พล.ต.ท.มาโนช ไกรวงศ์ ประธานคณะกรรมาธิการการยุติธรรมและการตำรวจ กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติของการเมือง อย่ามองเป็นเรื่องของการลงโทษ ที่จะต้องมีการโยกย้ายเปลี่ยนผบ.ตร. เพราะถือเป็นตำแหน่งที่ต้องสนองนโยบายทุกรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลชุดนี้เน้นชูนโยบายป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ จึงต้อง หาผู้ที่มีความเหมาะสมอยู่แล้ว และการโยกย้ายคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ก็เป็นอำนาจหน้าที่นายกฯที่จะแต่งตั้งผบ.ตร. คนใหม่ ไม่ถือเป็นเรื่องติดค้างใจ แต่เรื่องที่ติดใจคือการแต่งตั้งคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ระดับล่าง การเมืองไม่ควรเข้ามาเกี่ยว ข้องหรือแทรกแซง
"ส่วนเรื่องที่จะมองพล.ต.อ.วิเชียร หรือพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ว่าใครดีกว่ากันนั้น เขาก็เป็นคนดีทั้งคู่นี้ แต่ก็ต้องเลือกคนให้เหมาะกับงาน และในวงการตำรวจพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ เป็นคนดี ตั้งใจทำงาน ปราบปรามยาเสพติด และเป็นมือปราบที่มีความสามารถ ซึ่งก็ถือว่าอยู่ในระดับที่พอใช้ทำงานได้ดี"
ส.ว.เข้าใจ-เลือกคนทำงาน
พ.ต.อ.สนธยา แสงเภา ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ในหลักการต้องยอมรับความจริงอย่างหนึ่งว่าพล.ต.อ.วิเชียร มาจากการเมืองยุคพรรคประชาธิปัตย์ แต่เมื่อเปลี่ยนการบริหารราชการแผ่นดินก็ต้องเปลี่ยนขั้วไปตามการเมือง เพราะแต่ละยุครัฐบาลก็ต้องเลือกคนที่ไว้ใจได้ และต้องยอมรับว่าพล.ต.อ.วิเชียร เติบโตมาจากสายห้องทำงานเป็นส่วนใหญ่ แต่ขณะนี้ต้องมาเป็นผู้บริหาร ต้องคอยสืบสวน สอบสวน จับกุม ปราบปรามยาเสพติด ก็อาจเป็นเรื่องไม่ถนัด แต่การทำงาน ที่ผ่านมาเป็นคนดีมีความซื่อสัตย์ และเป็นที่รักของผู้อื่น
เพรียวพันธ์เคยโดนเล่นงาน
พล.ต.ท.พิชัย สุนทรสัจบูลย์ ส.ว.อุดรธานี กล่าวว่าตำรวจทุกคนต้องทำใจอยู่แล้ว หากมาอยู่ในตำแหน่งที่สูงถึงผบ.ตร. เพราะถ้าถูกปลุกเสกมาได้ก็อาจหมดเวลาได้เหมือนกัน ซึ่งก็เหมือนกับที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุครัฐบาล ที่ต้องเลือกคน รู้หน้าและรู้ใจ เข้ามาช่วยทำงาน ไม่ใช่บอกว่าพล.ต.อ.วิเชียร ไม่ดี เพราะเขาก็รู้หน้าที่และมีฝีมือ แต่แม่ทัพก็ต้องเลือกม้าศึก ไม่ต้องไปคิดมาก ส่วนการโยกย้ายพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ มานั่งในตำแหน่งผบ.ตร. คิดว่ามีความเหมาะสมมาก เพราะคืนความเป็นธรรมให้แก่เขา สังคมก็ต้องช่วยกันต่อสู้ เพราะเขาเคยถูกการเมืองแทรกแซงมาก่อน ต่อจากนี้อยากให้ทั้งสองหันมาจับมือกัน เหมือนลาจากกันด้วยดี เพราะในวงตำรวจใครได้ขึ้นมานั่งก็ถือเป็นพี่เป็นน้องกัน
ชพน.ระบุควรได้นานแล้ว
เวลา 11.00 น. นายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา แถลงว่า พรรครู้สึกเห็นใจทั้งสองฝ่ายกับกรณีโยกย้ายตำแหน่งให้พล.ต.อ. วิเชียร ไปเป็นเลขาธิการสมช. ซึ่งไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรัฐบาล หรือพล.ต.อ.วิเชียร ขณะเดียวกันต้องยอมรับว่าพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ถ้าไม่มีความเป็นสายล่อฟ้าและการมีนามสกุลดามาพงศ์ ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด เชื่อว่าคงได้เป็นผบ.ตร. ไปนานแล้ว แต่เรื่องการโยกย้ายข้าราชการเป็นเรื่องธรรมดา เพราะไม่ว่ายุคไหนก็เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นทุกครั้ง เพราะผบ.ตร.เป็นตำแหน่งสำคัญ ต้องควบคุมกำลังตำรวจจำนวนมาก และเชื่อว่าพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ จะทำงานในตำแหน่งนี้ได้ดี
"หมอตุลย์"มาตามนัด
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายแพทย์ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ แกนนำเครือข่ายพลเมืองปกป้อง แผ่นดิน อ่านแถลงการณ์คัดค้านการปลดพล.ต.อ. วิเชียร โดยไม่มีเหตุผลอันควร พร้อมชูป้าย ไม่เอาระบอบทักษิณและให้กำลังใจ ว่า การที่ ร.ต.อ.เฉลิม ให้สัมภาษณ์ว่าจะปลดผบ.ตร.ออกจากตำแหน่งดังกล่าว โดยอ้างคำอภิปรายของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรครักประเทศไทย กรณีที่มีการปล่อยปละละเลยให้มีการเปิดบ่อนในเขตนครบาล อีกทั้งยังมีการพิจารณาแต่งตั้งพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ขึ้นดำรงตำแหน่งแทน ถือว่าเป็นการใช้อำนาจแทรกแซงข้าราชการประจำโดยไม่มีเหตุอันควร อันเป็นการขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 และ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547
เชื่อวิเชียรไม่เต็มใจย้าย
"การจะปลดออกต้องโอนย้ายไปหน่วยงานอื่น ตามมาตรา 62 พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ 47 เจ้าตัวต้องสมัครใจและส่วนราชการหรือหน่วยงานต้องการรับโอนผู้นั้น ซึ่งการโยกย้ายตำแหน่งพล.ต.อ.วิเชียร ไปดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภา ความมั่นคงแห่งชาติ โดยมีผู้ดำรงตำแหน่งอยู่ แล้ว มิได้เกิดจากความเต็มใจ หากไม่ถูกกดดันจากร.ต.อ.เฉลิม คงไม่คิดจะขอย้ายออกจากตำแหน่งอย่างแน่นอน" นายแพทย์ตุลย์ กล่าว และว่าขอเสนอให้พล.ต.อ.วิเชียร ฟ้องร้องศาลปกครองในกรณีดังกล่าว
เด็จพี่สวนมาร์คความจำสั้น
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงนายอภิสิทธิ์ เรียกร้องให้ข้าราชการเรียกร้องความเป็นธรรมให้ถึงที่สุดเพื่อรักษาระบบราชการว่า ไม่อยากให้นายอภิสิทธิ์ นำเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการซึ่งเป็นการปรับปรุงการทำงานให้เหมาะสมขึ้น มาเป็นประเด็นการเมือง นายอภิสิทธิ์เคยเป็นนายกฯมากว่า 2 ปี เคยใช้วิธีตั้งรักษาการผบ.ตร.มาก่อน โดยไม่กล้าตัดสินใจ นอกจากนี้การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการในยุครัฐบาลนายอภิสิทธิ์ โดยเฉพาะในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็มีการร้องเรียนเรื่องซื้อขายตำแหน่ง ขณะที่ในกระทรวงมหาดไทย ก็มีการร้องเรียนเช่นเดียวกัน กระทั่งมีการฟ้องร้องต่อศาลปกครองหลายคดี ดังนั้นอย่าทำเป็นความจำสั้น
ติงอย่าปลุกระดมขรก.
นายพร้อมพงศ์ กล่าวต่อว่า ยืนยันว่าการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการในปีงบประมาณ 2555 นี้ เป็นการวางคนให้เหมาะสมกับงาน เพื่อขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล แก้ปัญหาให้กับประชา ชน ไม่ได้รังแกหรือโยกย้ายโดยไม่เป็นธรรม เพราะหากรัฐบาลโยกย้ายไม่เป็นธรรม ฝ่ายข้าราชการสามารถร้องเรียนผ่านกระบวนการยุติธรรมได้ ดังนั้นอยากเรียกร้องนายอภิสิทธิ์ ว่าอย่าเอาเรื่องแต่งตั้งโยกย้ายมาสร้างกระแสเพื่อปลุกระดมข้าราชการ
จเรตร.สอบ 8 บิ๊กตร.
ที่สำนักงานจเรตำรวจแห่งชาติ ศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบบ่อนการพนัน เรียกรองผบช.น. 7 นายและโฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล บช.น. ประกอบด้วยพล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ พล.ต.ต. อำนวย นิ่มมะโน พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร พล.ต.ต.เอื้อพงศ์ โกมารกุล ณ นคร พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ พล.ต.ต.กรีรินทร์ อินทร์แก้ว และพล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกบช.น. เข้าให้ปากคำกรณีบ่อนสุทธิสาร
เหตุจากเป็นเจ้าของพื้นที่
พล.ต.อ.สถาพร เปิดเผยว่า ตำรวจทั้ง 8 นายคณะกรรมการพิจารณาแล้วเห็นว่ามีส่วนเกี่ยว ข้องกับอบายมุข ในฐานะที่บช.น.เป็นเจ้าของพื้นที่รับผิดชอบ แต่ต้องสอบสวนข้อเท็จจริงอีกครั้ง โดยในวันนี้จะสอบปากคำในประเด็นความรับผิดชอบของแต่ละคน การเข้มงวดกวดขันในการลงพื้นที่ โดยจะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือผู้ที่ รับผิดชอบในพื้นที่ และผู้ที่รับผิดชอบงานด้านอบายมุข คาดว่าน่าจะสรุปผลและรายงานให้ พล.ต.อ.วิเชียร ทราบได้ภายในสัปดาห์หน้า ซึ่งในส่วนของบช.น.อาจจะมีความผิดฐานปล่อยปละละเลย จะต้องตรวจสอบว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไรบ้างมากน้อยเพียงใด
เผยสอบไปเกือบหมดแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่าพล.ต.ต.ปิยะ มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไร พล.ต.อ.สถาพร กล่าวว่า การที่โฆษก ออกมาแถลงข่าวว่าในพื้นที่บช.น.ไม่มีบ่อนการพนัน จะสอบถามว่าได้รับข้อมูลมาจากไหนอย่างไร พร้อมทั้งสอบถามว่าได้มอบอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบให้กับใครไปบ้าง และในสัปดาห์หน้าจะเรียกเจ้าหน้าที่กองปราบปราม และปอศ. มาสอบสวน ตั้งแต่ระดับผู้บัญชาการลงมา ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (บก.สปพ.) กอง กำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี(กก.ดส.บช.น.) ได้เรียกมาสอบสวนไปแล้ว ได้ข้อมูลมาพอสมควรแต่ไม่สามารถเปิดเผยได้
จัดการเจ้าของสถานที่ด้วย
ส่วนกรณีที่มีการนำเสนอข่าวการขนย้ายอุปกรณ์ที่ใช้ในการเล่นการพนันไปในย่านพื้นที่ จ.ปทุมธานี จเรตำรวจแห่งชาติกล่าวว่า ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.องครักษ์ ลงพื้นที่ไปตรวจสอบแล้ว เบื้องต้นไม่พบตามที่มีการนำเสนอข่าวไป พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่มีการถมดินและเป็นพื้นที่ว่างเปล่า แต่ก็ไม่ได้ละเลยต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง สำหรับเจ้าของอาคารสถานที่จะต้องให้ทางบช.น.เป็นผู้เชิญตัวมาสอบปากคำ ผมดูแลในส่วนของตำรวจเท่านั้น แต่ถ้าเจ้าของอาคารสถานที่มีส่วนรู้เห็นหรือเข้าไปเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินคดีตามกฎหมายด้วย
เฉลิมย้ำปิดเรียบบ่อน-ตู้ม้า
ร.ต.อ.เฉลิม ให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงนโยบายปราบปรามบ่อนการพนัน ว่า วันนี้บ่อนอื่นก็หมดแล้ว เหลือเพียง 3 บ่อน คือ บ่อนบางซื่อ บ่อนลอยฟ้า และบ่อนกิ่งเพชร เพราะจับยากมี วิธีการเล่นสลับซับซ้อน อย่างบ่อนบางซื่อมี 8-9 ชั้น มีชาวบ้านเป็นเกราะกำบัง บ่อนลอยฟ้ากับบ่อนกิ่งเพชรก็จับยาก ที่อื่นเรียบ มันจบแล้วแต่ถ้าจับไม่ได้ก็เล่นไม่ได้ ทั้งนี้ได้ให้นโยบายตำรวจไปแล้วว่าให้ตั้งด่านกั๊ก
"ผมรู้วิธีการทำให้ 3 บ่อนนี้ปิด แต่ต้องค่อยเป็นค่อยไป แต่ตู้ม้าหมดแล้วทั่วประเทศ ตราบใดผมยังมีหน้าที่ หมดไปแน่นอน ไม่มีชั่วคราว ถาวรคอนกรีตเสริมเหล็ก แต่การทำลายตู้ม้า ต้องรอให้ศาลสั่ง ตำรวจจะไปทำลายเองไม่ได้ ตู้ม้าใหญ่ๆ ทั้งกุงลิ้ง ทั้งเป๋ ปิดเรียบร้อย" ร.ต.อ. เฉลิมกล่าว
เฟซบุ๊กเชียร์วิเชียรลาออก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในเว็บไซต์เฟซบุ๊ก มีผู้เปิดเว็บเพจชื่อ "เราสนับสนุนพล.ต.อ.วิเชียร ผบ.ตร. ให้รักษาศักดิ์ศรี ไม่ยอมอยู่ภายใต้ผู้ใด" โดย อยู่ในหมวดหมู่ เจ้าหน้าที่รัฐ ขึ้น โดยผู้ทำเว็บให้ข้อมูลว่า เพจนี้เพื่อสนับสนุนให้ท่านผบ.ตร. ลาออกจากราชการ ไม่ใช่เพื่อเปิดทางให้ผู้ใด ไม่ใช่เพื่อยอมแพ้ต่ออำนาจการเมืองหรือต่อตระกูลใด แต่เพื่อรักษาศักดิ์ศรีนายตำรวจน้ำดีที่ไม่มีความผิดอันใด ที่จะต้องไปยอมให้กลุ่มอำนาจกลุ่มการเมืองใดหรือตระกูลใดมาบีบบังคับให้ท่านต้องลดศักดิ์ศรีไปยังหน่วยงานอื่น ลาออกครั้งนี้เพื่อให้ตำแหน่งของผบ.ตร. ติดตัวท่านตลอดไป เป็นผบ.ตร. และอดีตผบ.ตร. เป็นตำแหน่งสุดท้ายในชีวิตราชการ และเป็นการประจานพวกที่อยากได้เก้าอี้อยากได้ตำแหน่งให้พวกให้พ้องให้วงศาคณาญาติ รู้ว่าเรามีศักดิ์ศรี ตำรวจทุกนายมีศักดิ์ศรี เฉกเช่นท่าน
ทั้งนี้ผู้ที่สร้างเว็บเพจดังกล่าว ลงประวัติการรับราชการของพล.ต.อ.วิเชียร โดยมีผู้เล่นเฟซบุ๊กเข้าไปแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่ให้กำลังใจพล.ต.อ.วิเชียร ในการปฏิบัติหน้าที่และต้องการให้ลาออกเพื่อปกป้องศักดิ์ศรี
รองนายกฯประชุมตชด.
ที่กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (บช.ตชด.) ร.ต.อ.เฉลิม เดินทางตรวจเยี่ยมพร้อมมอบนโยบาย โดยมีพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ พล.ต.ท. วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้ช่วย ผบ.ตร. และพล.ต.ท. ประยูร อำมฤต ผบช.ตชด. พร้อมเจ้าหน้าที่ บช.ตชด. ทั่วประเทศเข้าร่วมรับฟังนโยบาย หลังเสร็จสิ้นการประชุมและมอบนโยบาย ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ได้ขอความร่วมมือกับตชด. 5 ข้อ ในการป้องกันปราบปรามปัญหายาเสพติดและอาชญากรรม เช่นปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติด ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน การป้องกันปัญหาการโจรกรรมรถยนต์ แรงงานเถื่อนผิดกฎหมาย และการรักษาทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ให้ตชด.ร่วมนครบาลปราบ
"ปัญหาสถานบันเทิงที่เปิดเกินเวลาขณะนี้ ยังมีปัญหาบ่อนการพนันในกรุงเทพฯ อีก 3 บ่อน คือ บ่อนเตาปูน บ่อนลอยฟ้า บ่อนกิ่งเพชร จากนี้จะเข้ามาดูแลปัญหาทั้งหมด ประเมินการทำงานของนครบาลด้วยว่าได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มงวดหรือไม่ ได้มอบหมายให้ตำรวจตระเวนชายแดนสนธิกำลังร่วมกับนครบาลทำงานในเชิงรุกให้มากขึ้น ตอนนี้ผมไม่สามารถประเมินได้ว่าตำรวจนครบาลทำงานล้มเหลวหรือไม่ เพราะเพิ่งมาทำงานได้เพียงสัปดาห์เดียว แต่รัฐบาลก่อนหน้านี้ผมก็ไม่เห็นมีนโยบายแก้ไขปัญหาเหล่านี้เลย" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
ส่งเฝ้าหน้าบ่อน-ห้ามเล่น
รองนายกฯ กล่าวอีกว่า รัฐบาลที่แล้วไม่เห็นทำอะไร หากอ้างว่ากำลังไม่พอต้องดูแลการชุมนุม ตนจะนำกำลัง ตชด.ไปช่วยดู ยุคผมตำรวจต้องทำงานสนองนโยบาย บ่อนใหญ่ที่ เปิดอยู่หากจับกุมไม่ได้ก็ให้เอาตำรวจตชด. ไป ตั้งด่านด้านหน้าบ่อนเพื่อไม่ให้คนเข้าไปเล่น เมื่อถามว่าผู้ที่รับผิดชอบในเรื่องบ่อนในพื้นที่นครบาลควรเป็นตำรวจระดับใด ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า เรื่องบ่อนคงไม่ใช่เพียงระดับ ผกก. หรือ ผบก. ที่ปล่อยปละละเลยระดับที่มากกว่านั้นต้องทราบส่วนจะเกี่ยวข้องถึงระดับ ผบช.น. หรือไม่ต้องรอจเรตำรวจตรวจสอบเรื่องนี้มอบหมายให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ไปดูแลแล้ว
เพรียวพันธ์แนะให้รางวัล
พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ กล่าวถึงมาตรการการปราบปรามยาเสพติด ว่า การทำงานปราบปรามยาเสพติดให้ได้ผล ต้องทำแบบบูรณาการร่วมกันกับหลายฝ่าย ไม่ใช่การจับกุมผู้กระทำผิดหรือการบำบัดผู้ติดยาเท่านั้น เห็นว่าต้องสกัดกั้น ตามแนวชายแดนให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น โดยเฉพาะ 3 จังหวัดชายแดนทางภาคเหนือ ประกอบด้วยจังหวัดเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน และเชียงราย นอกจากนี้ จะมีการสร้างแรงจูงใจให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน โดยการปรับการจ่ายค่าตอบ แทนด้านยาเสพติดให้มีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ซึ่งปกติจะต้องมีการเข้าคณะกรรมการเพื่อพิจารณาค่าตอบแทน แต่อาจปรับให้มีการจ่ายค่าตอบแทนก่อนหลังมีผลจับกุมทันที โดยใช้อัตรามอบเงินรางวัลจับกุมแก่ผู้ปฏิบัติยาบ้าให้เม็ดละ 2 บาท แต่รวมจำนวนทั้งหมดไม่เกิน 1 แสนบาท
คอนเสิร์ตเสื้อแดง คึกคักคับคั่ง ‘ตู่’ ‘เต้น’ ‘ก่อแก้ว’ ตบเท้าขึ้นเวที, Asia News, Thai , news,
วันที่ 3 ก.ย. ที่ห้างอิมพีเรียล(ลาดพร้าว) บริเวณชั้นที่ 6 กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตย(นปช) และกลุ่มคนเสื้อแดง ได้จัด ‘คอนเสิร์ตต้อนรับวันอิสรภาพ ลมหายใจที่ไม่แพ้’ โดยมีกลุ่มแกนนำ ซึ่งนำโดยนายจตุพร พรหมพันธ์ นายก่อแก้ว พิกุลทอง นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ และแกนนำอีกหลายคนต่างเดินทางมาร่วมงานและทยอยกันขึ้นบนเวที เพื่อพูดคุยกับคนเสื้อแดงและกลุ่มแนวร่วมที่เข้ามาร่วมชมคอนเสิร์ตกันเป็นจำนวนมากกว่า 3,000 คน จนพื้นที่ที่จัดให้มีการแสดงไม่เพียงพอกับประชาชนคนเสื้อแดงที่ต่างเดินทางเข้ามารอดูกันอย่างล้นหลามออกมาด้านนอก จนทางผู้จัดงานต้องจัดให้มีการถ่ายโทรทัศน์วงจรปิด เพื่อทำการถ่ายทอดการแสดงจากเวทีมาให้กับกลุ่มเสื้อแดงที่ไม่สามารถเข้าชมได้ ไว้ตามห้องต่างๆบนชั้นที่ 5
ขณะที่บริเวณหน้างานได้จัดให้มีการจำหน่ายสินค้าต่างๆ ของกลุ่ม นปช. และของคนเสื้อแดงโดยได้นำตัวสัญลักษณ์รูปปูมาจัดแสดงที่บริเวณประตูทางเข้าชมคอนเสิร์ตด้วย ซึ่งการแสดงคอนเสิร์ตดังกล่าวในช่วงแรกเป็นการพูดคุยทักทายและให้ความรู้กับกลุ่มคนเสื้อแดง สลับกับการขึ้นร้องเพลงของบรรดาแกนนำต่างๆ ไปตลอดจนถึงช่วงค่ำ
"ปู" ยันรัฐบาลเร่งช่วยผู้ประสบอุทกภัย โอดงบฉุกเฉินเหลือน้อย, Asia News, Thai , news,
วันที่ 3 ก.ย.ที่ทำเนียบรัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานประชุมบูรณาการแนวทางป้องกันและแก้ไข ปัญหาอุทกภัยอย่างเป็นระบบครั้งที่ 1/2554 ที่ทำเนียบรัฐบาลว่า วันนี้มีการประชุมบูรณาการจาก 37 หน่วยงานมาทำงานร่วมกันในภาพใหญ่ หลังจากที่มีการประชุมที่กระทรวงมหาดไทยก่อนหน้านี้ในการเริ่มบูรณาก็มองว่าการแก้ไขปัญหาน้ำแล้งควบคู่กันไป จึงมีการแบ่งงานเป็น 2P2R เพื่อให้บูรณาการแบบวันสต็อปเซอร์วิสทำให้มีผู้รับผิดชอบและตามงานชัดเจน นอกจากนี้ตนยังมอบหมายให้อธิบดีกรมชลประทานดูแลส่วนของบางระกำโมเดลที่เป็นโมเดลต้นแบบ ดังนั้นวันนี้จึงเป็นการประชุมในส่วน P ตัวสุดท้ายในเรื่องของการป้องกันอย่างยั่งยืน
ตนมีความเป็นห่วงใน 9 จังหวัดที่น้ำยังไม่ลดจาก 44 จังหวัด ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาอย่างเร่งด่วนและจากนั้นก็จะขยายไปยังพื้นที่ 44 จังหวัดที่มีปัญหาด้วย
สำหรับกรณีที่ชาวบ้านอำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลกเริ่มขาดแคลนอาหารหลังจากที่รัฐบาลพยายามจะทำเป็นพื้นที่นำร่องในการแก้ไขปัญหา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าทราบเรื่องราวแล้วและตนก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ พื้นที่ดังกล่าวจะเป็นพื้นที่แอ่งน้ำและมีปัญหาในเรื่องของการระบายน้ำก็จะมีการเร่งระบายน้ำให้ ส่วนในเรื่องของอาหารที่ขาดแคลนนั้นก็ให้ส่วนในพื้นที่รายงานเข้ามาว่าพื้นที่ไหนยังไมได้รับการดูแล เพราะจะเร่งดำเนินการโดยเร็ว
ส่วนเงินชดเชยช่วยเหลือที่รัฐบาลที่แล้วให้ 5 ,000 บาทนั้น กระทรวงมหาดไทยกำลังพิจารณารายละเอียดนี้อยู่ เพราะเมื่อก่อนที่มีการจ่ายก็ต้องคำนึงถึงกฎเกณฑ์วิธีการเพื่อให้เกิดความโปร่งใสชัดเจน จึงให้หน่วยงานดูเพื่อความรอบคอบ และทีสำคัญต้องกลับไปประเมินงบประมาณที่เหลือไว้ให้เราในการแก้ไขงบฉุกเฉินค่อนข้างมีจำกัด
เมื่อถามว่ามีข้อมูลจากรัฐบาลที่แล้วบอกว่าเหลืองบประมาณมากกว่าพันล้านบาทตรงนี้ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร และเพียงพอที่จะดำเนินการหรือไม่ นางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ก็ลองคิดดูง่ายๆ ถ้าจากพันล้านบาทลองคิดดูว่าถ้าเสียหาย 5,000 บาท ต่อครัวเรือนแล้วนี่เสียหายหลายแสนครัวเรือนอย่างนี้งบประมาณ 1พันล้านบาท จะพอหรือเปล่า วันนี้แค่งบประมาณที่ผู้ว่าราชการจังหวัดจำนวน 50 ล้านบาทเองก็ยังไม่พอ เราคงต้องมาดูเรื่องความสำคัญเร่งด่วนกัน แต่ตนจะพยายามไม่ให้งบประมาณเป็นข้อจำกัด และเร่งหารือกับสำนักงบประมาณในการที่จะดูว่าจะทำอย่างไรในส่วนของงบสำรองฉุกเฉิน พร้อมย้ำว่าข้อมูลพื้นฐานงบประมาณเหลือน้อยมาก
เหตุผลที่แพ้ คอลัมน์ เหล็กใน มันฯ มือเสือ, Asia News, Thai , news,
แต่ที่น่าจะทำให้สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เถียงไม่ออกเลยก็คือข่าวที่ว่าคณะวิจัยของ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ประธานส.ส.พรรคว่าจ้างบริษัทเอกชนทำวิจัยหาเหตุผลว่า
ทำไมประชาธิปัตย์ถึงแพ้เลือกตั้งซ้ำสองซ้ำสามให้กับ "พรรคทักษิณ"
รายงานข่าวไม่ได้ระบุรายละเอียดชนิดลงลึก
แต่คร่าวๆ คือผู้วิจัยได้เปรียบเทียบทั้งตัวพรรค และตัวผู้นำระหว่าง "อภิสิทธิ์" กับ "ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์"
ผลปรากฏประชาชนส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่า สาเหตุที่ประชาธิปัตย์แพ้มีอยู่ 3 ข้อหลักคือ 1.เชื่องช้าไม่กล้าตัดสินใจ 2.บริหารงานไม่เป็น 3.ไม่ติดดิน ไม่ใกล้ชิดประชาชน
"อภิสิทธิ์" นั้นถึงจะมีจุดดีเรื่องความซื่อสัตย์ แต่ก็อยู่ในระดับไม่แตกต่างกับ "ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์" อย่างมีนัยยะสำคัญ
ยังมีการเปรียบเทียบด้วยว่า ประชาธิปัตย์เหมือนรถยนต์ฮอนด้า ซีวิค ติดเครื่องอีแต๋น คือ ภาพลักษณ์ดีแต่ไม่มีประสิทธิภาพ
ซึ่งจะว่าไปเหตุผลต่างๆ เหล่านี้ตรงกับสิ่งที่ใครหลายคนเคยวิเคราะห์แยกแยะไว้แล้ว แต่ประชาธิปัตย์กลับมองว่าเป็นการวิจารณ์แบบมีอคติ มุ่งซ้ำเติมมากกว่าเป็นการติเพื่อก่อ
สำคัญคือประชาธิปัตย์ไม่เคยเชื่อมาแต่ไหนแต่ไรว่าตนเองแพ้เพราะเชื่องช้า เพราะบริหารงานไม่เป็นและไม่ ติดดิน
สิ่งที่ประชาธิปัตย์เชื่อมีอยู่อย่างเดียวคือแพ้เพราะ "เงินทักษิณ"
ถึงจะมีส่วนจริงอยู่บ้าง แต่คงไม่ใช่ทั้งหมดที่ประชาธิปัตย์จะนำมาใช้แก้ตัวแบบเหมารวมทุกครั้งที่แพ้เลือกตั้ง เพราะมันจะต้องมีปัจจัยอย่าง อื่นอีก
อย่างในผลวิจัยก็บอกเอาไว้ว่า เพื่อไทยเป็นพรรคกล้าคิดกล้าทำ ตอบสนองประชาชนได้ดีเหมือนรถเฟอร์รารี่รุ่นใหม่ แถมยังติดเครื่อง คูโบต้าอเนกประสงค์ คือจะดัดแปลงเป็นรถไถนาก็ได้ เป็นรถอีแต๋น เป็นเครื่องสูบน้ำก็ได้
สิ่งเหล่านี้คือข้อแตกต่างอันมีนัยยะสำคัญต่อผลแพ้-ชนะเลือกตั้ง แต่ก็เป็นสิ่งที่ประชาธิปัตย์ไม่เคยยอมรับ
และถ้าหากครั้งนี้ยังไม่ยอมรับอีกทั้งที่เป็นผลวิจัยโดยบริษัทที่ตนเองว่าจ้างมา
นั่นก็แสดงว่าเหตุผลที่ประชาธิปัตย์แพ้เลือกตั้ง ไม่ได้มีแค่ 3 เหตุผลดังกล่าว แต่ยังต้องเติมข้อที่ 4 กับข้อที่ 5 เข้าไปด้วย
คือแพ้ซ้ำซากเพราะไม่ยอมรับความจริง และไม่รู้จักตัวเอง
มุกแป้ก!วัดพระแก้วโมเดลให้ร้ายปูทำตัวเป็นราชินี, Asia News, Thai , news,
เทียบชัดๆ-(ภาพบน)สังเกตเสื้อผ้าหน้าผม ทรงสูทการพับแขนของนายกฯยิ่งลักษณ์ในฟอร์เวิร์ดเมล์โจมตีอ้างทำตัวเป็นราชินีให้ชาวบ้านกราบ กับ(ภาพกลาง)เสื้อผ้าหน้าผมทรงสูทการพับแขนของนายกฯยิ่งลักษณ์ ในภาพชุดเต็มที่ไปช่วยชาวบ้านน้ำท่วมสุโขทัย(ดูภาพชุดคลิ้กที่นี่)กำลังกราบพระในโบสถ์..
ใช่!ในโบสถ์ พอกราบพระเสร็จก็เดินไปที่โพเดี้ยมกราบไหว้ทักทายชาวบ้าน ส่วนชาวบ้านก็ปรบมือต้อนรับบ้าง รับไหว้บ้าง เหตุที่ชาวบ้านต้องนั่งพื้นก็เพราะตรงนี้เป็นโบสถ์ ตามต่างจังหวัดเขาไม่ยอมให้นำเก้าอี้มาตั้งหรอก กลัวพื้นหินอ่อนจะโดนครูด...
(ภาพล่างสุด)เมื่อกล่าวปราศรัยเสร็จก็ออกมาเดินทักทายกราบไหว้ประชาชนด้วยท่วงทีมีสัมมาคารวะต่อประชาชน(ภาพจากASTVผู้จัดการ)
แต่หากยังอยากเอาเรื่อง นายอภิสิทธิ์ก็คงซวยไปด้วย เพราะมีภาพแบบเดียวกัน
โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
3 กันยายน 2554
มาอีกแร๊ะวัดพระแก้วโมเดล-ฟอร์เวิร์ดเมล์ของเสื้อเหลือง-สลิ่มที่เคยเล่นงานทักษิณกรณีวัดพระแก้วหวนกลับมาอีกแล้ว ภาพและเนื้อหาตามข้างบนกล่าวหายิ่งลักษณ์เป็นราชินีให้ประชาชนมาไหว้ ภาพนี้เรื่องจริงคือนายกฯยิ่งลักษณ์ไปแจกของน้ำท่วม ขึ้นโพเดี้ยมแล้วไหว้ทักทายประชาชน ส่วนชาวบ้านนั่งกับพื้นเพราะเจ้าหน้าที่ไม่ได้หาเก้าอี้ให้(เนื่องจากเป็นพื้นโบสถ์หินอ่อน) และสังเกตดีๆชาวบ้านกำลังปรบมือต้อนรับ ไม่ใช่กราบไหว้
คนมันจ้องจะเล่นงานกัน- หากจะเล่นว่ายิ่งลักษณ์ให้ประชาชนกราบไหว้ อดีตนายกฯมาร์คก็คงหนีไม่พ้นเหมือนกันหละมัง...เพราะยืนพูดบนโพเดี้ยมเหมือนกัน ชาวบ้านก็นั่งพื้นปรบมือ-ยกมือกราบเหมือนกัน(เครดิต:เว็บบอร์ดประชาทอล์ก)
ช็อตต่อช็อต-มีผู้วิเคราะห์ภาพที่สลิ่มส่งฟอร์เวิร์ดเมล์ในเว็บบอร์ดIFว่า ภาพนี้นายกฯยิ่งลักษณ์ ก้าวขึ้นโพเดียมพร้อมยกมือไหว้ประชาชนที่มาต้อนรับ(1)
เป้าประสงค์ของผู้นำภาพนี้มาเผยเพื่อให้เกิดอคติตามหัวข้อ "ราชินีประเทศไหน" ซึ่งเห็นได้ชัดที่สุดในจังหวะของการถ่ายภาพว่าทำให้เขาเข้าใจว่าเป็นการพนมมือ (2)
ส่วนองค์ประกอบในภาพ(3-6) จะเห็นอัปกิริยาของผู้ร่วมในห้องประชุมว่ากำลังทำอะไร ปรบมือหรือกำลังไหว้
ที่มาของภาพในฟอร์เวิร์ดเมล์
น่าจะเป็นภาพตอนที่นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร เดินทางตรวจเยื่ยมผู้ประสบอุทกภัยจังหวัดสุโขทัย วันที่ 13 สิงหาคม 2554 ที่ตำบลบ้านกง หากสังเกตในภาพง่ายๆก็จะเห็นนายกฯยิ่งลักษณ์ใส่เสื้อสูทตัวเดียวกับที่ปรากฎในฟอร์เวิร์ดเมล์ และพับแขนแบบเดียวกัน เมื่อทักทายข้าราชการ และผู้นำชาวบ้านแล้วก็ไปกราบพระพุทธรูป
เหตุที่ต้องกราบพระพุทธรูปก็เพราะพื้นที่จัดกิจกรรมคราวนี้เป็นโบสถ์วัดกงไกลาศในวัดตำบลกง สุโขทัย (ดูคลิปข่าวคลิ้กที่นี่)หากสังเกตให้ละเอียดจะพบว่าภาพชุดนี้กับในฟอร์เวิร์ดเมล์มีพื้นโบสถ์สีเดียวกัน พรมก็สไตล์เดียวกัน แต่คงคนละทิศของโบสถ์ ทิศเหนือเป็นพระพุทธรูป(เสียดายภาพไม่เต็ม) ทิศใต้เป็นจุดตั้งโพเดี้ยมของโบสถ์ที่นายกฯยิ่งลักษณ์ขึ้นกล่าวปราศรัยกับประชาชนที่มาต้อนรับ(เครดิต:บอร์ดIF)
ดูเทียบชัดๆอีกที
ภาพเสื้อผ้าหน้าผมทรงสูทการพับแขนในฟอร์เวิร์ดเมล์โจมตี
ภาพเสื้อผ้าหน้าผมทรงสูทการพับแขนในภาพชุดเต็มที่ไปช่วยชาวบ้านน้ำท่วม(ดูภาพชุดคลิ้กที่นี่)
ดังนั้น ย่อมแน่นอนว่า ไม่มีที่ไหนเขานำเก้าอี้มาตั้งในโบสถ์ บนพื้นหินอ่อนสีอิฐสวยงามให้ชาวบ้านนั่ง อันนี้เป็นธรรมเนียมปกติ ก็เหมือนอดีตนายกฯมาร์คไปช่วยชาวบ้านน้ำท่วมนั่นแหละ ก็ครือๆกัน
(ภาพล่างสุด)แต่พอเมื่อกล่าวปราศรัยเสร็จก็ออกจากโพเดี้ยม มาเดินทักทายกราบไหว้ประชาชนด้วยท่วงทีมีสัมมาคารวะต่อประชาชน(ภาพจากASTVผู้จัดการ)ตามลิ้งค์ของผู้จัดการนี้มีคลิปข่าวให้ดูแบบเต็มๆด้วย
แต่อันนี้จะ"บังอาจ"ไหม?คงต้องให้คนในภาพไปคิดเพราะถึงขั้นก้มกราบตีนกันเลยทีเดียว
Subscribe to:
Posts (Atom)