Links

...

คดีจนท.ฆ่า13ศพ ถึงมือตร. เน้นสืบ-คนสั่งการ, Asia News, Thai , news,



"เหลิม"ติวข้อกม. เร่งทำส่งอัยการ มท.1จี้ศอฉ.คืน ปืน3พันกระบอก ที่ใช้ปราบแดง


ติว13ศพ - ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ และพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ว่าที่ผบ.ตร. ให้แนวทางบช.น.ในการทำคดีสลายม็อบเสื้อแดง ในสำนวน 13 ศพ ที่ระบุเป็นฝีมือเจ้าหน้าที่รัฐ เมื่อวันที่ 19 ก.ย.
"ยงยุทธ"ออกโรงทวงปืนลูกซอง 3 พันกระบอกที่ศอฉ.สั่งเก็บมาใช้ภารกิจ"ม็อบแดง" มึนไม่รู้ ตอนนี้ปืนอยู่ไหนหมด วอนส่งกลับมาให้ชาวบ้านได้ใช้ป้องกันตัวเอง ด้านเสธ.ไก่อูแจงเป็นอำนาจกอ.รมน.สั่งเก็บและหลังจบภารกิจได้ส่งคืนจังหวัดแล้ว "วงศ์ศักดิ์"สั่งผู้ว่าฯตรวจยอดปืนทันที แฉถูกย้ายเพราะไม่ยอมเก็บปืนจนปลัด มหาดไทยขณะนั้นต้องทำหนังสือแจ้งผู้ว่าฯเอง สำนวน 13 ศพของดีเอสไอ ถึงมือตำรวจแล้ว "เหลิม"ย้ำให้ทำตามกฎหมาย เพราะเมื่อสรุปว่าเป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่รัฐ ต้องให้ตำรวจชันสูตร แนะให้การในศาลแจงให้หมดใครสั่งการ "มาร์ค"ย้ำไม่ได้ดองคดี แต่ทำคืบหน้าตลอด พร้อมให้ตรวจสอบ คนเสื้อแดงแห่ร้องยธ. ดูแลสิทธิ์ประกันตัวสู้คดี "ถาวร"อัดข้อเสนอคณะนิติราษฎร์เพิ่มความแตกแยก ถามรับงานใครมา

"ยงยุทธ"ทวงปืนศอฉ.

วันที่ 19 ก.ย. ที่กระทรวงมหาดไทย นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีหมู่บ้านอาสาพัฒนาป้องกันตนเอง (อพป.) ขอปืนลูกซองที่เคยถูกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) เรียกเก็บจากทั่วประเทศ กว่า 3,000 กระบอก ในช่วงชุมนุมของคนเสื้อแดงคืน ว่า ขอใช้โอกาสนี้ฝากไปยังผู้ที่ครอบครองปืนลูกซองของ อพป. อยู่ในขณะนี้ว่า ให้ส่งคืนกระทรวงมหาดไทยด้วย เพราะขณะนี้ไม่ทราบว่าปืนดังกล่าวไปอยู่ที่หน่วยงานใดบ้าง เพราะการนำมาใช้ในครั้งนั้นอาจมีการแจกจ่ายไปยังหน่วยงานต่างๆ จึงอยากให้เอามาคืนเสีย ชาวบ้านจะได้นำไปใช้ป้องกันตัวเอง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปืนลูกซองดังกล่าวที่มีการเรียกเก็บเป็นอาวุธปืนของหมู่บ้านอาสาพัฒนาป้องกันตนเอง (อพป.) ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่มีการตั้งมวลชนเพื่อปราบคอมมิวนิสต์ โดย อพป.จะมีอาวุธปืนลูกซองไว้ป้องกันตนเอง ภายใต้การดูแลของผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งคำสั่งในการเรียกเก็บปืนในครั้งนั้น เป็นคำสั่งของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ขณะนั้น ผ่านไปยังนายมานิต วัฒนเสน ปลัดกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้น ในฐานะศูนย์อำนวยการร่วมศอฉ.โดยสั่งการไปยังผู้ว่าฯ ให้เรียกเก็บปืนคืน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นปืนในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

"ไก่อู"โบ้ยอำนาจกอ.รมน.

ด้าน พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกทบ. ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กรณีที่ทางกระทรวงมหาดไทยได้ทวงถามถึงอาวุธปืนลูกซอง ที่ทางศอฉ.สั่งเรียกเก็บจากชุดชรบ. ว่า เป็นเรื่องการดำเนินการของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ซึ่งหลังจากเหตุการณ์การชุมนุม กอ.รมน.ได้ทำเรื่องอนุมัติส่งปืนกลับไปเรียบร้อยแล้ว บางจังหวัดก็ได้รับคืน บางจังหวัดอยู่ระหว่างการจัดส่งคืน และบางจังหวัดก็ยังไม่ได้ติดต่อขอคืนมา

"วงศ์ศักดิ์"สั่งสอบยอดปืนลูกซอง

นายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ อธิบดีกรมการปกครอง เผยว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้สำนักกิจการความมั่นคงภายใน สำรวจจำนวนปืนลูกซองที่ได้รับการสนับสนุนในครั้งนั้น พร้อมทั้งตรวจสอบว่า แต่ละจังหวัดมีจำนวนปืนเท่าไร และส่งคืนมาจำนวนเท่าไร เพื่อให้ทราบจำนวนปืนลูกซองที่แน่นอน โดยตนจะได้ทำหนังสือไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดให้รายงานตัวเลข ว่าส่งปืนคืนมาจำนวนเท่าไรอีกทางด้วย คาดว่าจะทราบยอดปืนลูกซองทั้งหมดภายในสัปดาห์นี้

ย้ำโดนเด้งเพราะไม่ร่วมมือ

นายวงศ์ศักดิ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนไม่ทราบจำนวนปืนลูกซองที่แน่นอน ทราบแต่เพียงว่าได้ปืนคืนมาประมาณ 3,000 กระบอก เนื่องจากช่วงที่มีการเรียกเก็บปืนคืนนั้น รมว.มหาดไทยขณะนั้น มอบหมายให้ตนดำเนินการสั่งเก็บ ซึ่งตนก็ได้ยืนยันไปว่าตนไม่มีอำนาจสั่งการในการเรียกเก็บปืนคืนจากผู้ว่าฯ ปลัดกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้นจึงเป็นผู้ลงนามในคำสั่งเอง ซึ่งเรื่องดังกล่าวถือเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ตนถูกย้ายไปเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย อย่างไรก็ตาม หากพบว่ามีของหลวงหายไป จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบข้อเท็จจริง จะปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านเลยไปไม่ได้

เหลิมชี้ข้อเสนอ"นิติราษฎร์"ทำยาก

ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ กล่าวถึงการชุมนุมของคนเสื้อแดง ว่า เป็นธรรมดาของระบอบประชาธิปไตย ซึ่ง ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช อดีตนายกฯ เคยบอกกับตนไว้ว่าเมืองไทยมีม็อบ ถือว่าบ้านเราพัฒนาแล้ว

เมื่อถามถึงกลุ่มคณาจารย์นิติศาสตร์ ในนามคณะนิติราษฎร์ เสนอให้ลบล้างผลพวงของรัฐประหาร 19 ก.ย. โดยประกาศให้การรัฐ ประหารและการกระทำใดๆ ในวันดังกล่าวถือว่าไม่เคยเกิดขึ้นและไม่มีผลทางกฎหมาย รองนายกฯ กล่าวว่า ในความเป็นจริงไม่มีครูที่ไหนเห็นด้วยกับการปฏิวัติ การปฏิวัติเป็นผลพวงทำให้เกิดความยุ่งยากของบ้านเมือง ถ้าพูดในนามส่วนตัว เห็นว่าอาจารย์มีเหตุผล และกล้าวิเคราะห์คำพิพากษาของศาลในหลายฉบับ ซึ่งตนได้อ่านและติดตามอยู่ อย่างไรก็ตามข้อเรียกร้องเหล่านี้เป็นไปได้ยาก เพราะเป็นเรื่องที่แล้วไปแล้ว อาจเป็นการแสดงความเห็นเชิงวิชาการ แต่ทุกอย่างเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ถ้าประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศเห็นด้วย

เมื่อถามว่าในทางกฎหมายจะไปยกเลิกคำสั่งหรือการกระทำของ คมช. หรือคตส. ย้อนหลังได้หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนไม่พูด เดี๋ยวจะถูกวิจารณ์ เอาเป็นว่าข้อเสนอของอาจารย์ที่พูดมา น่าสนใจและเขามีสิทธิ์เสนอ

เมื่อถามว่า 5 ปีของรัฐประหารที่ผ่านมาให้อะไรกับสังคมไทยบ้าง รองนายกฯ กล่าวว่า ให้ความเจ็บปวด ความแตกแยก และความร้าวฉาน ทำให้ประเทศไม่พัฒนา ตกต่ำ ยาเสพติดระบาดไปทั่ว ไม่มีอะไรดีขึ้น

ลุยบช.น.จี้ชันสูตร13ศพ

ที่ บช.น. ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวในการแถลงนโยบายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจบช.น. ตอนหนึ่งว่า เรื่องการชันสูตรพลิกศพ สืบเนื่องจากตนเป็นประธานคดีพิเศษ และดีเอสไอเสนอขออนุมัติชันสูตรพลิกศพ 13 ศพ ที่ตายในเหตุการณ์ต่างๆ เมื่อเดือนเม.ย.-พ.ค. 53 แต่ตนคัดค้าน เพราะอธิบดีดีเอสไอหรือพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ไม่มีอำนาจชันสูตรพลิกศพ อำนาจหน้าที่เป็นของพนักงานสอบสวนในท้องที่ที่พบศพต้องทำหน้าที่ชันสูตรพลิกศพ ซึ่งเมื่ออธิบายไปแล้วอธิบดีดีเอสไอก็ถอนเรื่องออก จึงอยากให้เข้าใจว่าเรื่องนี้ไม่ใช่นโยบายรัฐบาล รัฐบาลจะแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมไม่ได้

จี้เยียวยา - นายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำคนรักอุดร นำผู้ต้องขังเสื้อแดงที่ได้รับการประกันตัวเข้าร้องเรียนต่อพล.ต.อ. ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ให้ช่วยเหลือเยียวยา เมื่อวันที่ 19 ก.ย.


ย้ำตร.ทำหน้าที่ตามกฎหมาย

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวต่อว่า การจะไต่สวนคดีชันสูตรพลิกศพต้องเป็นไปตาม ป.วิอาญา มาตรา 104 ถือว่าตายโดยผิดธรรมชาติ จะต้องทำสำนวนไต่สวนชันสูตรพลิกศพมี 2 อย่าง ตายโดยการกระทำของเจ้าพนักงาน หรืออยู่ในระหว่างการควบคุมของเจ้าพนักงาน ปัญหามีอยู่ว่า ช่วงที่พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผบช.น. ทำคดี ยังไม่ข้อเท็จจริงปรากฏชัดว่า ตายโดยการกระทำของเจ้าพนักงาน หรือมีคนอ้างว่าเจ้าพนักงานทำให้ตาย จึงส่งเรื่องให้ดีเอสไอ แต่เมื่อดีเอสไอพิจารณาว่าเป็นฝีมือเจ้าหน้าที่รัฐ ก็ต้องส่งสำนวนการสอบสวนชันสูตรพลิกศพทั้ง 13 สำนวน มายังบช.น. เพื่อพิจารณามอบให้พนักงานสอบสวนท้องที่ที่ศพนั้นอยู่ดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา แล้วส่งเรื่องให้อัยการพิจารณาส่งศาลไต่สวนตามกฎหมายต่อไป นครบาลก็รับดำเนินการโดยไม่ต้องเกรงใจตน และรัฐบาล อะไรที่เป็นจริงก็ต้องเป็นไปตามนั้น

ต้องแจ้งศาลให้ชัดว่าใครสั่ง

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า เมื่อถึงขั้นไต่สวน อัยการและทนายญาติผู้ตายจะนำพยานเข้าสืบ ตำรวจในพื้นที่ก็ต้องเตรียมแถลงต่อศาลในการไต่สวน หรืออ้างว่าใครเป็นคนสั่ง ด้วยวาจา หรือลายลักษณ์อักษร หรือสั่งผ่านโทรศัพท์ เมื่อพาด พิงถึงใครก็ต้องเรียกบุคคลเหล่านั้นมาเบิกความ เรื่องนี้ไม่ได้รื้อคดี แต่เป็นเรื่องหลักกฎหมาย

สำนวน13ศพถึงบช.น.แล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 14.00 น. พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรัตน์ ผู้บัญชาการสำนักการเงินและการธนาคาร ดีเอสไอ ได้รับคำสั่งจากนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ให้นำสำนวนคดี 13 ศพ จำนวน 3 กล่อง มามอบให้บช.น. โดยพล.ต.ต.ภาณุ ส่งให้กับพล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รองผบช.น. เป็นผู้ดูแลสำนวนคดีดังกล่าว โดยสำนวน 13 ศพ ประกอบด้วย 1.นายมานะ อาจราญ ในพื้นที่สน.ดุสิต 2.พลฯ ณรงฤทธิ์ สาละ พื้นที่สน.พญาไท 3.นายชาติชาย ชาเหลา พื้นที่สน.ปทุมวัน 4.นายฮิโรยูกิ มูราโมโตะ พื้นที่สน.พลับพลาไชย 1 5.นายรพ สุขสถิต พื้นที่สน. ปทุมวัน 6.นายมงคล เข็มทอง พื้นที่สน.ปทุมวัน 7. นายสุวัณ ศรีรักษา พื้นที่สน.ปทุมวัน 8.นายเกียรติคุณ ฉัตร์วีระสกุล พื้นที่สน.วัดพระยาไกร 9.นายประจวบ ประจวบสุข พื้นที่สน.วัดพระยาไกร 10.นายบุญมี เริ่มสุข พื้นที่สน.ปทุมวัน 11.ด.ช.คุณากร ศรีสุวรรณ พื้นที่สน.พญาไท 12.นายพัน คำกอง สน.พญาไท และ 13.นายชาญณรงค์ พลศรีลา พื้นที่สน.พญาไท

ข้อเสนอคอป.เข้าครม. 

ที่ทำเนียบรัฐบาล นางฐิติมา ฉายแสง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า วันที่ 20 ก.ย. คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ที่มีนายคณิต ณ นคร เป็นประธาน จะนำรายงาน ฉบับที่ 2 อาทิ การตั้งกรรมการเฉพาะกิจ เพื่อเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ การยุติการอ้างถึงสถาบันเพื่อประโยชน์ทางการเมือง และให้รัฐบาลทบทวนการใช้กฎหมายหมิ่นเบื้องสูงมาขยายผลความขัดแย้งทางการเมือง เสนอต่อที่ประชุมครม. โดยจะแนบรายงานฉบับที่ 1 ที่รายงานต่อรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มาด้วย อย่างไรก็ตาม การนำเสนอรายงานดังกล่าวในครม. เพื่อให้ความเห็นและเข้าสู่การปฏิบัติ เพื่อดูว่ารัฐบาลชุดที่แล้วทำอะไรไปแล้วบ้าง หรือเรื่องใดยังไม่ได้ทำ เพื่อนำไปสู่การปรองดองสมานฉันท์ในทุกด้าน ซึ่งนายกฯ จะเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายอภิปรายอย่างกว้างขวาง

น้อง"น้องเกด"ลุยจี้คดี

สำหรับการเรียกร้องของความเป็นธรรมจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมทางการเมืองช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค. 53 นายณัฐพัช อัคฮาด น้องชายของน.ส.กมนเกด อัคฮาด พยาบาลอาสาที่ถูกยิงเสียชีวิตในวัดปทุมวนาราม ในวันที่ 19 พ.ค.53 พร้อมเพื่อนอาสากู้ภัยรวม 6 ศพ กล่าวว่า การเคลื่อนไหวเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับพี่สาวและผู้เสียชีวิตรายอื่นๆ นั้นยังคงทำอย่างต่อเนื่อง เพราะ 1 ปี 4 เดือน ที่ผ่านมา แม้ตนรู้สึกชินชากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ก็เจ็บปวดทุกครั้งเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ทำให้พี่สาวตนต้องมาจบชีวิต ทั้งที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการชุมนุมเลย ยืนยันว่าจะเดินหน้าเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับพี่สาวตลอดไปจนกว่าจะได้รับความเป็นธรรม ไม่เลือกเป้าหมายจะอยู่ไหนก็จะไปให้ถึง แม้จะตายก็ยอม และในปีหน้าตนจะปรับกลยุทธ์การต่อสู้เรียกร้องใหม่ เพื่อให้การต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมต่างๆ มีรูปแบบมากขึ้น โดยแยกออกจาก นปช.โดยสิ้นเชิง จะเป็นการรวมกลุ่มญาติผู้เสียชีวิตโดยเฉพาะ

รับไม่ได้ทหารสลายม็อบได้ดี

นายณัฐพัช กล่าวว่า สำหรับการเคลื่อนไหวจากนี้ในวันที่ 22 ก.ย. เวลา 11.00 น. ตนพร้อมด้วยญาติผู้เสียชีวิตจากการสลายการชุมนุมเมื่อเดือนเม.ย.-พ.ค.53 หลายครอบครัว จะเดินทางไปยื่นหนังสือถึงพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ที่ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ อาคารเอ ถนนแจ้งวัฒนะ เพื่อให้พิจารณาไม่ให้นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้ามายุ่งเกี่ยวกับคดี 13 ศพ ที่เสียชีวิตจากการสลายและเป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่รัฐ รวมทั้งคดีคนเสื้อแดงอื่นๆ ทั้ง 91 ศพ เนื่องจากญาติผู้เสียชีวิตต่างไม่ไว้วางใจให้นายธาริตทำคดีดังกล่าวอีกต่อไป

นายณัฐพัช กล่าวว่า จากนั้นวันที่ 1 ต.ค. ซึ่งเป็นวันที่ทางกระทรวงกลาโหม และกองทัพ จะประกาศแต่งตั้งข้าราชการทหารระดับสูงในกองทัพใหม่ ทราบว่าการแต่งตั้งครั้งนี้มีกลุ่มนายทหารที่เคยคุมกำลังทหาร และขนอาวุธออกมาปราบปรามประชาชนอย่างรุนแรง ได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นทุกคน พวกตนในฐานะเป็นผู้เสียหายโดยตรง จะคัดค้านการแต่งตั้งนายทหารกลุ่มนี้ให้ถึงที่สุด จนกว่ากระทรวงกลาโหมและกองทัพจะพิจารณาใหม่ โดยจะชุมนุมกันบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนินกลาง

ร้องยธ.ดูคดีการเมือง

ที่กระทรวงยุติธรรม กลุ่มเครือข่ายประชา ธิปไตย 10 กลุ่ม นำโดยนายเยี่ยมยอด ศรีมันตระ รักษาการเลขานุการเครือข่ายประชาธิป ไตย ยื่นหนังสือเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมถึงพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม โดยมีตัวแทนรัฐมนตรีลงมารับเรื่องแทน โดยนายเยี่ยมยอด เผยว่า ต้องการร้องขอความเป็นธรรม 4 ข้อ คือ 1.ให้นักโทษคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ได้รับสิทธิในการประกันตัวตามหลักสิทธิมนุษยชน รวมถึงนักโทษคดีที่เกี่ยวเนื่องกับการปราบปรามเมื่อเดือน เม.ย.-พ.ค.53 โดยด่วนที่สุด ตามหลัก "การคืนความเป็นธรรมล่าช้า คือการซ้ำเติมความไม่เป็นธรรม" 2.เร่งปรับปรุงระบบการดูแลนักโทษคดีการเมือง โดยให้คัดแยกออกจากคดีอาชญา กรรมอื่นๆ และเพิ่มงบประมาณ ตลอดจนกำลังเจ้าหน้าที่เพื่อดูแลปรับปรุงความเป็นอยู่ของนัก โทษทุกคน 3.ปรับปรุงกลไกการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพในกระบวนการยุติธรรม ด้วยการตั้งคณะทำงานทบทวนผลกระทบจากการบังคับใช้กฎหมายอาญา มาตรา 112 พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ร.บ.ความมั่นคงภายใน และพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์อย่างเร่งด่วน เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปรับปรุงหรือยกเลิกกฎหมายดังกล่าว ซึ่งจะช่วยลดความขัดแย้งและการใส่ร้ายป้ายสีทางการเมือง และ 4.ขอให้นำคนสั่งสลายการชุมนุม สังหารประชาชนเมื่อปี 2553 เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยเร็ว

ให้ประกันผู้ต้องขัง"แดง"

นอกจากนี้ นายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำกลุ่มคนรักอุดรฯ เข้ายื่นหนังสือต่อ รมว. ยุติธรรม เพื่อเรียกร้องให้ยกเลิกกฎหมายอาญา มาตรา 112 และปลดล็อกกฎหมายปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และให้ปล่อยตัวนักโทษคดีหมิ่นเบื้องสูงและนักโทษคดีการเมือง และเรียกร้องให้มีการนำตัวผู้เกี่ยวข้องกับการปราบปรามผู้ชุมนุมปี 2553 เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

ขณะที่นายชานนท์ คนยืน ตัวแทนผู้ได้รับผลกระทบจากการสลายการชุมนุม ยื่นหนังสือเรียกร้องให้กระทรวงยุติธรรมช่วยเหลือผู้ต้องขังคดีวางเพลิงศาลากลาง จ.มุกดาหาร ที่มีผู้ต้องขัง 29 คน โดยให้อัยการสูงสุดถอนฟ้อง ทั้งนี้ ศาลอุทธรณ์ได้นัดฟังคำพิพากษาดังกล่าวในวันที่ 27 ต.ค.นี้ สำหรับกรณีผู้ต้องขังคดีก่อความไม่สงบจังหวัดเชียงใหม่และมุกดาหาร ขอให้ได้รับการประกันตัวทั้งหมดด้วย ส่วนกรณีที่คดีการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ และนปช. เมื่อปี 2551 ในข้อหาร่วมกันฆ่า ซึ่งศาลอุทธรณ์สั่งจำคุกจำเลย 12 ปี ซึ่งขอให้กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพช่วยเหลือเรื่องประกันตัวสู้คดี โดยพล.ต.อ.ประชา ได้สั่งการให้กรมคุ้มครองสิทธิฯ จังหวัดเชียงใหม่เข้าไปดูแล

ติดคุก1ปี-ลูกเมียหาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่ายังมีผู้ชุมนุมนปช.ที่เพิ่งพ้นโทษจากการจำคุก ร้องเรียนพล.ต.อ.ประชา ให้ช่วยตามหาลูกและภรรยา ที่หายตัวไปช่วงที่ตัวเองติดคุก โดยระบุว่า ตนเป็นครูสอนเต้นและร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดง ที่แยกราชประสงค์ ก่อนถูกจับขังคุก 1 ปี เมื่อออกมาแล้วก็ตามหาภรรยาและลูกไม่เจอ โดยพล.ต.อ.ประชาได้ฝากให้นายขวัญชัย ช่วยประชาสัมพันธ์ผ่านวิทยุคนเสื้อแดง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 20 ก.ย. ศาลจังหวัดมหาสารคาม จะนัดฟังคำพิพากษาเรื่องอนุญาตให้ประกันผู้ต้องขังเสื้อแดงทั้ง 9 คน ที่จ.มหาสารคามหรือไม่

"ประชา"เตรียมตั้งกก.เยียวยา

ด้านพล.ต.อ.ประชา กล่าวถึงความคืบหน้าการตั้งคณะกรรมการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากความไม่สงบ ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาเพื่อสรรหาบุคคลที่เหมาะสมจะเข้ามาทำหน้าที่ ซึ่งจะต้องได้รับการยอมรับจากสังคม เบื้องต้นจะต้องมีทั้งคนในและคนนอกกระทรวงร่วมกันทำงาน ส่วนกรอบการทำงานจะตั้งเป็นคณะกรรมการ 2 ชุด คือคณะกรรม การเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบทางการเมือง และคณะกรรมการเยียวยาเหตุการณ์ความไม่สงบทางภาคใต้ ซึ่งคาดว่าจะตั้งได้เร็วๆ นี้

มาร์คยันทำ13ศพโปร่งใส

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค เผยนายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม และกรรมการคอป. นำคณะอดีตผู้เชี่ยวชาญระดับโลกทางด้านคณะกรรมการค้นหาความจริงและความยุติธรรมระยะเปลี่ยนผ่านเข้าพบ เพื่อหารือแนวทางการสร้างความปรองดองในประเทศ ว่า ขอบคุณคอป.ที่ยืนยันว่ารัฐบาลตนไม่ได้แทรกแซงการทำงาน แต่เป็นห่วงว่าการกดดันคนทำงานที่เกี่ยวกับการค้นหาความจริงยังมีมากขึ้น พรรคประชาธิปัตย์พร้อมสนับสนุนและร่วมมือในการทำงานของคอป. เพราะมีหลายเรื่องที่ต้องค้นหาความจริง และได้ทราบถึงข้อเสนอของคอป.ที่จะเสนอต่อรัฐบาล ซึ่งอยากให้รัฐบาลยึดเจตนารมณ์ของคอป.อย่างแท้จริง ส่วนสำนวนคดี 13 ศพ รัฐบาลตรวจสอบเรื่องนี้โดยตลอด ขอให้ทำโปร่งใส เพราะการหาความจริงยังเป็นกระบวนการสำคัญที่ต้องทำ ตนไม่กังวลอะไร ความจริงคือความจริง ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ขอให้ทุกฝ่ายทำหน้าที่ตรงไปตรงมา ถ้าใครทำไม่ตรงไปตรงมาก็ต้องรับผิดชอบการกระทำตัวเอง ไม่มีใครรับแทนได้ ไม่มีใครคุ้มครองคนที่บิดเบือนได้

ปชป.อัดยับนิติราษฎร์ 

นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกลุ่มนิติราษฎร์ เสนอแนวคิดต่อรัฐบาลให้ล้มคำตัดสินคำสั่งของคดีการเมืองคดีอาญาที่เป็นผลมาตั้งแต่หลังเหตุการณ์ 19 ก.ย. 49 ว่า หากย้อนดูหลังเหตุการณ์ 19 ก.ย. กฎหมายที่ใช้ในขณะนั้นบังคับใช้โดยชอบ มีหลักนิติรัฐ นิติธรรม และคู่กรณีหรือผู้ที่ได้รับผลกระทบต่างก็เต็มใจที่จะเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ มีการต่อสู้คดีตามหลักกระบวนการยุติธรรม ที่สำคัญกระบวนการทุกขั้นตอนได้ทำอย่างเปิดเผย ไม่มีสิ่งใดปกปิดอำพราง หรือทำผิดหลักนิติรัฐ เช่น กรณีการยึดทรัพย์ผู้ร่ำรวยผิดปกติ ซึ่งมีกฎหมายที่บังคับใช้มาก่อนเหตุการณ์ 19 ก.ย. คือกฎหมายคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดังนั้น การจะมาอ้างเหตุผลดังกล่าว อยากถามว่าเป็นการกระทำที่ชอบโดยหลักนิติรัฐหรือไม่

ถามรับงานใครมา 

"ขอตั้งคำถามกลุ่มอาจารย์ที่ออกมาเคลื่อน ไหวเรื่องนี้ อย่างเป็นขั้นตอนและระนาบเดียวกันว่า ได้รับงานจากใคร กลุ่มใดหรือไม่ และมีผลประโยชน์หรือไม่ ทั้งหมดเพื่อย้ำเตือนให้สังคมและสาธารณชนฉุกคิดให้รอบคอบถึงข้อเสนอดังกล่าว เพราะที่สุดแล้วอาจทำลายหลักนิติรัฐ นิติธรรมของชาติได้ เช่นเดียวกันกรณีบุตรและภรรยาของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่จะได้ประโยชน์จากการยกเลิกกรณีดังกล่าว ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ คนเราแค่อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ว่าเขาต้องการอะไร ทำเพื่อใคร รู้อยู่แล้วว่าแต่ละคนมีประวัติความเป็นมาอย่างไร ที่สุดแล้วการเสนอเรื่องนี้จะเพิ่มปมความขัดแย้งแตกแยกในสังคมไทยให้มากขึ้น" นายถาวรกล่าว

จับตาทำเพื่อ"ทักษิณ"

เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่กลุ่มนิติราษฎร์ จะเข้าร่วมมาเป็นคณะกรรมการอิสระว่าด้วยหลักนิติธรรมแห่งชาติ (คอ.นธ.) ที่มีนายอุกฤษ มงคลนาวิน เป็นประธาน เพราะมุมมองข้อเสนอสอดคล้องในทิศทางเดียวกัน นายถาวร กล่าวว่า แน่นอน เพราะพฤติกรรมดูเหมือนโยนหินถามทางต่อสังคมหรือไม่ สิ่งเหล่านี้เจ้าตัวจะรู้เอง ทุกอย่างที่แสดงเป็นการยืนยันว่าทำเพื่อคนๆเดียว คาดว่ากลุ่มเหล่านี้ดำเนินการอย่างเป็นแบบแผนขั้นตอน ทั้งนี้ เราจะติดตามการเคลื่อนไหวของกลุ่มนิติราษฎร์ และคอ.นธ. อย่างใกล้ชิดต่อไป

ภาคปชช.รำลึก19กย. 

สำหรับความเคลื่อนไหวในการรำลึก 5 ปี เหตุการณ์รัฐประหาร 19 ก.ย. 49 นายทรงชัย วิมลภัตรานนท์ รักษาการประธานกลุ่ม 24 มิถุนายน และกลุ่มเครือข่ายประชาธิปไตย 5 คน นำหมุดทองเหลืองเขียนข้อความ "19 กันยา วันต้านรัฐประหาร ปักลงใต้ต้นมะขาม หน้ากองทัพบก" เพื่อแสดงว่าเป็นสัญลักษณ์ให้วันที่ 19 กันยาของทุกปี เป็นวันต้านรัฐประหารแห่งชาติ

ที่จ.นครราชสีมา กลุ่มคนเสื้อแดงโคราชรักประชาธิปไตย โดยนางจงรัก แววโคกสูง นัดหมายผู้ประกอบอาหารที่เป็นมวลชนคนเสื้อแดง ตั้งโรงทานนำอาหารคาวหวาน แจกจ่ายให้กับพี่น้อง ประชาชน เพื่อเป็นการรำลึกถึงวันรัฐประ หาร และเป็นการทำบุญ อุทิศส่วนกุศล ให้กับคนเสื้อแดงที่เสียชีวิตในการสลายการชุมนุม เมื่อเดือนเม.ย.-พ.ค. 53 ด้วย

ที่จ.เชียงใหม่ กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 กว่า 1 พันคน ใช้จักรยานยนต์ 200 คัน รถยนต์ส่วนตัว และตุ๊กตุ๊ก กว่า 30 คัน ใช้เครื่องขยายเสียงแห่รอบเมืองเชียงใหม่ ชักชวนประชาชนไปร่วมจัดงานปิดฉากเผด็จการ 19 กันยา 54 ที่หน้าโรงแรมแกรนด์วโรรส

หมอตุลย์เผยปว.เพราะทุจริต

วันเดียวกันเมื่อเวลา 13.30 น. ที่ห้องจี๊ด เศรษฐบุตร คณะนิติศาสตร์ มธ. องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดเสวนาเรื่อง "การรัฐประหารเปลี่ยนแปลงประเทศไทยอย่างไร" โดยผู้ร่วมเสวนา ประกอบด้วย นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บ.ก.ลายจุด แกนนำกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง น.ส.สุดา รังกุพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาภาษาศาสตร์ จุฬาฯ น.พ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ แกนนำพลเมืองอาสาปกป้องแผ่นดิน และนายแทนคุณ จิตต์อิสระ อดีตผู้สมัครส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ โดยทั้ง หมดไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร

โดยน.พ.ตุลย์ กล่าวว่า การรัฐประหารส่งผลกระทบกับชีวิตของเราทุกคนในทางที่ดีขึ้นและเลวลง ที่ชัดเจนคือการทำรัฐประหารทำให้เกิดความเสียหาย ไม่เป็นที่ยอมรับของต่างชาติ แต่การทำรัฐประหาร 2 ครั้งล่าสุด คือ ในสมัย รสช. และคมช. มีความเหมือนกันตรงที่นักการเมืองทุจริตคอร์รัปชั่น การทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 ก.ย. ช่วงที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ทหารใช้ข้ออ้างว่ามีการทุจริตฯ การรัฐประหารจะเกิดขึ้นทุกครั้ง เมื่อภาคการ เมืองอ่อนแอ คนเริ่มบ่นเบื่อกับการทุจริตฯ ซึ่งเป็นอย่างนี้ทุกครั้ง อาจแตกต่างกันตรงที่ คมช.มีข้ออ้างเพิ่มเรื่องหมิ่นสถาบันรวมกับทุจริต เป็นข้ออ้างให้ประชาชนเห็นด้วย จึงต้องช่วยกันปิดข้ออ้างของทหารไม่ให้รัฐประหาร ด้วยการที่นักการเมืองต้องไม่ทุจริต ไม่โยกย้ายจนเกินงาม

อจ.จุฬาย้ำ 91 ศพผลพวง19ก.ย.

ขณะที่ น.ส.สุดา กล่าวว่า บทเรียนของรัฐประหาร ทำให้รู้ว่าไม่มีการรัฐประหารใดที่ไม่มีการนองเลือด 5 ปีที่ผ่าน มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยราย เราจะแยกการสังหารหมู่ที่ราชประสงค์ กับสะพานผ่านฟ้าออกจากการทำรัฐประหาร 19 ก.ย. ได้อย่างไร เมื่อประชาชนเรียกร้องให้เลือกตั้งใหม่ ซึ่งสืบเนื่องมาจากปี"49 แต่มีการใช้ทหารเข้ามาสลายการชุมนุม จนทำให้ประชาชนสูญหายจำนวนมาก ขณะที่การทุจริตฯ ถูกตรวจสอบโดยคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) แทนที่จะใช้กระบวนการปกติ มีการเขียนบทเฉพาะกาล เพื่อเปลี่ยนแปลงกระบวน การยุติธรรมนี่คือสิ่งที่ทำให้กระบวนการยุติธรรมไทยเสียหายย่อยยับ ถูกทำลายด้วยข้ออ้างตุลาการภิวัฒน์ที่อ้างโดยกลุ่มคนที่สนับสนุนการทำรัฐประหาร

"ประชาชนที่เรียกร้องประชาธิปไตยถูกตีตราว่าผิด จนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าถูก นิติธรรมในไทยเสียหายเป็นผลพวงจากรัฐประหาร 19 ก.ย. ทำให้ประชาชนเกิดความแตกแยกอย่างชัดเจน ซึ่งการประสานรอยร้าวต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่ายที่ต้องมองไปข้างหน้าเพื่อแก้ไข และการปรองดองจะเกิดขึ้นได้ ถ้าทุกคนยอมรับว่าเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา" น.ส.สุดา กล่าว

บ.ก.ลายจุดเผยทหารแค่เครื่องมือ

นายสมบัติ กล่าวว่า การทำรัฐประหาร 19 ก.ย. 49 ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในประเทศ จากหน้ามือเป็นหลังเท้าเขียวๆ เป็นต้นเหตุของความขัดแย้งทั้งหมด เพราะการรัฐประหารคือการปกครองที่ทหารเป็นใหญ่ เปลี่ยนจากประเทศที่ผู้คนใส่เสื้อเหลืองเต็มท้องถนนในขณะนั้นเป็นสีแดง เปลี่ยนจากทหารอาชีพเป็นทหารการเมือง เปลี่ยนรัฐธรรมนูญของประชา ชนเป็นรัฐธรรมนูญจากรัฐประหาร ในช่วงแรกอาจมีคนดีใจเห็นด้วยที่เกิดรัฐประหาร 80-90 เปอร์เซ็นต์ แต่ตอนนี้เปลี่ยนไปเยอะ แม้แต่นายอภิสิทธิ์ ยังบอกว่าไม่เห็นด้วยกับการทำรัฐประหาร และที่แปลกที่สุดคือ พล.อ.สนธิ บุญรัตนกลิน อดีตประธานคมช. ที่บอกว่าเสียใจในการทำรัฐประ หาร นี่ตลกร้ายแต่ก็เกิดขึ้นในประเทศไทย

นายสมบัติ กล่าวว่า สำหรับข้ออ้างเรื่องทุจริต ไม่ใช่มีแค่นักการเมือง ข้าราชการเองก็ไม่เบา แต่ต้องยอมรับว่ารัฐประหาร 19 ก.ย. 49 ไม่ใช่เจตจำนงของทหาร ทหารเป็นเพียงเครื่องมือของการปฏิบัติในครั้งนั้น ขณะที่ทางออกของเรื่องดังกล่าวเห็นว่าทหารต้องปรับทัศนคติ และต้องถูกตรวจสอบได้

0 comments:

Post a Comment

Blog Archive

Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites More

 
Design by Free WordPress Themes | Bloggerized by Lasantha - Premium Blogger Themes | Grants For Single Moms