วิวาห์ชายรักชายล่ม เจ้าบ่าวขอเลิกอ้างไม่รู้เจ้าสาวเป็นกะเทย, Asia News, Thai , news,

 จากการแต่งงานของชายกับสาวประเภทสองที่รักกัน แล้วมาแต่งงานกันที่บ้านเลขที่ 236 ม.5 ต.แป-ระ อ.ท่าแพ จ.สตูลจึงเดินทางไปตรวจสอบพบเป็นการแต่งงานกันระหว่างนายอนุรักษ์ หรือดาด้า จันอยู่ อายุ 16 ปี ที่เป็นกระเทย สาวประเภท 2 ฝ่ายเจ้าสาว กับนายอิสมาแอล หรือมาแอล หลังจิ อายุ 18 ปี เจ้าบ่าว ที่เดินทางไปสู่ขอกระเทยแต่งงานกันด้วยสินสอด เงินสด 30,000 บาท สร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท จำนวน 1 เส้น โดยมีการทำการ์ดเชิญและมีคนมาร่วมงานเลี้ยงวันวิวาห์ของคู่นี้เป็นจำนวนมาก  เมื่อวันที่ 10 ก.ย.54 นั้น

 ต่อมาเมื่อ เวลา 10.00 น.วันที่ 14 ก.ค.54 นายยูโสบ หลังจิ อายุ 40 ปี พ่อเจ้าบ่าว อยู่บ้านเลขที่ 250 ม.5 ต.บ้านควน อ.เมืองสตูลพร้อมนายอิสมาแอล หลังจิ อายุ 18 ปี เจ้าบ่าว และ นางแดหนาบ หลังจิ อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 45 ม.11 ต.ฉลุง อ.เมืองสตูล ญาติผู้ใหญ่เจ้าบ่าวและญาติๆได้เดินทางไปเปิดแถลงข่าวที่สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสตูล ต.ฉลุง อ.เมืองสตูล โดยนางแดหนาบ กล่าวว่า การแต่งงานที่เกิดขึ้นไม่รู้เลยว่าจะเป็นการแต่งงานระหว่างนายอิสมาแอลเจ้าบ่าวกับฝ่ายเจ้าสาวประเภทสอง เพราะนึกว่าเป็นผู้หญิง จึงได้ไปร่วมงาน แต่นึกสงสัยว่าทำไมผู้สื่อข่าวไปทำข่าวกัน ได้ทำทีไปขอบัตรประชาชนฝ่ายหญิง จึงทราบว่าเป็นผู้ชาย จึงยอมไม่ได้เพราะผิดหลักศาสนา เมื่อมีข่าวออกไปพวกตนถูกต่อว่ามากมายว่าทำไมทำแบบนั้น เรื่องนี้หากรู้ตอนแรกก็คงไม่ให้มีการแต่งงานกัน เพราะตามหลักศาสนาถือว่าเป็นบาปใหญ่ ขณะที่นายอิสมาแอลเมีอาการทางสมองด้วย จึงได้มาแถลงข่าวว่าตอนนี้ได้เลิกกันแล้ว หลังทราบว่าเจ้าสาวเป็นชาย และพวกตนก็ไม่ได้นำไปทำพิธีแต่งงานทางศาสนาแต่อย่างใด เพราะผิดหลักศาสนา ซึ่งตนและญาติๆ ถูกต่อว่าอย่างหนัก มีใบปลิวออกมาโจมตีว่าสาเหตุที่ทำให้น้ำท่วม เนื่องจากจัดการแต่งงานระหว่างชายกับชายจึงถูกลงโทษ

 นายอิสมาแอล กล่าวว่า ตอนแรกตนไม่รู้ว่าเจ้าสาวเป็นผู้ชาย และเพิ่งรู้จักกันประมาณ 1 เดือน ส่วนที่บอกว่าว่ารู้จักกันมา 7 เดือนแล้วหรือเกือบปีไม่จริงแต่ถูกบังคับให้พูด ตอนนี้ก็ได้เลิกกันแล้ว ตนไม่เสียใจ ส่วนเรื่องที่จะฟ้องร้องที่ถูกหลอกลวงก็แล้วแต่ผู้ใหญ่

 ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ด้านนางจิระนันท์ จันอยู่ อายุ 44 ปี แม่ของเจ้าสาว พร้อมด้วยนายสมจิตต์ จันอยู่ อายุ 49 ปี นายอนุรักษ์ หรือ ดาด้า จันอยู่ เจ้าสาว ก็ได้เดินทางไปยังสถานที่แถลงข่าว และมีการต่อว่ากันพร้อมกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่าพวกตนถูกใส่ร้ายว่าหลอกลวง ตนไม่ได้หลอก โดยลูกเขยก็มาอยู่กับตนเป็นเดือนแล้ว ตนก็เลี้ยงดูอย่างดีถือว่าเด็กรักกันและเป็นลูกเขย หากรู้ว่าผิดหลักศาสนาตนก็จะไม่ทำแบบนี้ และเมื่อทราบก็ยอมให้แยกทางกันอยู่แล้ว แต่ขอย้ำว่าพวกตนไม่ได้หลอกใคร
 ขณะที่เจ้าสาว ยืนยันว่า ฝ่ายชายรู้ว่าตนเป็นสาวประเภทสอง และยังบอกว่ารับได้ จึงอยู่กินกันเป็นเดือนแล้วจึงแต่งงานกัน แต่เมื่อเป็นแบบนี้ตนก็ยอมเลิกราและจบกันแค่นี้