ร้องทุกข์ - นางพเยาว์ รอดภัย น้องสาวนายเยื้อน โพธิ์ทองคำ เหยื่อสไนเปอร์ถูกยิงเสียชีวิตในซอยรางน้ำ เมื่อวันที่ 17 พ.ค. 53 ร้องหาความรับผิดชอบจากรัฐบาลชุดที่แล้ว ระบุ พี่ชายไม่ได้เข้าร่วมชุมนุมกับเสื้อแดง |
ความคืบหน้าการเรียกร้องความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์สลายการชุมนุม เมื่อเดือนเม.ย.-พ.ค. 2553 ที่มีผู้เสียชีวิต 91 ศพ และบาดเจ็บจำนวนมาก ล่าสุดเมื่อวันที่ 13 ก.ย. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังแฟลตดินแดง กทม. พบกับนางพเยาว์ รอดภัย อายุ 60 ปี น้องสาวของนายเยื้อน โพธิ์ทองคำ อายุ 61 ปี ที่ถูกยิงเมื่อวันที่ 17 พ.ค. 2553 บริเวณซอยรางน้ำ โดยนางพเยาว์ กล่าวถึงเรื่องราวของพี่ชายว่า ถูกยิงบาดเจ็บสาหัสที่ซอยรางน้ำ ช่วงเวลาประมาณ 21.00 น. วันที่ 17 พ.ค. 2553 มีผู้นำส่ง ร.พ.พระราม 9 แล้วย้ายมารักษาตัวต่อที่ ร.พ.ราชวิถี รักษาตัวอยู่ 4 วัน ก็เสียชีวิตในวันที่ 20 พ.ค. ผลชันสูตรพลิกศพพบว่าพี่ชายถูกยิงด้วยกระสุนปืนความเร็วสูงเข้าที่สะโพก ลำไส้แตกหมด
นางพเยาว์ กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุ พี่ชายมาอาศัยอยู่ด้วยที่แฟลตดินแดง เพราะไม่มีญาติที่ไหนอีก ประกอบกับไม่ค่อยสบาย เป็นคนไม่ยุ่งสุงสิงกับใคร ไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้ใคร เงินทองที่ใช้ก็รับจากเบี้ยผู้สูงอายุเดือนละ 500 บาท มีเท่าไหร่ก็ใช้เท่านั้น บางวันพี่ชายก็เดินไปขอข้าววัดกิน บางวันมีเหลือก็เอามาเผื่อแผ่หมาแมวแถวนั้น และไม่ใช่คนเสื้อแดง ไม่เคยไปชุมนุมอะไรด้วย มีแต่ตนและสามีที่ไปร่วมชุมนุมกับม็อบเสื้อแดงทุกครั้ง เพราะอยากเห็นบ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย มีความยุติธรรม
"วันเกิดเหตุเข้าใจว่าพี่เยื้อนคงดูข่าวที่ทหารเข้ากระชับพื้นที่ แล้วมีคนตายมาก จึงเป็นห่วงเราที่เป็นน้องสาว เพราะเราก็มีกันอยู่แค่ 2 พี่น้อง ตอนนั้นเราเองก็ไปร่วมชุมนุมอยู่ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย พี่เยื้อนก็คงเดินออกมาจากแฟลตมาตามหา เมื่อถึงซอยรางน้ำก็ถูกยิง เรารู้ข่าวก็สงสารแก ว่าทำไมคนที่ไม่รู้เห็นอะไรด้วย ต้องมาเสียชีวิต และจนมาถึงตอนนี้ผ่านมาปีกว่า ความจริงเป็นอย่างไรก็ยังไม่มีใครตอบ ว่าทำไมพี่เยื้อนถึงต้องตาย" น้องสาวของนายเยื้อนกล่าว
น้องสาวของนายเยื้อนกล่าวต่อว่า หลังจากพี่ชายเสียชีวิต ก็ไปร้องเรียนขอความเป็นธรรม ทั้งที่สถานีตำรวจ และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แต่ทุกอย่างก็ยังไม่คืบหน้าใดๆ ก็หวังว่าเมื่อเปลี่ยนรัฐบาลใหม่แล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คงจะจริงจังกับการหาความจริง และหาคนผิดมาลงโทษให้ได้ อย่าให้ชีวิตที่ต้องเสียไปต้องตายเปล่า แม้ว่ารับการช่วยเหลือจากรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ 400,000 บาท และพรรคเพื่อไทย 100,000 บาท แต่เงินทั้งหมดนี้ก็ไม่สามารถแลกชีวิตพี่ชายได้ ดังนั้น จะเดินหน้าเรียกร้องความยุติธรรมให้ถึงที่สุด
นายวรวุฒิ วิชัยดิษฐ โฆษกแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวถึงกรณีการเดินทางไปร่วมแข่งขันฟุตบอลกระชับมิตรกับทางรัฐบาลกัมพูชา วันที่ 24 ก.ย. นี้ว่า รูปแบบการเดินทางเข้ากัมพูชาและโปรแกรมการเตะฟุตบอลนั้น นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส. พรรคเพื่อไทย เป็นผู้ดำเนินการทั้งหมดตนไม่ทราบรายละเอียด ทราบเพียงว่าจะมี ส.ส.พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช.เกือบทุกคนร่วมคณะไปด้วย
นายวรวุฒิ กล่าวถึงการชุมนุมใหญ่เพื่อรำลึก 5 ปีการทำรัฐประหาร และ 1 ปี 4 เดือน ในเหตุการณ์สลายการชุมนุมฯ ว่า กิจกรรมดังกล่าวจะเลื่อนมาจัดในวันที่ 18 ก.ย. บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน โดยจะมีแกนนำ นปช.รวมทั้งกลุ่ม ส.ส.เพื่อไทย หลายคนมาร่วมงานด้วย ส่วนรูปแบบของงานจะแถลงข่าวให้ทราบในวันที่ 14 ก.ย. สาเหตุที่จัดงาน เนื่องจากต้องการรำลึกเหตุการณ์ 19 ก.ย. ที่จะครบ 5 ปี และรำลึกเหตุการณ์สลายการชุมนุมคนเสื้อแดงปีที่ผ่านมา ที่ส่งผลให้มีพี่น้องประชาชนเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ซึ่งจะชุมนุมอย่างสันติ ปราศจากอาวุธ คาดว่าจะมีประชาชนออกมาร่วมรำลึกครั้งนี้ไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นคน
"ส่วนเนื้อหาการปราศรัยในวันที่ 18 ก.ย. จะเน้นไปที่ความเสียหายของการทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 ก.ย.49 มีความย่อยยับอย่างไร เพื่อให้ประชาชนได้รับรู้รับทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการทำรัฐประหาร ซึ่งส่งผลมาถึงรัฐบาลปัจจุบันที่ต้องมาแก้ไข และทุกวันนี้ความเป็นประชาธิปไตยก็ยังไม่สมบูรณ์ยังมีความพยายามในการโค่นล้มอำนาจรัฐบาลชุดนี้อยู่
วันเดียวกัน ที่ห้องปารุสกวัน 2 กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ตัวแทนกลุ่มเครือข่ายประชาธิปไตยไม่ละเมิด ร่วมประชุมกับ พล.ต.ต.กรีรินทร์ อินทร์แก้ว รองผบ.ช.น. เพื่อหารือแนวทางการรักษาความสงบเรียบร้อยในการชุมนุมของนปช. โดยหลังการประชุม พล.ต.ต.กรีรินทร์ เผยว่า พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบช.น. ได้กำชับให้จัดระเบียบเพื่อรักษาความสงบความเรียบร้อยในการชุมนุมรำลึกของกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งทราบว่า ได้นัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 18 ก.ย. เวลา 15.00 น. ที่แยกราชประสงค์ เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์สลายการชุมนุมเดือนเม.ย.-พ.ค. 53 จากนั้น จะเดินเท้าไปที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย คาดว่าจะแล้วเสร็จไม่เกินเที่ยงคืน
พล.ต.ต.กรีรินทร์ กล่าวว่า สำหรับวันที่ 19 ก.ย. จะมีการชุมนุมของกลุ่มนายนพพร นามเชียงใต้ ที่บริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 6 เบื้องต้น ทาง บช.น.ได้สั่งให้แต่ละหน่วยในพื้นที่ดำเนินการวางมาตรการ ในการรักษาความปลอดภัย โดยมอบหมายให้สำนักเทศกิจ จัดระเบียบดูแลผู้ค้าหาบเร่แผงลอย ถังขยะ ไม่ให้รุกล้ำผิวการจราจร รวมไปถึงดูแลกวดขันผู้จำหน่ายสุรา สินค้าผิดกฎหมาย นอกจากนี้ ได้เน้นย้ำเรื่อง การจอดรถกีดขวางการจราจรก่อนเวลา พร้อมทั้งแบ่งพื้นที่ควบคุมจราจรให้ชัดเจน กำหนดเส้นทางเลี่ยงการจราจร รวมไปถึงพื้นที่จอดรถ และจัดเตรียมรถยก อีกทั้งจัดชุดควบคุมฝูงชนสนับสนุนการปฏิบัติงาน
นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความรับผิดชอบแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เผยว่า วันที่ 14 ก.ย. เวลา 09.00 น. ตนจะเดินทางมายื่นคำร้องต่อศาลอาญา รัชดาภิเษก เพื่อขออนุญาตนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และนายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก ผู้ช่วยเลขานุการรมว. มหาดไทย แกนนำนปช. และจำเลยคดีก่อการร้าย เดินทางไปยังประเทศกัมพูชา ระหว่างวันที่ 16-18 ก.ย.นี้ เพื่อประสานเรื่องการเตะบอลกระชับมิตร หากศาลอนุญาตให้เดินทางออกนอกประเทศ ทีมทนายความจะเตรียมหลักทรัพย์เป็นเงินสดคนละ 600,000 บาทวางเป็นหลักประกัน ศาล และจะนำหนังสือรับรองตำแหน่ง ส.ส. และตำแหน่งการเมืองของทั้งสอง มายื่นต่อศาลด้วย เนื่องจากก่อนหน้านี้ในการปล่อยตัวชั่วคราวศาลได้กำหนดเงื่อนไขไว้ห้ามออกนอกประเทศ
นายวิญญัติ กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันในวันที่ 19 ก.ย. ทีมทนายความ เตรียมยื่นคำร้องขออนุญาตให้ 8 แกนนำนปช. ซึ่งตกเป็นจำเลยร่วมคดีก่อการร้าย ประกอบด้วย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ น.พ.เหวง โตจิราการ นายก่อแก้ว พิกุลทอง นายนิสิต สินธุไพร นายขวัญชัย สาระคำ นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท นายยศวริศ ชูกล่อม และนายภูมิกิตติ สุขจินดาทอง เดินทางไปประเทศกัมพูชาอีกครั้งระหว่างวันที่ 22-27 ก.ย. ที่จะต้องไปร่วมงานแข่งขันฟุตบอลกระชับมิตรวันที่ 24 ก.ย.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 17.00 น. ที่สนามฟุตบอลทีโอที แกนนำนปช.และส.ส. พรรคร่วมรัฐบาล รวมถึงบ้านเลขที่ 111 ได้ลงแข่งขันฟุตบอลอุ่นเครื่องกับชมรมฟุตบอลการเมือง เพื่อเตรียมพร้อมในการแข่งขันที่ประเทศกัมพูชาด้วย
ด้านนายณัฐวุฒิ กล่าวภายหลังการแข่งขันว่า เชื่อว่าการใช้กีฬาจะเป็นตัวแทนในการเชื่อมความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างไทยกับกัมพูชา ส่วนเรื่องกำหนดการจะชัดเจนภายในสัปดาห์นี้ และการเดินทางครั้งนี้เราไปในฐานะประชาชนจึงไม่มีวาระพูดคุยเรื่องนายวีระ สมความคิด และน.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ แต่หากมีความคืบหน้าอะไรก็พร้อมจะนำเสนอรัฐบาลไทย เพื่อเป็นแนวทางการช่วยเหลือต่อไป
0 comments:
Post a Comment