เครื่องบินขนส่งสินค้าของเกาหลีใต้ประสบอุบัติเหตุตกนอกชายฝั่งเกาะเชจูเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ขณะที่เครื่องบินโดยสารแคนาดาต้องวกกลับไปลงจอดที่สนามบินซิดนี่ย์หลังเกิดเพลิงไหม้ที่ห้องครัวบนเครื่องบิน
สำนักข่าวยอนฮับของเกาหลีใต้รายงานว่าเรือลาดตระเวณของหน่วยยามฝั่งเกาหลีใต้ได้พบเศษซากเครื่องบินของสายการบินเอเชียน่าแอร์ไลนส์ ซึ่งเป็นสายการบินที่ใหญ่อันดับสองของเกาหลีใต้ห่างจากชายฝั่งเกาะเชจูไปทางตะวันตก 107 กิโลเมตร
รายงานแจ้งว่าเครื่องบินดังกล่าวบินออกจากสนามบินอินซอนในกรุงโซลมุ่งหน้าไปยังปูตงของจีน จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ของสายการบินเอเชียน่าระบุว่าได้รับรายงานเมื่อเช้าตรู่ของวันนี้ว่านักบินจากเครื่องบินโบอิ้ง 747 ซึ่งบินอยู่ห่างจากเกาะเชจูไปทางตะวันตกเฉียงใต้ว่า เกิดเครื่องยนต์ขัดข้อง จะพยายามลงจอดที่สนามบินบนเกาะเชจู จากนั้นก็ขาดการติดต่อ โดยเครื่องบินดังกล่าวมีเฉพาะนักบินและนักบินผู้ช่วยเท่านั้น และตอนนี้ก็ได้ส่งผู้เชี่ยวชาญฉุกเฉินของสายการบินไปที่พื้นที่ดังกล่าวแล้ว
โฆษกสายการบินระบุว่ายังไม่สามารถยืนยันอุบัติเหตุครั้งนี้ ต้องรอการสอบสวนเจ้าหน้าที่ยามฝั่งที่พบซากเครื่องบินก่อนว่าใช่หรือไม่ รวมทั้งรอการยืนยันจากผู้เชี่ยวชาญของสายการบินอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามโฆษกของเอเชียน่าระบุว่าไม่เป็นที่แน่ชัดว่าสภาพอากาศจะเป็นสาเหตุให้เครื่องบินประสบปัญหาหรือไม่ แม้ว่าช่วงสัปดาห์นี้เกาหลีใต้จะเผชิญกับฝนตกหนักแบบผิดปกติและเกิดน้ำท่วมและดินถล่มก็ตาม ขณะที่หน่วยยามฝั่งก็ระบุว่า ไม่มีฝนตกในบริเวณดังกล่าว มีแต่กระสลมที่พัดแรงกว่าปกติ นอกจากนี้ก็ยังไม่มีเครื่องบ่งชี้ว่าการตกของเครื่องบินเกี่ยวข้องกับปฏิบัติการทางทหาร
ขณะที่อิตาลีก็เกิดเหตุระทึกขวัญ เมื่อเครื่องบินโบอิ้ง 777 ของสายการบินแคนาดาซึ่งมีผู้โดยสารบนเครื่อง 267 คนเที่ยวบินจากนครซิดนี่ย์ ไปยังแวนคูเวอร์ แคนาดาหลังจากนักบินได้กลิ่นควันจากห้องครัวบนเครื่อง นักบินต้องตัดสินใจทิ้งน้ำมันเชื้อเพลิงและนำเครื่องวกกลับไปลงจอดที่สนามบินซิดนี่ย์ ส่วนผู้จัดการใหญ่ของสายการบินแอร์แคนาดาประจำออสเตรเลียและนิวซีแลนด์แถลงว่า มีการตรวจพบควันมาจากห้องครัว และปฏิเวธรายงานข่าวก่อนหน้านี้ที่ว่าเกิดเพลิงไหม้ในห้องครัว โดยลูกเรือได้เห็นควันมาจากเตาอบและตัดสินใจบินกลับซิดนี่ย์ทันทีเพื่อความปลอดภัย และที่ต้องทิ้งน้ำมันก็เพราะเครื่องบินหนักมากเพราะต้องสำรองน้ำมันไว้สำหรับการบิน 15 ชั่วโมงไปยังแคนาดา
ขอบคุณ
ช่อง3
0 comments:
Post a Comment