แจงเหตุถูกเขี่ยพ้นอธิบดีปค. เพราะไม่สนองคำสั่งมิชอบ "ปุระชัย"กางตำรา-ชี้ย้ายได้ เหลิมควงอ๊อฟลุยยาบ้าเหนือ
ถกปราบยา - พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รองผบ.ตร. หารือกับพล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิ ประภา รมว.กลาโหม ระหว่างร่วมประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการปราบปรามยาเสพติด ร่วมกับนายกฯ ที่บ้านพิษณุโลก เมื่อวันที่ 8 ก.ย. |
"ปู"เข้าบ้านพิษฯถกแก้ยาเสพติด
เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 8 ก.ย. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางไปบ้านพิษณุโลก เพื่อร่วมประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหายาเสพติด โดยมีนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ พล.ต.อ. ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม นายวิทยา บุรณศิริ รมว.สาธารณสุข นางสุรีย์ ประภาตรัยเวช เลขาธิการป.ป.ส. นายกิตติพงษ์ กิตตยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม และพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รองผบ.ตร. (รรท.ผบ.ตร.) ร่วมประชุมด้วย โดยเป็นที่น่าสังเกตว่าการประชุมครั้งนี้เชิญพล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ อดีตรองนายกฯและอดีตรมว.มหาดไทย นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย มาให้คำแนะนำด้วย
ชาวบ้านร่ำไห้รอร้องทุกข์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนน.ส.ยิ่งลักษณ์มาถึงมีนางดาราวรรณ สุริยวงศ์ อายุ 52 ปี ชาวบ้านจากจ.มหาสารคาม มานั่งรอพบนายกฯ ที่ประตูทางเข้าบ้านพิษณุโลก นางดาราวรรณเปิดเผยด้วยน้ำตานองหน้าว่า เมื่อทราบว่าลูกชายและลูกสาวติดยาบ้าจึงเข้าไปปรึกษากับสารวัตรในสภ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม เพื่อให้ตำรวจดำเนินการกับกลุ่มผู้ค้ายาและช่วยพาลูกเข้ารักษาฟื้นฟู แต่หลังจากนั้นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ร่วมกับตำรวจลักพาลูกทั้งสองคนหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย จึงอยากให้นายกฯช่วยเหลือ
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า นางดาราวรรณเคยมายื่นหนังสือร้องเรียนสำนักรับเรื่องร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่รับเรื่องและแจ้งไปยังสถานีตำรวจในพื้นที่แล้ว อย่างไรก็ตาม นางดาราวรรณยืนยันขอเข้าพบนายกฯ เพื่อขอความช่วยเหลือโดย ตรง แต่ตำรวจพยายามเกลี่ยกล่อมให้เดินทางกลับ เนื่องจากรับเรื่องไว้แล้วและกำลังติดตามผลอยู่ แต่นางดาราวรรณไม่ยินยอม เจ้าหน้าที่พยายามเกลี่ยกล่อมนานเกือบ 1 ช.ม. ก่อนตัดสินใจพาตัวนางดาราวรรณขึ้นรถแท็กซี่ออกไป เพราะเกรงว่าช่วงที่ขบวนรถของนายกฯมาถึง นางดาราวรรณจะใช้วิธีวิ่งเข้าไปขวางจนเกิดอันตรายได้
"เหลิม"ชอบถวิลยกเรื่องกรรม
ขณะที่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ กล่าวถึงกรณีนายถวิล เปลี่ยนศรี ที่ปรึกษานายกฯ ฝ่ายข้าราชการประจำ จะร้องเรียนต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) เพื่อขอความเป็นธรรม หลังถูกย้ายจากเลขาธิ การสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ว่า เป็นสิทธิ์ของนายถวิล ถ้าเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมก็ไปใช้สิทธิ์ได้ แต่การย้ายไปตำแหน่งที่ปรึกษานายกฯ เงินเดือนเท่าเดิม เงินประจำตำแหน่งเท่าเดิม อีกทั้งนายกฯยังมอบหมายภารกิจสำคัญให้ทำ เช่น เรื่องน้ำท่วมที่จะต้องเร่งช่วยเหลือประชาชน
"ผมชอบที่นายถวิลให้สัมภาษณ์ไว้ว่าใครทำกรรมอะไรไว้ ขอให้ได้รับกรรมนั้น เมืองไทยเป็นเมืองพุทธ ผมอยากเห็นเช่นนั้นเหมือนกัน โดยเฉพาะคนที่ชั่วมากๆ สมควรได้รับ กรรมมากๆ" ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว และว่า รัฐบาลที่ผ่านมาย้ายข้าราชการจำนวนมาก ตนอยากถามกลับว่าก่อนหน้านี้รัฐบาลประชาธิปัตย์ย้ายพล.ท.สุรพล เผื่อนอัยกา จากเลขาธิการสมช.ไปเป็นที่ปรึกษานายกฯ แล้วตั้งนายถวิลขึ้นมาแทนนั้น ทำไมจึงทำได้ ตนจึงต้องการเปรียบเทียบให้เห็น เช่นเดียวกับการย้ายนายพีรพล ไตรทศาวิทย์ จากปลัดกระทรวงมหาดไทย ไปเป็นที่ปรึกษานายกฯ เหตุผลแค่ลูกของนายพีรพลเป็นเพื่อนกับลูกพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ย้ายใครต่อใครด้วยเหตุผลว่าเป็นคนใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ แล้วรัฐบาลประชาธิปัตย์ก็ บอกว่าย้ายเพื่อความเหมาะสม ตนจึงขอความเป็นธรรมเรื่องนี้บ้าง และควรดูด้วยว่าอะไรเป็นอะไร ประชาธิปัตย์ต้องดูตัวเองด้วย
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวอีกว่า คำให้สัมภาษณ์ที่ตนเคยพูดนั้นไม่ผิดกฎหมาย และข้อเท็จจริงคือพล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกฯ เป็นคนเซ็นย้าย และนายกฯมอบงานให้พล.ต.อ.โกวิท แล้วจะไปเสียสถานะอย่างไร หากจะร้องก.พ.ค.ก็ร้องไป อะไรทำได้ก็ทำไป
ย้อนปชป.ความจำสั้นหรือเปล่า
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีจะนัดนายถวิลกินข้าวปรับความเข้าใจ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า แล้วเขาว่างหรือเปล่า สำหรับตนไม่มีอะไร
"สมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เข้ามาถึงก็ย้ายพล.ท.สุรพล เผื่อนอัยกา จากเลขาฯสมช. แล้วเอานายถวิลขึ้นมาด้วยเหตุผลใด เพราะพล.ท.สุรพลเป็นตท.10 หรือไม่ ย้ายนายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ เพราะเป็นลูกน้องเฉลิม จึงเป็นอธิบดีกรมการปกครองไม่ได้ เขาผิดอะไร ย้ายนายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัดกทม. มาเป็นที่ปรึกษาข้าราชการประจำในทำเนียบ เขาผิดอะไร ย้ายพล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เพราะสนิทกับพรรคเพื่อไทย แล้วเอาคนอื่นขึ้น เขาผิดตรงไหน ประชาธิปัตย์ความจำสั้นแล้วหรือ" ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่านายถวิลระบุถูกเยาะเย้ยถากถาง ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ตนพูดบนเวทีหาเสียงหนักกว่านี้ เพราะชาวบ้านชอบ เมื่อถามว่าแต่นี่ไม่ใช่เวทีหาเสียง ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ไม่ใช่ ตนถ่ายทอดความรู้สึกอย่างตรงไปตรงมา หรือต้องการนักการเมืองกะล่อน
แอบชื่นชม"ธาริต"น่ารักตุ้ยนุ้ย
ต่อข้อถามว่าถือเป็นการแก้ไข ไม่ใช่แก้แค้นใช่หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า แก้ไข เมื่อถามว่าตอนนี้ข้าราชการต้องเตรียมตัวเตรียมใจรับการเปลี่ยนแปลง ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ข้าราชการที่ไหน ใคร เพราะอย่างนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ก็เป็นคนน่ารัก ตุ้ยนุ้ย
เมื่อถามว่าเหมือนกำลังอยากบอกให้รู้ว่าทีใครทีมัน ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ไม่ใช่ ไม่มี รัฐบาลนี้ชนะมาเพราะประชาชนศรัทธา รัฐบาลจะต้องไปตั้งพรรคพวกทำไม เราต้องทำให้พอไปได้ เพื่อทำงานได้ ไม่มีที่จะไปตั้งแม่ทัพนายกองต่างๆ ตามที่เป็นข่าว รัฐบาลนี้ไม่ทำ
ผู้สื่อข่าวถามว่าตอนนี้ข้าราชการขวัญเสีย หวั่นไหว ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า คนที่มีอะไรในใจก็ตื่นเต้นไปเอง เมื่อถามว่าเมื่อโยกเลขาฯสมช.แล้วจำเป็นต้องโยกผอ.สำนักข่าวกรองด้วยหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ตนไม่มีหน้าที่ ต้องถามพล.ต.อ.โกวิท
"โกวิท"เรียกคุย 3 รองเลขาฯสมช.
ด้านพล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกฯ กำกับดูแลสมช. เชิญรองเลขาฯสมช.ทั้ง 3 คน ประกอบด้วย นายอดิศักดิ์ ตันยากุล นายอนุ สิษฐ คุณากร และนายสมเกียรติ บุญชู เข้าหารือที่ห้องทำงานตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล นานประมาณ 30 นาที
จากนั้นนายอดิศักดิ์ เปิดเผยว่า มารายงานเกี่ยวกับงานในความรับผิดชอบของรองเลขาฯสมช. พล.ต.อ.โกวิทแต่งตั้งตนเป็นรักษาการเลขาฯสมช. และขอให้รองทั้ง 3 คนช่วยกันทำงานอย่างต่อเนื่อง เพราะมีงานสำคัญที่นายถวิลวางแผนไว้หลายเรื่อง และรายงานเรื่องการจัดทำแผนเตรียมพร้อมและการฝึกซ้อมแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยวันที่ 14-16 ก.ย. เรื่องผู้หลบหนีเข้าเมือง และนโยบายแก้ปัญหาความไม่สงบในภาคใต้
ขรก.ฝากเรื่องขวัญกำลังใจ
ผู้สื่อข่าวถามว่าหลังจากโยกย้ายนายถวิลแล้วจะโยกย้ายรองเลขาฯสมช.อีกหรือไม่ นายอนุ สิษฐกล่าวว่า คงไม่มี จะเปลี่ยนทำไม ถ้าเปลี่ยนระดับรองฯทั้งหมด จะไปกันอย่างไร ระบบราชการจะอยู่กันแบบไหน เมื่อถามว่ารองฯทั้ง 3 คน สะท้อนเรื่องขวัญและกำลังใจของข้าราชการให้พล.ต.อ.โกวิทรับทราบบ้างหรือไม่ รองเลขาฯสมช. กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าข้าราชการสมช.เสียขวัญบ้างเป็นธรรมดา เพราะเราพี่น้องโตมาด้วยกัน ก็มีการคุยกัน รองนายกฯได้ให้แนวทางว่าเป็นข้าราชการ ทำงานให้เต็มที่เป็นเครื่องวัดว่าสิ่งที่ทำประโยชน์ของชาติบ้านเมืองเป็นหลัก ฉะนั้น หากเปลี่ยนแปลงใดๆ สังคมก็รับรู้และเข้าใจ นอกจากนั้นยังให้นโยบายและรับว่าจะดูแลงานด้านความมั่นคงเต็มที่ ขอให้ข้าราชการทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองต่อไป โดยไม่ต้องห่วงเรื่องการดูแลเพราะเป็นหน้าที่ของท่าน และการทำงานร่วมมือกันในอนาคตท่านจะลงมากำกับดูแลให้ใกล้ชิด อะไรที่มีปัญหาหรือผลกระทบต่อองค์กรจะลงมาให้ใกล้มากขึ้น ท่านจะดูแลงานของเรา คนของเราอย่างเต็มที่เหมือนพี่เหมือนน้อง มีปัญหาอะไรมาพบท่านได้ตลอดเวลา เปิดอกพูดจากัน ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีในยุคนี้ อย่างไรก็ตาม ข้าราชการสมช.ไม่ได้ยื่นจดหมายเปิดผนึกอะไร เพียงแต่ฝากรองนายกฯไว้เรื่องขวัญและกำลังใจของข้าราชการ แต่ก็มีข้าราชการบางส่วนที่ใช้การเมืองเพื่อเข้าสู่ตำแหน่ง
มท.ยุทธอ้าง"ปู"ยาหอมวิเชียร
ส่วนนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย กล่าวถึงกระแสข่าวโยกย้ายนายวิเชียร ชวลิต ปลัดกระทรวงมหาดไทยออกจากตำแหน่ง และแต่งตั้งนายพระนาย สุวรรณรัฐ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ดำรงตำแหน่งแทนว่า ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องดังกล่าว เพราะตนและนายกฯยังติดภารกิจช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัย ต้องลงพื้นที่พร้อมกับปลัดกระทรวงมหาดไทยทุกพื้นที่ ซึ่งนายกฯชื่นชมการทำงานของนายวิเชียรอย่างมาก ทำงานเป็นที่น่าพอใจ ดังนั้น ช่วงนี้คงยังไม่มีสมาธิคิดเรื่องอื่น
ผู้สื่อข่าวถามว่ายังคงมีแนวคิดโยกย้ายนายวิเชียรอยู่หรือไม่ นายยงยุทธกล่าวว่า เป็นคำถามที่ตอบยาก ครูตั้งคำถามยาก นักเรียนไม่สามารถตอบให้ถูกได้ทั้งหมด เมื่อถามว่าจะชัดเจนเรื่องนี้เมื่อใด เพราะปลัดกระทรวงต้องทำเรื่องแต่งตั้งโยกย้ายอธิบดี ผู้ตรวจราชการ และผู้ว่าราชการจังหวัด ที่จะเกษียณอายุราชการ นายยงยุทธกล่าวว่า ต้องเร่งพิจารณา เมื่อถามว่าใช้เวลาพิจารณาถึง 1 เดือนหรือไม่ นายยงยุทธกล่าวว่า นานไป อาจเป็นกลางเดือน ต้องดูความชัดเจนอีกครั้ง
อย่าโยงองคมนตรี-ไม่หมายหัวใคร
เมื่อถามว่าการตั้งนายพระนายเพราะพรรคเพื่อไทยต้องการใกล้ชิดกลุ่มอำมาตย์ยิ่งขึ้นหรือไม่ นายยงยุทธกล่าวว่า ไม่เกี่ยว เพราะองคมนตรีไม่ได้หมายถึงตัวบุคคล องคมนตรีเป็นสถาบัน แต่อาจมีอยู่ 1 ท่านที่มีความเกี่ยวข้อง แต่องคมนตรีอยู่เหนือการเมือง อย่าเอามาเกี่ยวกับการเมือง เพราะไม่เหมาะสม เพราะองคมนตรีไม่เกี่ยวกับการบริหาร การปกครอง การเมือง และการแต่งตั้งก็ไม่เกี่ยวกับองคมนตรี เพราะต้องพิจารณาจากความรู้ความสามารถ ไม่ใช่ขึ้นกับว่าเป็นญาติพี่น้องใคร
ต่อข้อถามว่าการโยกย้ายข้าราชการระดับสูงครั้งนี้ จะล้างบางสายนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ นายยงยุทธกล่าวว่า ตนไม่เคยคำนึงว่าเป็นคนของใครเลย ไม่มีข้อพิจารณาเรื่องนี้ เพราะจะไม่เป็นธรรมกับบุคคลที่ถูกพาดพิงถึง จะไปหมายศีรษะว่าเป็นคนของใครไม่ได้ จึงขอให้ข้าราชการทุกคนเข้าใจว่าความสำเร็จอยู่ที่ความสามารถของตัวตนเป็นสิ่งสำคัญ ไม่มีเรื่องอื่นหรือปัจจัยอื่นประกอบ
เมื่อถามว่าการโยกย้ายปลัดกระทรวงมหาด ไทยขณะที่ไม่มีความผิด ไม่ได้บกพร่องต่อหน้าที่ เกรงว่าจะมีปัญหาเหมือนกรณีย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี หรือไม่ นายยงยุทธกล่าวว่า นายวิเชียรมีความรู้ความสามารถ ทำงานไม่มีเหน็ดเหนื่อย ตนพอใจ แต่ข้าราชการทุกคนเมื่อมาถึงจุดหนึ่งไม่ว่าจะตำแหน่งใดล้วนแต่เป็นคนที่มีความสามารถ แต่การโยกย้ายไม่ใช่การกลั่นแกล้ง แต่เพื่อความเหมาะสม เหมือนที่นายกฯ พูดไว้ว่าแก้ไข ไม่แก้แค้น แต่ไม่ว่าตนจะตัดสินใจอย่างไร จะสามารถตอบสังคมได้ เมื่อถามว่าเป็นไปได้ที่จะไม่ย้ายนายวิเชียร นายยงยุทธกล่าวว่า อะไรก็เป็นไปได้ แต่จะต้องเกิดขึ้นหลังจากความทุกข์ของประชาชนคลี่คลายแล้ว ไม่มีใครกดดัน ทุกตำแหน่งที่พิจารณา มีเพียงตนกับนายกฯเท่านั้นที่จะตัดสินใจ เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวว่าคนเสื้อแดงไม่ต้องการให้นายพระนายเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย เพราะเป็นสายอำมาตย์ที่คนเสื้อแดงต่อสู้มาตลอด นายยงยุทธกล่าวว่า คนเสื้อแดงก็คือประชาชนที่รักบ้านเมือง แต่เรื่องนี้ไม่เคยมีใครพูด ตนไม่เคยได้ยินคนเสื้อแดงพูดหรือแสดงความไม่พอใจแต่อย่างใด
ย้อนรอยยุค"มาร์ค-เทือก"
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงว่า ตอนนี้หลายเรื่องกำลังถูกบิดเบือน เช่น การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ บางสื่อระบุว่าย้ายล้างบาง เด้งฟ้าผ่า ไม่ปกป้องข้าราชการ เมื่อครั้งที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯ ให้เหตุผลย้ายนายพีรพล ไตรทศาวิทย์ ปลัดกระทรวงมหาด ไทย มาประจำสำนักนายกฯ ว่า ย้ายเพื่อประสิทธิภาพในการบริหารงาน และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เคยบอกในกรณีเดียวกันว่า การย้ายข้าราชการมีหลายเหตุผล ไม่จำเป็นต้องโยกย้ายเพราะมีความผิดแต่เพื่อความเหมาะสมก็ย้ายได้
นายอนุสรณ์กล่าวอีกว่า ถ้ามีข้าราชการออกมาบอกว่าเสียดาย เสียใจ สงสัย ไม่เข้าใจ และพูดถึงเรื่องกฎแห่งกรรมอีก ถ้าคนพูดเข้าใจจริง คงจะไม่พูดถึงคำว่าเสียดาย เสียใจ สงสัย ไม่เข้าใจ และการที่บอกว่านายกฯไม่ปกป้องนั้น ยืนยันว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกฯที่ปกป้องข้าราชการมากคนหนึ่ง ไม่ทำบัวช้ำน้ำขุ่น ไม่ได้ลดศักดิ์ศรีใคร ยืนยันว่ารัฐบาลนี้ปกป้องข้าราชการ การให้สัมภาษณ์ไม่เคยเหยียบย่ำศักดิ์ศรีข้าราชการ
นายอนุสรณ์กล่าวต่อว่า ขอให้ข้าราชการทำงานให้ดีที่สุด ดีเสมอต้นเสมอปลายก็ไม่ต้องกลัวโดนย้าย เหมือนทีมฟุตบอล เมื่อเปลี่ยนโค้ช ผู้จัดการทีมต้องเลือกนักเตะที่คิดว่ามีประโยชน์และสร้างสรรค์เกมร่วมกับทีมได้ และการเปลี่ยนตัวออก ไม่ได้หมายความว่าไม่มีคุณค่า เพียงแต่เกมนั้นเวลานั้น ขอโอกาสผู้จัดการทีมสร้างสรรค์เกมตามรูปแบบของคนทำทีม นักฟุตบอลต้องทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด และรอโอกาสกลับมาพิสูจน์ฝีมือ หรือจะไปอยู่ที่ไหนก็ตามต้องเชื่อมโยงกับประชาชน ระลึกเสมอว่าไม่ว่าอยู่ตรงไหนก็ทำประโยชน์ให้ประชาชนได้ แล้วจะไม่เป็นทุกข์
"ปุ"เปิดตำรายันย้าย"ถวิล"ได้
ที่รัฐสภา ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ส.ส. บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรครักษ์สันติ และอดีตรมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีนายถวิลถูกย้ายออกจากเลขาฯสมช.ว่า เป็นธรรมดาของลูกหม้อที่อยากอยู่ในหน่วยงานเดิมจนเกษียนอายุราชการ โดยเฉพาะหน่วยงานที่มีเกียรติ อาทิ ทหาร แต่ถ้าจำเป็นต้องย้ายถ้าไปในตำแหน่งที่ดีขึ้นคงไม่มีใครปฏิเสธ จึงทำให้หน่วยราชการออกกฎหมายเพื่อปกป้องตัวเอง แต่ไม่แน่ใจว่าสมช.มีกฎหมายรองรับหรือไม่ นายถวิลสามารถฟ้องศาลปกครองได้ แต่จะมีผลอย่างไร เพราะสมช.มีพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ให้อำนาจรัฐบาลแต่งตั้งโยกย้ายนอกหรือในฤดูกาล เป็นการใช้อำนาจในทางการบริหารได้
ร.ต.อ.ปุระชัยกล่าวอีกว่า ตำรวจเป็นหน่วยงานที่ถูกการเมืองแทรกแซงมาตลอดตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.2475 จนกระทั่งมีพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 เพื่อกำหนดให้มีก.ต.ช.เป็นกลไกกลั่นกรองการแต่งตั้งผบ.ตร. มีก.ตร.แต่งตั้งรองผบ.ตร. และนายตำรวจระดับพล.ต.ต.ขึ้นไป แต่ก็แก้การแทรก แซงได้ไม่ 100% กรณีพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. ทำหนังสือเสนอตัวมานั่งเลขาฯสมช. เป็นการสมัครใจ ซึ่งวิธีการคือรัฐบาลกล่อมให้ยอมย้าย จึงไม่ขัดกับพ.ร.บ. ตำรวจแห่งชาติ ที่ปกป้องการย้ายผบ.ตร.ไปนั่งหน่วยงานอื่น
หัวหน้าพรรครักษ์สันติ กล่าวต่อว่า ขั้นตอนสรรหาผบ.ตร.คนใหม่ ขึ้นกับก.ต.ช. โดยรองผบ.ตร.ทุกคนมีสิทธิ์ได้รับแต่งตั้ง แต่สิ่งสำคัญอย่างยิ่งคือการระมัดระวังไม่ใช้อำนาจเพื่อประโยชน์พวกพ้อง วันนี้ผบ.ตร.เป็นใครก็ตาม ต้องยึดหลักความยุติธรรม ความรู้ ความสามารถ อย่าให้เป็นเหมือนอดีตหรือเป็นพวกพ้อง ยิ่งเป็นคนนามสกุลเดียวกัน ยิ่งต้องระมัดระวังอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา กรรมการก.ต.ช.โดยตำแหน่งจะโหวตทิศทางเดียวกันกับนายกฯ ส่วนจะเรียกล็อบบี้หรือไม่นั้นตนไม่ทราบ แต่ตามปกติจะพูดคุยกันก่อนนอกรอบ ขณะที่เสียงโหวตก.ต.ช.จากผู้ทรงคุณวุฒิ ไม่แน่ว่าจะโหวตทิศทางใด
"วงศ์ศักดิ์"แย้งแตกต่างกับถวิล
วันเดียวกันนายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ อธิบดีกรมการปกครอง ที่เคยร้องก.พ.ค.จนได้กลับคืนตำแหน่งอธิบดีกรมการปกครอง หลังจากรัฐบาลนายอภิสิทธิ์และมหาดไทยยุคนาย ชวรัตน์ ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นรมต. เด้งเข้ากรุ กล่าวถึงกรณีนายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาฯสมช. จะร้องเรียนก.พ.ค. กรณีถูกโยกย้ายไม่เป็นธรรม โดยนำมาเทียบเคียงกับกรณีนายวงศ์ศักดิ์ ว่า การโยกย้ายตนออกจากตำแหน่งแตกต่างกับกรณีนายถวิลอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากที่ตนถูกย้ายเป็นเพราะไม่ทำตามคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งเรื่องเช่าระบบคอมพิวเตอร์ และเรื่องรับรองรูปแบบบัตรสมาร์ทการ์ด จึงต้องนำเรื่องไปร้องก.พ.ค. แต่ของนายถวิลไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้ง แต่เป็นการใช้อำนาจตามพ.ร.บ.บริหารราชการแผ่นดิน มาตรา 11(4) จึงไม่แน่ว่าก.พ.ค.จะรับเรื่องไว้พิจารณาหรือไม่
"จริงๆ แล้วนายถวิลเองควรจะต้องดูว่าตัวเองเป็นอุปสรรคอะไรกับการบริหารงานของรัฐบาลนี้หรือไม่ เพราะเท่าที่ทราบนายถวิลเองก็เป็นเลขาฯของศอฉ. และมีบทบาทหน้าที่หลายอย่าง ดังนั้น หากไม่ใช่เรื่องกลั่นแกล้ง แต่เป็นการใช้อำนาจของผู้บังคับบัญชา ก็คงไปร้องเรียนอะไรไม่ได้ และคงเอากรณีผมมาเทียบเคียงไม่ได้เช่นกัน" นายวงศ์ศักดิ์กล่าว
"เพรียวพันธ์"ลุยยาบ้าภาคเหนือ
เมื่อเวลา 14.00 น. ที่สน.วัดพระยาไกร พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รองผบ.ตร. รรท.ผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าประชุมหาแนวทางแก้ไขปัญหายาเสพติดร่วมกับตำรวจสน.วัดพระยาไกร ภายหลังเข้าประชุมที่บ้านพิษณุโลกกับนายกฯ ว่า มากำชับการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ถึงแม้จะมีตำรวจบางคนเข้าไปเกี่ยวข้อง ทั้งทางตรงและทางอ้อม ขณะที่ยาเสพติดกำลังแพร่ระบาดเป็นอย่างมาก โดยต้องปฏิบัติตามกระแสพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เพื่อขจัดปัญหายาเสพติดที่บ่อนทำลายประสิทธิภาพเยาวชน ประชาชน และประเทศชาติ รวมทั้งปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อทำให้ยาเสพติดลดน้อยลง
พล.ต.อ.เพรียวพันธ์กล่าวอีกว่า ตนและ ร.ต.อ.เฉลิมจะเดินทางไปตรวจสอบพื้นที่ทางภาคเหนือทั้ง 3 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ และแม่ฮ่องสอน เพื่อวางแผนแนวทางป้องกันยาเสพติดที่หลุดรอดเข้ามาบริเวณแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนการบริหารราชการทั่วไปนั้นได้มอบหมายพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ที่ปรึกษา สบ 10 ดำเนินการแทนในการบริหารงานราชการในภาพรวม ซึ่งรวมถึงการประสานความร่วมมือแก้ปัญหาน้ำท่วม
9ก.ย.ไปพื้นที่สน.ร่มเกล้า
"เรื่องจัดการปัญหายาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการมาโดยตลอด อย่างเมื่อคืนทางภาคเหนือสามารถจับยาเสพติดได้จำนวนมาก เท่ากับว่ายาเสพติดถูกลำเลียงมาจากแถบภูเขาตามแนวชายแดน ยอมรับว่ายังไม่สามารถสกัดกั้นและยับยั้งได้ทั้งหมด ซึ่งส่วนใหญ่จะลำเลียงในรูปแบบซุกซ่อนมากับรถเข็นผักและรถขนของ นักค้ารายใหญ่มักจะทำแบบนี้ทั้งนั้น"รรท.ผบ.ตร. กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติสืบสวนเพื่อค้นหาที่อยู่ของพ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ กล่าวว่า ขั้นตอนนี้เป็นการทำงานตามหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศ ยังไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนเรื่องประสานงานตำรวจสากลหรืออินเตอร์โพลนั้น ยังไม่มีการประสานงานมาแต่อย่างใด สำหรับวันที่ 9 ก.ย. ตนจะเดินทางไปสน.ร่มเกล้า
วาระแห่งชาติ-พลังแผ่นดิน
ต่อมาเวลา 16.30 น. ที่สโมสรกองทัพบก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดที่มีนายกฯ เป็นประธานที่บ้านพิษณุโลก ว่า นายกฯ มุ่งมั่นแก้ปัญหายาเสพติด ส่วนหนึ่งเพราะพรรคเพื่อไทยใช้เป็นนโยบายใหาเสียงถือเป็นวาระเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องทำ และวันอาทิตย์ที่ 11 ก.ย.นี้จะประชุมเชิงปฏิบัติการ โดยนายกฯ เป็นประธานและจะลงนามแต่งตั้งตนเป็นผอ.ปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ กำหนดเป็นยุทธศาสตร์ว่า "พลังแผ่นดินเพื่อเอาชนะยาเสพติด" หลังประชุมเชิงปฏิบัติการแล้ว ตนในฐานะประธานป.ป.ส.จะประชุมผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบ จากนั้นประชุมเวิร์กช็อป ในพื้นที่ภาคเหนือ โดยตนจะเดินทางลงไปทันที ซึ่งปัจจุบันยาเสพติดที่เป็นที่นิยมมากสุดคือยาบ้าและยาไอซ์
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวอีกว่า การหารือวันนี้สรุปสาระสำคัญได้ว่ายาเสพติดเข้ามาในประเทศ 87% จาก 8 จังหวัดภาคเหนือ ถ้าสามารถปิดรอยตะเข็บได้โอกาสที่จะลดลงมีมาก เราต้องลดภาคการผลิต ต้องลดความต้องการ และต้องลดกลุ่มเสี่ยง จากนี้ไปจะทำงานเชิงรุกยึดหลักนิติรัฐ ยุติธรรม ทั้งนี้ 8 จังหวัดที่ยาเสพติดทะลักเข้ามานั้นส่วนใหญ่มาจากประเทศเพื่อนบ้าน สารตั้งต้นมาจากข้างนอก ในลักษณะที่บางครั้งสั่งซื้อยาแก้ไข้หวัด ยาแก้ไอครั้งละ 3-4 แสน เม็ดจากกทม. ซึ่งตนวางแผนทั้งหมดไว้แล้ว ประสานกับพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ รรท.ผบ.ตร. ที่มีความชำนาญด้านยาเสพติด
รองนายกฯ กล่าวต่อว่า นายกฯ ได้ให้นโยบายว่านักโทษคดียาเสพติดที่อยู่ในเรือนจำและเหลือโทษน้อย เช่น 6 เดือน 1 ปี และมีความประพฤติดี จะขอร้องกองทัพ กระทรวง สาธารณสุข เปิดโรงเรียนวิวัฒน์พลเมือง นำออกจากเรือนจำมาบำบัดรักษา และถ้าเป็นนักโทษหญิง รมว.กลาโหมจะมอบหมายทหารพลร่มหญิงดูแล นักโทษชายจะให้ทหารดูแล นอกจากนี้ตนเสนอแนะว่าการบำบัดรักษาต้องลงไประดับอบต. เพราะมีความใกล้ชิดผูกพันกัน ที่ประชุมยังขอให้ทำความเข้าใจตรงกันว่าผู้เสพคือผู้ป่วยต้องบำบัดรักษา อย่างไรก็ตามในส่วนของผู้ค้ายาเสพติดนั้น รัฐบาลจะดำเนินการอย่างเอาจริงเอาจัง
รองนายกฯ กล่าวด้วยว่า รัฐบาลใช้ชื่อว่าพลังแผ่นดินเพื่อเอาชนะยาเสพติด จำเป็นต้องทำงานบูรณาการร่วมกัน 6 กระทรวง 20 กรม ต้องช่วยกัน และยืนยันหลักการเดิมที่ประกาศไว้คือถ้าจับกุมขบวนการหรือผู้ค้ายาเสพติดได้จะยึดทรัพย์ ควบคู่กับดำเนินคดี และเพื่อขวัญกำลังใจของเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติ ทางป.ป.ส. กำหนดเป็นหลักเกณฑ์ว่าถ้าจับยาไอซ์ ยาบ้าจะได้รางวัลนำจับก.ก.ละเท่าไหร่ ในทางกลับกันหากมีตำรวจหรือเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด โทษคือติดคุกและต้องถูกดำเนินการเป็น 2 เท่า โดยเฉพาะตำรวจต้องโดนหนักทั้งทางวินัยและอาญา
0 comments:
Post a Comment