Links

...

พท.ลุยกล้องกลวง-ยื่นดีเอสไอสอบแล้ว, Asia News, Thai , news,



กทม.ดื้อๆ รองบฯใส่ กล้องจริง มาร์คป้อง "หมู-หล่อ"


พิสูจน์ - นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกพรรคเพื่อไทย พาสื่อมวลชนพิสูจน์กล้องดัมมี่ หรือกล้องหลอกของกทม. บริเวณหน้าม.ราชมงคลกรุงเทพ ย่านสาทร พร้อมไปยื่นหนังสือให้ป.ป.ช.-สตง. และดีเอสไอตรวจสอบความโปร่งใส เมื่อวันที่ 22 ก.ย.
พท.เอาจริง ประเดิมยื่นดีเอสไอตรวจสอบกล้องกลวงของกทม. ระบุจัดซื้อส่อไปในทางไม่สุจริต เอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง ใช้งบประมาณเกือบ 2.5 พันล้าน ด้านอธิบดีธาริตรับสนองทันที ตั้งผู้เชี่ยวชาญมาตรวจขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างมีกลิ่นหรือไม่ ขณะเดียวกันก็ยื่นกระทู้สดถามในสภา รมช. มหาดไทยรับลูกสั่งตรวจสอบอีกทาง ด้านอภิรักษ์แจงวุ่นกล้องหลอกติดกันทั่วโลก ส่วนมาร์คป้อง 2 ผู้ว่าฯกทม. อ้างไม่มีโกง ซัดสมัยแม้วก็ติดกล้องกลวงเหมือนกันที่ 3 จังหวัดภาคใต้

มาร์คป้องกล้องกลวงโปร่งใส

เมื่อเวลา 09.45 น. วันที่ 22 ก.ย. ที่รัฐสภา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงปัญหาการติดตั้งกล้องวงจรปิด (ซีซีทีวี) ของกรุงเทพมหานคร ที่ไม่มีอุปกรณ์ภายใน ซึ่งม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. และนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าฯ กทม. ชี้แจงไม่ตรงกันว่า ไม่มีปัญหา แค่ถ้อยคำไม่ตรงกัน เป็นโครงการจัดซื้อกล้องวงจรปิดที่ทำมา 2 ช่วง การที่มีกล้องพรางเป็นสิ่งที่ทำกัน แม้กระทั่งในต่างประเทศ ขณะที่ซีซีทีวีในภาคใต้ที่เริ่มไว้สมัยรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็ใช้กล้องพรางถึงกว่า 7,000 ตัว เรื่องที่เกิดขึ้นอาจเกิดจากปัญหาในการสื่อสาร มีการไปพูดจนคนสับสนว่าตกลงซีซีทีวีเป็นของจริงหรือของปลอม เวลาจัดซื้อกล้องพรางใช้ราคากล้องจริงหรือไม่

เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทย ตั้งข้อสงสัยว่าการจัดซื้อซีซีทีวีอาจมีการฮั้วประมูล เพราะบริษัทที่ชนะประมูลมีอยู่แค่ 3-4 บริษัท นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เท่าที่ตนดูราคา ยังไม่พบอะไรผิดปกติ เมื่อถามว่าม.ร.ว.สุขุมพันธุ์บอกว่าการใช้กล้องพรางเป็นวิธีการที่ไม่ฉลาด นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ คงไม่ได้หมายความอย่างนั้น เพราะเวลาที่งบมีจำกัด ต้องติดกล้องพรางไปบางพื้นที่ก่อน จากนั้นค่อยปรับเป็นกล้องจริง เมื่อถามว่าเหมือนม.ร.ว.สุขุมพันธุ์กับนายอภิรักษ์ ไม่ประสานข้อมูลกันทำให้การชี้แจงสร้างความสับสน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงชี้แจงตามที่มีรายงานมา เพราะในยุคม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ มีอีก โครงการ อาจทำให้ใช้กันคนละถ้อยคำ

ซัดคู่แข่งเล่นการเมือง-ท้าสอบ

เมื่อถามว่าเกิดคำถามต่อเนื่องว่ากล้องจริงที่ติดมีครบจำนวนหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทางกทม.ควรเปิดให้สื่อมวลชนไปดูการทำงานในศูนย์ควบคุม จะได้ทราบว่ามีกล้องจริงครบจำนวนหรือไม่ เมื่อถามว่ากทม. ระบุพร้อมให้ดูเลยว่ากล้องจุดใดเป็นของจริงบ้าง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ควรทำเช่นนั้น เพราะกระทบการดูแลความปลอดภัย ซึ่งกล้องพรางที่ใช้กันทั่วโลกก็มีประโยชน์ของมัน เมื่อถามว่าปัญหาเกิด ขึ้นเพราะม.ร.ว.สุขุมพันธุ์กับนายอภิรักษ์ขัดแย้งกันหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนสอบถามรองผู้ว่าฯ กทม. ยืนยันว่าม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ไม่ได้ พูดพาดพิงนายอภิรักษ์

ต่อข้อถามว่าเหลืออีก 1 ปีเศษจะเลือกผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ เรื่องที่เกิดขึ้นจะกระทบกับฐานเสียงของพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เขาคงอยากเล่นการเมือง แต่ตนคุยกับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ว่าบริหารให้ดีที่สุด เรื่องการเมือง พอเลือกตั้งค่อยมาว่ากัน เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทย ขู่ว่าจะนำกรณีดังกล่าวไปยื่นคำร้องขอให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน เข้ามาตรวจสอบ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ปกติเขาก็ยื่นเรื่องที่นั่นที่นี่อยู่แล้ว ไม่มีปัญหา ยินดีให้ตรวจสอบ

"เด็จพี่"เตรียมยื่นดีเอสไอสอบ

เวลา 11.15 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาการติดตั้งกล้องวงจรปิดของกทม.ที่มีการตรวจสอบพบว่าติดตั้งกล้องหลอกหรือ "กล้องดัมมี่" แทนกล้องจริงว่า ตนและคณะทำงานส.ส.กทม.ของพรรคเพื่อไทย จะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง เพราะประชาชนได้รวบรวมรายชื่อ 400 กว่าคน ร้องเรียนความเสียหายว่าเรื่องนี้น่าจะเข้าข่ายการหลอกลวง ซึ่งพวกตนได้รวบรวมเอกสารการอนุมัติงบประมาณตั้งแต่สมัยที่นายอภิรักษ์เป็นผู้ว่าฯ กทม. ต่อเนื่องมาถึงสมัยม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เห็นว่าการดำเนินการอย่างนี้น่าจะเข้าข่ายไม่ชอบตามกฎหมาย และมีเรื่องความไม่โปร่งใส อีกทั้งการที่กทม. ชี้แจงอ้างว่ามีกล้องเปล่าอยู่ 500 ตัวนั้น ตนทราบว่ามีมากกว่านี้ ดังนั้นตนจะไปยื่นเรื่องต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในวันที่ 22 ก.ย. เวลา 13.00 น. เพราะดีเอสไอ เคยสอบสวนความไม่โปร่งใสในโครงการของกทม.ในสมัยที่นายอภิรักษ์ เป็นผู้ว่าฯ กทม.

สงสัย 2 ผู้ว่าฯกทม.ร่วมกลบเกลื่อน

นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า เมื่อรวบรวมหลักฐานพร้อมแล้วจะยื่นร้องต่อคณะกรรมการป้อง กันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน รวมถึงการใช้ช่องทางคณะกรรมาธิการชุดต่างๆ ในสภา ให้ตรวจสอบต่อไป เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ คิดว่าทั้งนายอภิรักษ์ และม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ น่าจะ กลบเกลื่อนอะไรบางอย่าง สะท้อนให้เห็นถึงธาตุแท้ของพรรคประชาธิปัตย์ว่าที่เคยอ้างเรื่องความรับผิดชอบต่อประชาชน แต่วันนี้มาทำเรื่องลวงโลกอย่างนี้ ประชาชนรับไม่ได้ ส่วนที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ อ้างว่ามีการทำเช่นนี้ในประเทศอังกฤษด้วยนั้น ต้องเข้าใจว่าในสังคมไทยคาดหวังต่อตัวผู้ว่าฯ กทม.ที่สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ แต่ก็ต้องผิดหวัง

โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนยังขอเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อย่าทำทองไม่รู้ร้อน ต้องเข้ามาร่วมตรวจสอบเรื่องดังกล่าวด้วย เพราะสร้างความเสียหาย อย่าให้พวกตนตรวจสอบเพียงฝ่ายเดียว มิฉะนั้น จะมากล่าวหาว่าพวกตนจ้องแต่ตรวจสอบพรรคประชาธิปัตย์ แต่ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ตรวจสอบเรื่องนี้ อาจถูกกล่าวหาว่าเห็นแก่พวกพ้อง นอกจากนี้พรรคจะตรวจสอบโครงการของกทม. อีกหลายโครงการ เพราะมีการส่งเรื่องร้องเรียน เข้ามา ซึ่งจะนำมาเปิดเผยอีก 3-4 เรื่อง

มท.1 สั่งวงส์ศักดิ์สอบกล้อง 4 จว.ใต้

เวลา 11.45 น. ที่รัฐสภา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่เกิดปัญหาการติดตั้งกล้องวงจรปิดลวงทั่วกทม.ว่า คงต้องให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเป็นผู้มาชี้แจงดีกว่า และคงฟังจากข้อเท็จจริง

ด้านนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ ระบุว่าการจัดซื้อกล้องโทรทัศน์วงจรปิดหรือซีซีทีวีในภาคใต้ ที่เริ่มไว้สมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณก็ใช้กล้องพรางกว่า 7,000 ตัว ว่า ตนเชื่อว่าในสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่น่าจะติดตั้งกล้องพรางในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ได้ อย่างไรก็ตาม จะได้เรียกนายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ อธิบดีกรมการปกครอง ซึ่งดูแลในเรื่องดังกล่าวมาให้ข้อมูลและรายละเอียดในโครงการติดตั้งกล้องดังกล่าวอีกครั้งหนึ่ง

ด้านนายเจะอามิง โต๊ะตาหยง ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จ.นราธิวาส แถลงว่าขณะที่ตนเป็นประธานกรรมาธิการความมั่นคงสามจังหวัดชายแดนใต้ ในทางเทคนิคจะต้องมีกล้องอำพรางไว้ส่วนหนึ่ง ในกรณีที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้รับงบประมาณจากสำนักปลัดกระทรวงมหาด ไทย จะมีการติดตั้งให้ 3 จังหวัดชายแดน 3,520 ตัว ด้วยงบ 969 ล้านบาท มีกล้องอำพราง 7 พันตัว จึงอยากเรียกร้องว่า ในการตรวจสอบกล้อง ให้ตรวจสอบในสำนักกระทรวงมหาดไทย และกรมการปกครองทั้งประเทศ ไม่ใช่แค่ กทม. ตนยังมีข้อแคลงใจต่อกรณีที่ได้งบประมาณจากกระทรวงมหาดไทย ว่า น่าจะมีอะไรที่แอบแฝง มากกว่าปกติ

พท.หวั่นสอบลูบหน้าปะจมูก

เวลา 10.45 น. ที่รัฐสภา นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยและแกนนำคนเสื้อแดง แถลงกรณีการทุจริตกล้องซีซีทีวี โดย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. จะแต่งตั้งพล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร เป็นประธานตรวจสอบทุจริตว่า เป็นแนวทางและวิธีการเดิมที่พรรคประชาธิปัตย์ใช้มาหลายครั้ง ในการทุจริตชุมชนพอเพียงที่ผ่านมา ครั้งนั้นพรรคประชาธิปัตย์ตั้งคนกันเองมาเป็นประธานสอบสวน ก่อนมีข้อสรุปว่า มีข้าราชการผู้น้อยและนักการเมืองท้องถิ่นทำการทุจริต ซึ่งทำให้กลุ่มคนพวกนั้นเป็นแพะ ทั้งที่ผู้มีอำนาจเป็นตัวกลางและผู้สั่งการนั้น ไม่มีการดำเนินการใดๆ กรณีกล้องวงจรปิดก็เช่นกัน มีการตั้งคนกันเองขึ้นมาเพื่อเป็นการสร้างภาพ ก่อนหน้านี้พล.ต.อ.วสิษฐ เคยถูกมองว่าเป็นคนตรงไปตรงมา แต่ 2-3 ปี ที่ผ่านมานั้น พรรคเพื่อไทยทราบดีว่ามีทัศนคติและแนวทางเดียวกับพรรคประชาธิปัตย์ ฉะนั้นการแต่งตั้งพล.ต.อ. วสิษฐ สุดท้ายก็จะเป็นการลูบหน้าปะจมูก จึงอยากเรียกร้องผู้ว่าฯ กทม.ว่า ถ้าตั้งใจตรวจสอบเรื่องนี้จริง ขอให้ตั้งคนที่เป็นกลางและน่าเชื่อถือกว่านี้ เข้ามาตรวจสอบ

แฉแบ่งกัน 5 โซน-ฮั้วประมูล

นายก่อแก้ว กล่าวถึงการฮั้วประมูลกล้องวงจรปิดว่า ปีที่แล้วงบประมาณ 2 พันกว่าล้าน มีการฮั้วประมูลกันโดยแบ่งเป็น 5 โซน บ.ชื่อย่อ จ. บริษัทนี้มีความใกล้ชิดกับผู้ว่าฯ กทม. มาตั้งแต่สมัยนายอภิรักษ์ เรื่อยมา ซึ่งปัจจุบันบริษัทนี้ยังเป็นผู้มีอิทธิพลประสานงานในโครงการของกทม. นอกจากนี้ ยังลดสเป๊กให้ผู้รับเหมารายหนึ่งและย่อยการบริหารจัดการ เพื่อควบคุมการประมูล จึงเป็นปัญหาให้ผู้รับเหมารายอื่นไม่กล้าประมูล เนื่องจากกทม.ได้เขียน ทีโออาร์ และใช้คำๆ หนึ่งคือ การส่งมอบงานนั้น ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของกทม. หมายถึงถ้ากทม.มีความพึงพอใจ ไม่ว่าระดับไหน จะรับงาน หรือไม่ก็ได้ ถ้าเป็นผู้รับเหมาในกลุ่ม กทม.ก็จะรับงาน แต่ถ้าเป็นผู้รับเหมาที่ฮั้วเข้ามา กทม.ก็จะไม่รับงาน ทำให้ผู้รับเหมาทำงานไม่ได้ เก็บเงินไม่ได้ สุดท้ายก็เจ๊ง นี่คือวิธีการที่ทำกันอยู่

นายก่อแก้ว กล่าวว่า ตนจึงเป็นห่วงว่าปีนี้จะมีการประมูลกล้องวงจรปิดเป็นพันล้าน และได้ข่าวว่ามีการจัดสรรกันแล้ว และจะใช้วิธีการเดิม จึงอยากเน้นย้ำผู้ว่าฯ กทม.แต่งตั้งคนที่น่าเชื่อถือมาตรวจสอบย้อนหลังในการประมูล รวมถึงเฝ้าระวัง และขอยืนยันรื้อทีโออาร์อย่าให้ลดสเป๊กสินค้า เอื้อประโยชน์บางราย และเป็นเครื่องมือฮั้วประมูล

ยื่นดีเอสไอบี้สอบกล้องกลวง

เมื่อเวลา 13.00 น.วันเดียวกัน ที่กรมสอบ สวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายพร้อมพงศ์ ได้เดินทางเข้าร้องเรียนและยื่นหนังสือต่อ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ เพื่อขอให้ดีเอสไอเข้า ไปตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างการติดตั้งกล้องวงจรปิดของกรุงเทพมหานครตามสถานที่ต่างๆ ซึ่งส่อเค้าไม่โปร่งใส

นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า กทม.นำกล้องเปล่าซึ่งไม่มีอุปกรณ์ที่สามารถถ่ายหรือจับภาพการเคลื่อนไหวได้มาติดตั้งยุคนายอภิรักษ์และม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ โดยรัฐบาลในขณะนั้นได้จัดสรรงบประมาณไปจำนวนมาก และต่อมา ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ ยอมรับข้อเท็จจริงว่า การจัดซื้อกล้องวงจรปิดของกทม.มี 2 รุ่น รุนแรกได้จัดซื้อหลังเกิดเหตุระเบิดที่สี่แยกราชประสงค์ ซึ่งรัฐบาลได้จัดงบให้ 330 ล้านบาท โดยทำบันทึกข้อตกลงการจัดซื้อในเดือนธ.ค. 2550 และจัดซื้อเดือนพ.ย. 2552 เป็นกล้องจริง 2,046 ตัว และกล้องดัมมี่หรือกล้องปลอม จำนวน 1,325 ตัว โดยราคาในการจัดซื้อของกทม.ระบุว่า หากเป็นกล้องที่มีประสิทธิภาพทั่วไปอยู่ที่ราคาตัวละ 34,000 บาท ส่วนรุ่นที่ซูมได้ราคาตัวละ 130,000 บาท ส่วนกล้องดัมมี่ราคาตัวละ 2,500-2,700 บาท และม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ยังยอมรับว่ายังมีกล้องดัมมี่เหลืออยู่อีก 500 ตัว

"เด็จพี่"ชี้ส่อโกง-เอื้อพวกพ้อง

นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ตนเห็นว่าการจัดซื้อกล้องวงจรปิดของกทม.ตั้งแต่ปี 2550 จนถึงปัจจุบันมีพฤติการณ์ส่อเค้าไปในทางทุจริตของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง และอาจมีการเอื้อประโยชน์ให้บริษัทเอกชนบางแห่งที่ได้รับประโยชน์จากการจำหน่ายกล้องดังกล่าว เนื่องจากช่วง 1 ปี 6 เดือนที่ผ่านมา กทม.ได้ใช้งบประมาณถึง 2,463 ล้านบาท ในการติดตั้งกล้องดังกล่าว จึงอยากให้ ดีเอสไอเข้าไปสอบสวนในเรื่องนี้ เนื่องจากส่งผลกระทบต่องบประมาณและการคลังของประเทศ นอกจากนี้ อยากขอให้นายอภิสิทธิ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรีเงาเข้าไปตรวจสอบการทำงานของกทม.และการจัดซื้อกล้องดังกล่าวในลักษณะคู่ขนานกับการทำงานของดีเอสไอและพรรคเพื่อไทยด้วย

ด้าน นายธาริต กล่าวว่า ตนได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้เชี่ยวชาญคดีพิเศษ ตรวจสอบขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างกล้องซีซีทีวีทั้งหมดโดยเร็ว หากตรวจพบว่ามีการจัดซื้อโดยไม่ถูกต้องหรือเข้าข่ายทุจริตฮั้วประมูลก็สามารถนำเรื่องดังกล่าวเข้าเป็นคดีพิเศษได้ทันที

กทม.เร่งหากล่องจริงมาติด

วันเดียวกัน ที่ศาลาว่าการกทม. นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯกทม. เปิดเผยว่าได้มอบหมายให้สำนักการจราจรและขนส่ง(สจส.) พิจารณาแก้ไขในส่วนของกล้องหลอกที่มีอยู่ทั้งหมด ซึ่งตามกฎหมายแล้วเมื่อ กทม.ประมูลนำกล้องปลอมมาติดตั้ง เพื่อใช้ประโยชน์แล้วจะถอดออกโดยไม่นำมาใช้ประโยชน์ไม่ได้ จึงจะต้องหากล้องจริงมาใส่ลงในกล่อง(เฮาซิ่ง)ให้หมด โดยใช้งบประมาณ ปี 2555 ในส่วนของการ ตรวจสอบนั้น เมื่อมีการตั้งข้อสังเกตว่า การให้ พล.ต.อ.วสิษฐ มาตรวจสอบ จะไม่เป็นกลาง นั้น ตนคิดว่านอกจากคณะกรรมการที่กทม.ตั้งขึ้นแล้ว ทุกหน่วยงานก็สามารถเข้ามาตรวจสอบได้ และยินดีให้เจาะลึกรายละเอียดที่มาที่ไปทุกอย่าง เพื่อให้ทุกฝ่ายรวมถึงประชาชนได้เข้าใจข้อมูลที่แท้จริง เนื่องจากกทม.ตั้งใจที่จะดำเนินการไม่ได้เป็นการทุจริตหรือหลอกลวง

ต่อมาเวลา 15.00 น. ที่ศาลาว่าการกทม. นายพิบูลย์ สันฐิติเจริญวงศ์ อายุ 31 ปี พร้อมทั้งสมาชิกส่วนหนึ่งในเว็บไซต์พันทิป ดอทคอม ที่สนใจ ได้เดินทางมาพบนายเจตน์ โศภิษฐ์พงศธร โฆษกกทม. นายสุธน อาณากุล ผอ. กองพัฒนาระบบจราจาร สำนักจราจรและขนส่ง (สจส.) เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงเรื่องกล้องหลอก

นายพิบูลย์กล่าวว่า ตนต้องการมาสอบถามว่าโครงการนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร เพราะยังไม่อยากด่วนสรุปว่ามีการคอร์รัปชั่น ซึ่งตนได้แสดงความเห็นในเรื่องดังกล่าว เมื่อตนทราบว่าทางกทม.มีเฟซบุ๊ก จึงได้นำลิงก์มาโพสต์เพิ่มเติม เพื่อหวังว่าจะได้คำตอบที่ชัดเจนมากขึ้น แต่ตอนนี้เรื่องนี้ยังไม่จบ เพราะยังสงสัยเรื่องความละเอียดของภาพที่นำไปใช้ว่าจะหวังผลได้มากน้อยแค่ไหน เช่น เมื่อกล้องจับภาพไปที่คนร้ายจะสามารถใช้ได้จริงแค่ไหน ต่อไปจะรอดูเอกสารเกี่ยวกับการจัดซื้อที่กทม.จะแสดงบนเว็บไซต์และหากเห็นเอกสารแล้วจะตรวจสอบต่อไปว่าเป็นเอกสารจริงหรือเป็นการตัดต่อ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าตนเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกลุ่มการเมืองใด เป็นเพียงประชาชนที่ต้องการแสดงความคิดเห็นเท่านั้นและไม่ได้รู้จักกับผู้ตั้งกระทู้เป็นการส่วนตัว

พท.ได้ที-ตั้งกระทู้สดบี้ปชป.

ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภา ผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดของ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส. กทม.พรรคเพื่อไทย ถามรมว.มหาดไทย เรื่องปัญหาความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ ว่า เมื่อเช้าได้พาสื่อมวลชนไปดูกล้องวงจรปิดในบริเวณ กทม. ซึ่งผู้ว่าฯ กทม.ได้ชี้แจงว่ามีกล้องวงจรปิด 2,046 ตัว แต่เป็นปลอมหรือกล้องเปล่า 1,325 ตัว ราคาตัวละ 2,000 บาท เป็นเงิน 3 ล้านบาท ส่วนกล้องจริงมีอยู่ 721 ตัว ตัวละ 4 แสนบาท งบประมาณ 2,400 ล้านบาท จึงขอถามว่าในต่าง จังหวัดได้ติดตั้งกล้องลักษณะนี้หรือไม่ นอกจากนี้ ในฐานะที่กระทรวงมหาดไทยมีอำนาจ ควรตั้งคณะกรรมการเข้าตรวจสอบเพราะบริษัทที่ได้ประมูลคุ้นหน้าคุ้นตา และขอถามว่าในกทม.และในต่างจังหวัดโยงสัญญาณภาพไปยังเขต หรือไปที่ใดหรือศูนย์ใดหรือไม่ แล้วกล้อง 1 หมื่นตัว มีเจ้าหน้าที่เพียงพอ หรือแค่ป้องปรามเท่านั้น

นายฐานิสร์ เทียนทอง รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทนรมว.มหาดไทย ว่า เป็นนโยบายที่นายกฯ ให้ดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ส่วนกล้องนั้น มีของจริงของปลอม จะเหตุผลเทคนิคอย่างไร ตนไม่ทราบ แต่มีการติดตั้งวงจรปิดของจริงของปลอมทั่ว กทม. ทางกระทรวงมหาดไทยได้ให้ตรวจสอบไปยังหัวเมืองใหญ่และในจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ไม่ทราบรัฐบาลไหน แต่รัฐบาลนี้ไม่มีของปลอมจะเน้นของจริงเป็นหลัก รัฐบาลชุดนี้นายกฯ ได้ให้นโยบายในการประพฤติปฏิบัติตัว ซึ่งคงจะตรวจสอบสัญญาโดยใช้อำนาจของกระทรวงมหาดไทยทั้งในกทม.และจังหวัดต่างๆ เพราะเงินทุกบาทเป็นเงินภาษีของประชาชน จะต้องทำให้เกิดประโยชน์ โดยจะตรวจสอบในทุก ภาคส่วนทั้งในกทม.และในต่างจังหวัด หากมีประโยชน์แอบ แฝง ถ้ามีการทุจริตจะดำเนินการอย่างถึงที่สุด

หล่อเล็กอ้างกล้องลวงติดทั่วโลก

จากนั้น นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะอดีตผู้ว่าฯกทม.ได้ใช้สิทธิ์ ถูกพาดพิงลุกขึ้นชี้แจงว่า การ ที่บอกว่ากล้องดัมมี่ เป็นกล้องปลอม แหกตาประชาชนนั้น กล้องดัมมี่ ได้ติดตั้งเป็นไปตามหลักสากลในหลายประเทศ ส่วนในประเทศได้มีการติดตั้งตั้งแต่ปี 2547 สมัยรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ก็ติดตั้งกล้องมาตลอด โดยเฉพาะในภาคใต้ 7,000 ตัว จัดทำทีโออาร์และมีการตรวจสอบของคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ สภา ผู้แทนราษฎร ซึ่งกล้องดังกล่าวเป็นกล้องพราง ไม่ใช่กล้องปลอม เป็นฝ่ายความมั่นคงดำเนินการมาตลอด ส่วนตัวเลขการติดตั้งกล้องในปี 2550-52 นั้น ข้อเท็จจริงทางม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ได้ดำเนินการติดตั้ง 3,371 ตัว มีกล้องจริงทั้งสิ้น 2,041 ตัว ส่วนที่เหลือเป็นกล้องพรางโดยมีระบบเชื่อมสัญญาณไปยังสำนักงานเขตด้วย

นายเจะอามิง โตะตาหยง ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะอดีตประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ สภาผู้แทนราษฎร ได้เสนอขอให้ตรวจสอบทั้งระบบตั้งแต่สมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

0 comments:

Post a Comment

Blog Archive

Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites More

 
Design by Free WordPress Themes | Bloggerized by Lasantha - Premium Blogger Themes | Grants For Single Moms