Links

...

'ฮุนเซน'ตีปี๊บ'แม้ว' มาอยู่เขมรยาว 'ปู'ย้ำไม่ยุ่งฎีกา ยังไม่ดูโผทหาร, Asia News, Thai , news,





เยือนอิเหนา - น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ เดินทางเยือนอินโดนีเซีย เข้า หารือและร่วมรับประทานอาหารกับประธานาธิบดี ยุทโธโยโน ที่ทำเนียบประธานาธิบดี กรุงจาการŒตาเมื่อวันที่ 12 ก.ย.
'ฮุนเซน'ตีปี๊บ'ทักษิณ' มา เยือนเขมร 16-24 ก.ย. จัดโปรแกรมรอไว้เพียบทั้งบรรยายวิชาการ เลี้ยงข้าว ตีกอล์ฟ ตรงกับช่วงเดียวกับคนเสื้อแดงและส.ส.เพื่อไทยจะมาเตะบอลกับทีมรัฐบาลเขมร ขณะที่ 'ปู' มีกำหนดมาเยือน 15 ก.ย. 'ยิ่งลักษณ์' ไปเยือน อินโดฯ แบบเช้าเย็นกลับ กระชับสัมพันธ์ในฐานะประธานอาเซียน ให้สัมภาษณ์ยาวเรื่องพี่ชาย ย้ำการถวายฎีกาเป็นเรื่องส่วนตัว ตัวเองและรัฐบาลไม่เกี่ยว เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าทำเพื่อประชาชน 'เหลิม' ท้าปชป.รีบๆ ตั้งกระทู้ถาม ทั้งเรื่องฎีกาแม้ว เรื่องโยกย้าย จะได้ตอบทีเดียวจบๆ ไม่อยากเสียเวลาทำงาน



ส.ว.ประชุมฝากรัฐบาลหลายข้อ

เมื่อวันที่ 12 ก.ย.ที่รัฐสภา พล.อ.ธีรเดช มีเพียร ประธานวุฒิสภา เป็นประธานประชุมวุฒิสภา สมัยสามัญทั่วไป ครั้งที่ 6 ก่อนเข้าสู่วาระ พ.ต.อ.สนธยา แสงเภา ส.ว.สรรหา หารือว่าเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และการหาคนแทนตำแหน่งที่ว่าง อยากฝากถึงร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีว่า ควรพิจารณาถึงความเหมาะสม ใช้หลักคุณธรรม จริยธรรมในระบบอาวุโสตามกติกาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และต้องคืนความเป็นธรรมให้กับนายตำรวจที่ถูกโยกย้ายอย่างไม่ยุติธรรมในรัฐบาลที่ผ่านมา ส่วนการแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นเรื่องดีที่จะเสริมกำลังหน่วยทหารมาช่วยงาน แต่ควรพิจารณาเรื่องความเหมาะสมของค่าตอบแทนด้วย

พล.อ.อ.วีระวิทย์ คงศักดิ์ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า หน้าที่หน่วยงานความมั่นคงแห่งชาติในปัจจุบันมีการขยายขอบเขต มีความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้น ฉะนั้นบุคคลที่จะมาเป็นเลขาธิการสภา ความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ควรคัดเลือกและพิจารณาผู้มีความความรู้ ความสามารถ ความเข้าใจและมีมิติทางวิชาการ แต่บทเรียนที่ผ่านมายังอ่อนด้อย ทำให้ประเทศชาติสุ่มเสี่ยงเสียความมั่นคงหลายครั้ง ดังนั้นวิธีคัดเลือกควรใช้ความรอบคอบ เพราะถ้าเลือกไม่ดีจะเกิดปัญหาตามมาแก่รัฐบาล



จี้ทบทวนการลงโทษ'พัชรวาท'

พล.อ.เลิศฤทธิ์ เวชสวรรค์ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า กรณีการปฏิบัติหน้าที่ของพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผบ.ตร. ในฐานะผู้รับผิดชอบเหตุการณ์ชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2551 หากพิจารณาการทำหน้าที่จะเห็นว่าดำเนินการตามขั้นตอนจากเบาไปหาหนัก หากไม่ดำเนินการอาจทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรงได้ กรณีดังกล่าวผู้บังคับบัญชาระดับสูงดูแลสถาน การณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งถือว่าถูกต้องและควรกระทำ ดังนั้นการกล่าวโทษหรือการลงโทษพล.ต.อ.พัชรวาทที่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายน่าจะมีการทบทวนเพื่อดูถึงความถูกต้องเหมาะสม ไม่เช่นนั้นจะไม่มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐกล้าเข้าไปดูแลกรณีเกิดเหตุร้ายแรง หรือวิกฤต



'เหลิม'แจงเป็นผลงานมาร์ค

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ชี้แจงว่า ตนติดตามสถานการณ์เรื่องนี้ในช่วงเกิดเหตุการณ์ เห็นว่าตำรวจดำเนินการตามหลักสากล จากเบาไปหาหนัก ใช้วิธียิงแก๊สน้ำตา ถือว่าตำรวจทำถูกต้อง แม้จะเกิดกรณีความสูญเสีย แต่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านยุคนั้น ทำหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษต่อป.ป.ช. ให้ดำเนินการกับนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกฯ และพล.ต.อ.พัชรวาท พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีตผบช.น. โดยป.ป.ช.มีความเห็นว่าพล.ต.อ.พัชรวาท และพล.ต.ท.สุชาติ มีความผิด รวมถึงอดีตนายกฯและรองนายกฯก็มีความผิดด้วย

รองนายกฯ กล่าวอีกว่า แต่เนื่องจากพล.ต.อ.พัชรวาทและพล.ต.ท.สุชาติ เป็น ข้าราชการประจำ แม้ป.ป.ช.มีมติให้ออกจากราชการ แต่ทั้งสองคนได้ใช้สิทธิร้องต่อคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.) โดยก.ตร. พิจารณาแล้วเห็นว่าไม่ผิดให้ยกคำสั่งป.ป.ช. ดังนั้นอำนาจการบรรจุพล.ต.อ.พัชรวาทจึงเป็นอำนาจของนายกฯ ส่วนอำนาจบรรจุพล.ต.ท. สุชาติเป็นของก.ตร. แต่ต้องรอความเห็นของนายกฯว่าจะบรรจุหรือไม่ ต่อมานายอภิสิทธิ์ไม่ตัดสินใจ โดยนำเรื่องที่ก.ตร.มีความเห็นไปขอความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกา

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวต่อว่า กฤษฎีกาทำความเห็นว่าหากสั่งการตามที่ก.ตร.มีมติจะขัดกับป.ป.ช. หากสั่งตามป.ป.ช.จะขัดกับก.ตร. นายอภิสิทธิ์จึงทำเรื่องเสนอป.ป.ช. ขณะนี้ ป.ป.ช.ยังไม่มีความเห็นซึ่งตนก็รอดูอยู่ ทำให้การแต่งตั้งพล.ต.ท.สุชาติค้างอยู่ ขณะที่พล.ต.อ. พัชรวาทไม่ได้รับผลกระทบแล้วเพราะเกษียณอายุราชการแล้วแต่กระทบกับศักดิ์ศรีของผบ.ตร. กรณีของพล.ต.ท.สุชาติ หากเรื่องไม่เสร็จจะทำให้พล.ต.ท.สุชาติเสียสิทธิไม่ได้รับบำเหน็จบำนาญ เมื่อส.ว.เสนอมา ตนจะไปตามเรื่องให้ ตนเห็นด้วยกับส.ว.ที่เห็นว่าอดีตผบ.ตร. และ อดีตผบช.น.ดำเนินการตามขั้นตอนถูกต้อง



ส.ว.พธม.ถามกระทู้ไทย-เขมร

ต่อมานายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานประชุม พิจารณากระทู้ถาม นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา ตั้งกระทู้ถามนายกฯ ถึงการเจรจากับรัฐบาลกัมพูชาเกี่ยวกับการบริหารจัดการร่วมพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล โดยเฉพาะสถานะของเอ็มโอยู 2544 ภายหลังครม.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีมติยกเลิกเมื่อวันที่ 10 พ.ย. 2552 ในการเจรจาจะยึดกรอบใด จะเสนอกรอบเจรจาให้รัฐสภาเห็นชอบตามมาตรา 190 หรือไม่ รวมทั้งการแก้ปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา ดังนั้นขอเสนอให้เปิดรัฐสภาให้หารือกันตามมาตรา 179 หรือตั้งกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาพิจารณาเรื่องนี้ ที่สำคัญต้องรับฟังภาคประชาชนด้วย อาจตั้งเป็นคณะกรรมการอิสระจากภาคประชาชนขึ้นมาทำงาน เพราะอยากให้การต่อสู้ทางการเมืองได้อยู่ในระบบรัฐสภา



ยงยุทธ'ยันประโยชน์ของชาติ

นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯ และรมว. มหาดไทย ตอบกระทู้แทนนายกฯว่า รัฐบาลจะเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลเพื่อประโยชน์ของชาติ รัฐบาลอาจให้ครม.กำหนดท่าทีที่ชัดเจนเป็นมติครม.เกี่ยวกับเอ็มโอยู 2544 โดยพิจารณาแนวทางข้อดีข้อเสียเพื่อประโยชน์ของชาติโดยรอบคอบ ก่อนเสนอต่อรัฐสภาเห็นชอบ ทั้งนี้การอ้างสิทธิบนพื้นที่ทับซ้อนสามารถแก้ไขโดยการเจรจา ดังนั้นไทยและกัมพูชาจึงตกลงจะใช้เอ็มโอยู 2544 เป็นกรอบเจรจา และกำหนด กลไกเจรจา ที่ให้มีคณะกรรมการร่วมฝ่ายเทคนิคในการเจรจาขึ้น อย่างไรก็ตาม การเจรจาขณะนี้ยังไม่ได้ข้อยุติที่เป็นธรรมร่วมกัน จึงยังไม่กระทบต่อสิทธิและอธิปไตยของไทย ขณะนี้รัฐบาลอยู่ระหว่างวางกรอบการเจรจา ถ้าเป็นไปได้จะเลือกใช้ทุกวิธีที่เสนอ



ยังทูลเกล้าฯชื่อปธ.ศาลรธน.ไม่ได้

พล.อ.ธีรเดช ประธานวุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการนำชื่อนายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ว่าที่ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ขึ้นทูลเกล้าฯเพื่อโปรดเกล้าฯแต่งตั้งว่า ทราบว่ามีความไม่ชัดเจนในเรื่องถ้อยคำของหนังสือที่ศาลรัฐธรรมนูญส่งมายังสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ขณะนี้เลขาธิการวุฒิสภาสอบถามกลับไปยังเลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ถ้ามีความชัดเจนอย่างไรคงส่งเรื่องมาที่ตนเพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ แต่ขณะนี้ยังไม่เห็นหนังสือ เท่าที่ทราบเป็นความผิดพลาดในถ้อยคำเพียงเล็กน้อย ไม่ใช่สาระสำคัญ หรือความผิดพลาดในกระบวนการลงมติ ดังนั้นขั้นตอนจะช้าหรือเร็วขึ้นกับคำตอบที่จะได้รับจากศาลรัฐธรรมนูญ



รับสมัครเลขาฯกกต.แทน'สุทธิพล'

ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ ถ.วิภาวดีฯ นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต. กล่าวถึงผู้จะมาเป็นเลขาธิการกกต.แทนนายสุทธิพล ทวีชัยการ ที่ได้รับสรรหาเป็นกสทช.ว่า ได้รับหนังสือลาออกจากนายสุทธิพลแล้ว มีผลวันที่ 18 ก.ย.นี้ และกกต.มีมติให้สำนักงานเตรียมเปิดรับสมัครเลขาธิการกกต. แต่ระหว่างนี้ให้นายสมชาติ เจศรีชัย รองเลขาธิการกกต.ด้านบริหารกลาง ซึ่งอาวุโสสูงสุด รักษาการแทนไปก่อน ยืนยันว่าการดำเนินการของกกต.จะไม่หยุดชะงัก ส่วนจะได้เลขาธิการกกต.เมื่อไหร่นั้น น่าจะใช้เวลาเป็นเดือน เพราะต้องเปิดให้ประชาชนภายนอกสมัครเข้ามา จากนั้นคัดสรร ส่วนที่ก่อนหน้านี้กกต.เคยใช้เงื่อนไขคุณสมบัติว่าต้องเป็นระดับอธิบดีหรือเทียบเท่านั้น ตนไม่ทราบ แต่ได้ให้เจ้าหน้าที่ไปหาข้อมูลเก่าว่ามีหรือไม่

"การเปิดรับสมัครครั้งนี้เปิดกว้างทั้งคนในและคนนอก ไม่มีล็อกสเป๊ก หรือใครจะมาฝากไม่ได้ ต้องคัดเลือกโดยกกต.เพราะเป็นอำนาจของกกต. คนที่จะมาเป็นเลขาธิการจะเป็นโรคอะไรก็ได้แต่ต้องไม่เป็นโรคปอด" ประธานกกต. กล่าว



สำนวน'จตุพร'ใกล้สรุป

ประธานกกต.กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาสำนวนของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยว่า กกต.มีมติให้สำนักงานด้านกิจการพรรคการเมืองไปแก้ไขปรับปรุงฐานข้อมูลสมาชิกพรรคการเมืองให้ถูกต้อง ซึ่งกกต.ให้เวลาดำเนินการภายใน 15 วัน และขณะนี้ใกล้เวลาที่กกต.ขยายให้แล้ว คาดว่าคณะกรรมการไต่สวนจะเสนอสำนวนต่อที่ประชุมกกต.วันสองวันนี้ เพราะจะครบกำหนดเวลาการสอบสวน แต่หากคณะกรรมการไต่สวนฯจะขอขยายเวลาการสอบสวนอีก ก็พร้อมพิจารณาให้แต่อาจจะให้ได้ไม่เกิน 7 วัน เพราะต้องสอบสวนพยานหลักฐานและพยานบุคคล แต่จะขยายให้ไม่เกิน 15 วัน

ต่อมานายอภิชาตเป็นประธานเปิดอบรมการดำเนินการทางวินัยให้กับผอ.เลือกตั้งประจำจังหวัด(ผอ.กต.จว)ทั่วประเทศว่า กกต.มีคำขวัญประจำองค์กรว่า สุจริต เที่ยงธรรม โปร่งใส ดังนั้นต้องยึดหลักธรรมาภิบาล ยึดมั่นในวินัย ส่วนกรณีสำนวนร้องคัดค้านที่ได้ยินผ่านสื่อว่าพวกกกต.ใช้วิธีดึงสำนวนส่งให้ศาลพิจารณาช้านั้น ตนเห็นว่าบางเรื่องกว่าจะส่งมาให้กกต.กลางพิจารณานั้น ล่าช้า ทั้งที่ระเบียบสืบสวนสอบ สวนได้กำหนดกรอบเวลาไว้อยู่แล้ว ขอฝากทุกคนเดินตามแนวทางจริยธรรม อย่าหวั่นไหวกับเรื่องต่างๆ ที่บั่นทอนการทำงาน

ฝึกฝีเท้า- นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ นำทีมนปช.-คนเสื้อแดงลงฝึกซ้อมบอล ที่สนามบางกอกเอฟซี ก่อนบินไปดวลแข้งนัดกระชับมิตรกับทีมรัฐบาลกัมพูชา ในวันที่ 24 ก.ย. นี้


ขณะที่นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวว่า ขอขอบคุณที่ทำให้การเลือกตั้งวันที่ 3 ก.ค.เรียบร้อย ผู้มีสิทธิเลือกตั้งออกมาใช้สิทธิมากที่สุดตั้งแต่มีเลือกตั้งมา ถึงร้อยละ 75 แต่สิ่งที่ต้องดำเนินการต่อจากนี้ คือการหารือเพื่อกำหนดการเลือกตั้งล่วงหน้าที่ตอนนี้เหลือเพียง 1 วันว่าเหมาะสมหรือไม่ ส่วนการพิจารณาให้ใบเหลือง-ใบแดงส.ส. ยืนยันว่ากกต.พิจารณาตามข้อเท็จจริง ตามหลักฐาน ส่วนที่มีการร้องเรียนเรื่องสำนวนรั่วเอาความลับมาเปิดเผย โดยมีนักการเมืองได้สำนวนไปด้วยนั้น เนื่องจากคณะอนุสอบสวนไม่ใช่คนของกกต.ทั้งหมด จึงเกิดปัญหานี้ขึ้นมา ดังนั้นจึงอยากให้เจ้าหน้าที่กกต.ดูแลสำนวนทั้งหมดจะดีที่สุด เนื่องจากน่าไว้ใจ ทำงานได้อย่างรวดเร็วมากกว่า



'สมชัย'กระทุ้งนายทะเบียน

ด้านนายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ด้านสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย กล่าวถึงกรณีนายจตุพรว่า นายทะเบียนพรรคการเมืองต้องดำเนินการให้เรียบร้อยว่านายจตุพรขาดจากความเป็นสมาชิกพรรคหรือไม่ แล้วมาเสนอกกต.พิจารณาอีกครั้ง เพราะการประชุมครั้งที่ผ่านมา ด้านกิจการพรรคการเมืองเสนอต่อที่ประชุมกกต.เพื่อขอมติกกต.เพื่อลบชื่อนายจตุพรออกจากระบบฐานข้อมูลการเป็นสมาชิกพรรค เพราะตามกฎหมายพรรคการเมืองให้สำนักงานกกต.จัดทำรายชื่อในระบบฐานข้อมูลและให้ถือว่ารายชื่อที่อยู่ในระบบฐานข้อมูลมีความถูกต้องตามกฎหมาย ดังนั้นเมื่อพบว่ามีปัญหาเรื่องการเป็นสมาชิกพรรค เป็นเรื่องที่สำนักงานและนายทะเบียนฯต้องดำเนินการ ส่วนที่ขณะนี้ไม่มีเลขาธิการกกต.ก็ไม่เป็นปัญหาในการลบชื่อ เพราะมีรองเลขาธิการที่อาวุโสทำหน้าที่รักษา การอยู่แล้ว

"สมมติถ้าคณะกรรมการของด้านกิจการพรรคการเมืองเห็นว่านายจตุพรขาดจากการเป็นสมาชิกพรรคแล้วก็ต้องลบชื่อนายจตุพรออกจากระบบฐานข้อมูลทะเบียนพรรคการเมือง จากนั้นนายทะเบียนฯต้องมีความเห็นว่าเกิดกรณีมีปัญหาสมาชิกภาพของนายจตุพรแล้ว จึงค่อยเสนอต่อกกต. เพื่อขอความเห็นให้ส่งเรื่องไปยังประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อยื่นเรื่องต่อไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ไม่ใช่เอารายงานผลการตรวจสอบของคณะกรรมการด้านกิจการพรรคการเมืองมารายงานต่อกกต. โดยไม่มีความเห็นชอบจากนายทะเบียนฯมาก่อน เพราะปัญหาดังกล่าวเป็นเรื่องนายทะเบียนฯโดยตรง ซึ่งการจะลบชื่อหรือไม่ ก็มีระเบียบอยู่ จึงไม่ใช่เรื่องที่จะมาขอให้กกต.พิจารณา" นายสมชัย กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าถ้าสำนักงานลบชื่อนายจตุพรออกจากระบบฐานข้อมูล อาจถูกนายจตุพรฟ้องร้องได้ เหตุใดจึงไม่ส่งศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยก่อน นายสมชัย กล่าวว่า นายจตุพรคงมีทีมกฎหมายคอยดูตรงนี้อยู่ แต่การจะให้กกต. เห็นชอบกับการส่งเรื่องเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยนั้นจะต้องมีเหตุเกิดขึ้นก่อน หากสำนัก งานยังไม่ลบชื่อของนายจตุพร ถือว่ายังไม่มีเหตุทำให้กกต.ต้องพิจารณาว่า การขาดจากความเป็นสมาชิกพรรค ทำให้ขาดจากความเป็นส.ส. หรือไม่



'เหลิม'เย้ยปชป.ยิ่งตีแม้วยิ่งแพ้

ต่อมาร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล กรณีฝ่ายค้านมุ่งนำประเด็นพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โจมตีรัฐบาลรายวันว่า เมื่อครั้งประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลก็โจมตี พ.ต.ท.ทักษิณว่าผูกพันกับฝ่ายค้าน อยู่เบื้องหลังอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ชาวบ้านไม่เชื่อ เลือกส.ส.มา 265 คน วันนี้มาโจมตีอีก คิดเอง เออเอง ยืนยันว่าพวกเราไม่เคยคิดทำอะไรที่ผิดกฎหมาย เมืองไทยไม่ได้อยู่กันแค่ 5-10 คน เลิกเสียทีเถิด ขืนยังดื้ออยู่อย่างนี้ระวังรอบหน้าเพื่อไทยจะได้ 320 ส.ส.

ผู้สื่อข่าวถามถึงเป้าหมายกลับประเทศของพ.ต.ท.ทักษิณจะส่งผลต่อรัฐบาลหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน พ.ต.ท.ทักษิณมีสิทธิเดินทางไปไหนก็ได้ สมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์ก็ไม่เห็นออกเรด โนติส หรือหมายแดง ตำรวจสากลไม่มีหมายจับพ.ต.ท.ทักษิณ ความผิดที่เกิดขึ้นมันไม่เข้าข่าย พ.ต.ท.ทักษิณจึงไปได้ทุกประเทศที่ยินดีต้อนรับ ส่วนกลุ่มที่ออกมาตีกันทุกเรื่องนั้น เป็นพวกเจ้าเก่า กล่าวหาหลายครั้ง ตั้งแต่ปี 2544 แต่พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ชนะ ปี 48 ก็ชนะ ปี 49 ไม่ยอมลงเลือกตั้ง อ้างว่าไม่ร่วมกระบวนการ แต่ความจริงลงมาก็แพ้ ปฏิวัติเสร็จ ปี 2550 ก็แพ้ มาปี 2554 แพ้ขาดกว่าเดิม



รัฐบาลนี้ไม่ทำผิดกฎหมาย

ร.ต.อ.เฉลิมให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้กับพ.ต.ท.ทักษิณว่า เป็นเรื่องของหลายคน หลายมุมมอง การมีความเห็นไม่ตรงกันของนักกฎหมายเป็นเรื่องธรรมดา แม้แต่ศาลยังมีถึง 3 ศาล ยืนยันว่ารัฐบาลนี้จะไม่ทำเรื่องผิดกฎหมาย เรื่องใดขัดต่อบทบัญญัติของกฎหมาย ขัดต่อหลักนิติรัฐ นิติธรรม รัฐบาลนี้จะไม่ทำโดยเด็ดขาด



ท้ารีบๆ ถามจะได้ไปทำงาน

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวอีกว่า ตนภาวนาให้ฝ่ายค้านยื่นกระทู้สดวันที่ 15 ก.ย.นี้เพื่อถามเรื่องนี้ เพื่อให้รัฐบาลตอบแล้วจบกันไป รัฐบาลจะได้ไปทำงานอื่น ตนจะได้ปราบปรามยาเสพติด เพราะถ้าไม่พูดก็หาว่าตนถูกห้าม ไม่มีใครห้ามตนได้ ตนเกิดมาเป็นคนช่างพูด แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ตนชี้แจงไม่ได้ก็ไม่เอาด้วย ไม่ใช่ว่าพูดได้ทุกเรื่อง ต้องมีเหตุผล มีกฎเกณฑ์ กติกา ถูกต้อง ชอบธรรม สังคมจะได้รู้ความจริง ประชาธิปัตย์ไม่ต้องมาเขย่าตน ตอนตนเป็นฝ่ายค้านยังไม่กลัวเลย แล้ววันนี้จะมีอะไรน่ากลัว

ผู้สื่อข่าวถามว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุรัฐบาลต้องแสดงบทบาทกรณีพ.ต.ท.ทักษิณไปกัมพูชาในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ทำไมสมัยนายอภิสิทธิ์ไม่ดำเนินการ เพราะไม่เข้าเกณฑ์กฎหมายใช่หรือไม่ ขอให้ยื่นมาเป็นกระทู้สด ตนจะได้เล่าถึงเรื่องที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ส่งรมต.คนหนึ่งไปเดินหน้าบ้านพ.ต.ท. ทักษิณที่ดูไบ ตนรู้ละเอียด ยื่นมา ตนจะซัดให้ จะได้จบๆ



ไม่มีความเห็นเรื่อง'ถวิล'

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวถึงกรณีถูกมองเป็นสายล่อฟ้าทำให้รัฐบาลถูกโจมตีว่า ตนไม่ใช่สายล่อฟ้า ทำมาเป็นประเด็นนึกว่าตนจะตกใจ ตนไม่ใช่ห่านถึงจะตกใจง่าย พูดไปจะหาว่าเฉลิมท้าทาย แต่ห่านมันตกใจง่าย แต่ตนเป็นคน

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวถึงนายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสมช. ยื่นร้องคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม หรือก.พ.ค. กรณีถูกโยกย้ายไม่เป็นธรรมว่า ไม่มีความเห็นเรื่องนี้ ไม่อยากทะเลาะกับนายถวิล

ผู้สื่อข่าวถามว่าข้าราชการสมช.ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านการนำคนนอกมาเป็นเลขาฯสมช. ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่แสดงความเห็น งานนอกหน้าที่ เมื่อถามว่าการนำคนมาใช้งานตามนโยบายรัฐบาล ย่อมเป็นอำนาจหน้าที่ของรัฐบาลใช่หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ใช่ แต่คนเข้าใจผิด ที่บอกว่าย้ายบางคนแล้วเหมือนย้ายนายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ อธิบดีกรมการปกครอง นั่นก็ไม่ใช่ เพราะนายวงศ์ศักดิ์ย้ายโดยรมว.มหาดไทย แต่บางคนย้ายโดยนายกฯ อาศัยอำนาจระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน มาตรา 10 ซึ่งเป็นคนละเรื่องกัน อย่างที่นายนพดล ปัทมะ พูดว่าอ่านหนังสืออย่าอ่านแค่ครึ่งบท ต้องอ่านให้เต็มบท และรัฐบาลที่ไหนจะกล้าทำในสิ่งที่ผิดกฎหมาย พวกตนกินข้าว ไม่ได้กินแกลบ



นำกรณี'วงศ์ศักดิ์'มาเทียบไม่ได้

ต่อข้อถามว่าแสดงว่ากรณีนายถวิลกับนายวงศ์ศักดิ์จะนำมาเทียบเคียงกันไม่ได้ใช่หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า จะเทียบเคียงกันได้อย่างไร แค่คนสั่งย้ายก็คนละคน เมื่อถามว่ากรณีนายวงศ์ศักดิ์ร้องก.พ.ค.และได้กลับคืนตำแหน่งเดิม รองนายกฯ กล่าวว่า นายวงศ์ศักดิ์ไม่ทำตามใจฝ่ายการเมืองที่จะให้ทำนั่นทำนี่ เมื่อถามว่ากังวลใจหรือไม่ที่นายถวิลจะนำคำพูดของร.ต.อ.เฉลิมไปเขียนในสำนวนร้องก.พ.ค. รองนายกฯ กล่าวว่า "แค่พูดก็ผิดกฎหมายหรือ ผมไม่คุยเรื่องนี้ด้วยแล้ว ไร้สาระ ไม่คุยแล้ว จะทำอะไรก็เชิญกันเถอะ ผมจะปราบยาเสพติดอย่างเดียวแล้ว"

เมื่อถามถึงการประชุมครม.วันอังคารที่ 13 ก.ย.นี้จะเสนอชื่อพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. ไปเป็นเลขาฯสมช.หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า นั่นไม่ใช่หน้าที่ตน เป็นหน้าที่ของนายกฯ



เด็จพี่ฟ้องปากปชป.ใส่ร้าย

ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทยแถลงว่า นายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวหาตนไปพบนายดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เมื่อวันที่ 9 ก.ย. เพื่อฝากเด็ก แต่นายดำรงค์ไม่ยอมจนเกือบวางมวยเกิดขึ้นนั้น ตนมองว่าเป็นการใช้วิชามารใส่ร้ายด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ตนไม่รู้จักและไม่เคยพบนายดำรง วันที่ 9 ก.ย.ตนได้รับเชิญจากผู้ว่าฯพัทลุง และหอการค้าจังหวัดให้ไปรับเรื่องร้องทุกข์ ตนมีหลักฐานเป็นตั๋วเครื่องบิน มีภาพและคลิปประชุม แต่นายนริศยังมากล่าวหาตน ทั้งที่ตนยังคุยกับนายเรวัติ อารีรอบ ส.ส.ภูเก็ต พรรคประชาธิปัตย์อยู่ด้วยซ้ำ

"นายนริศโจมตีผม ดังนั้นในฐานะโฆษกและกรรมการบริการพรรค จึงมอบหมายทนายยื่นฟ้องร้องข้อหาหมิ่นประมาท พร้อมเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง 50 ล้านบาท จะยื่นฟ้องสัปดาห์หน้า แม้ว่าหลังจากนั้นนายนริศโทร.มาหาผม 2-3 ครั้ง และขอโทษเป็นการส่วนตัว อ้างว่าเข้าใจคลาดเคลื่อน แต่ผมยืนยันกลับไปว่าจะฟ้องเพราะเสียหาย เพื่อรักษาเกียรติวงศ์ตระกูลและหน้าตาของพรรค ฟ้องเพื่อยืนยันให้เห็นว่าสมาชิกพรรคเพื่อไทยไม่แทรกแซงฝ่ายบริหาร และให้เป็นคดีตัวอย่างการพูดไม่มีหูรูด ฝ่ายค้านต้องค้านอย่างสร้างสรรค์ ไม่ใช่ใส่ร้ายป้ายสี" นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า

ผู้สื่อข่าวถามว่านายดำรงค์ พิเดช ยืนยันว่าได้เจอกันจริง นายพร้อมพงศ์กล่าวว่าต้องถามว่าวันที่ 9 ปีไหน ตนเคยรู้จักว่าเป็นข้าราชการ แต่ไม่เคยไปกระทรวงทรัพย์และกรมอุทยานฯ เคยไปร้องเรียนเมื่อครั้งนายสุวิทย์ คุณกิตติ เป็นรมต.



นพดลแจ้งคิวนายใหญ่

นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กล่าวถึงความเคลื่อนไหวพ.ต.ท.ทักษิณว่า ขณะนี้พ.ต.ท. ทักษิณอยู่ระหว่างรอยืนยันว่าจะไปบรรยายเรื่องเศรษฐกิจของเอเชียและของโลก วันที่ 19 ก.ย. ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ตามที่องค์กรรัฐสภาเอเชียแปซิฟิกส่งคำเชิญมาหรือไม่ หาก พ.ต.ท.ทักษิณไปบรรยายตามคำเชิญ คงไม่อยู่ถึงวันที่ 24 ก.ย.ที่กลุ่มส.ส.เพื่อไทยจะไปแข่งขันฟุตบอลกระชับมิตรกับรัฐบาลกัมพูชา ส่วนการคืนพาสปอร์ตแดงให้กับพ.ต.ท.ทักษิณนั้น เป็นเรื่องของกระทรวงการต่างประเทศ แต่ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องด่วน โดยการเดินทางของ พ.ต.ท. ทักษิณยังใช้พาสปอร์ตประเทศมอนเตรเนโกร

นายนพดลกล่าวถึงการรื้อฟื้นคดีที่ดินรัชดาฯว่า เป็นเรื่องของทีมกฎหมายพ.ต.ท.ทักษิณ ชุดของนายฉัตรทิพย์ ตัณฑประศาสตร์ ว่าจะพิจารณายื่นร้องต่อศาลหรือไม่ โดยการรื้อฟื้นคดีจะต้องมีหลักฐานใหม่ด้วย



'ฮุนเซน'ตีปี๊บทักษิณเยือนเขมร

เมื่อวันที่ 12 ก.ย. สำนักข่าวซินหัว ประ เทศจีน รายงานคำกล่าวของสมเด็จฮุนเซน นายกฯกัมพูชา ระหว่างงานรับปริญญาบัตรของนักศึกษามหาวิทยาลัยการจัดการแห่งชาติกัมพูชาว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีกำหนดเดินทางเยือนกัมพูชาระหว่างวันที่ 16-24 ก.ย. โดยจะเข้าร่วมสัมมนาอนาคตเศรษฐกิจเอเชีย ซึ่งไม่ใช่การหารือในหัวข้อที่เกี่ยวกับน้ำมัน หรือก๊าซธรรมชาติ ตามที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้

สมเด็จฮุนเซนกล่าวอีกว่า การเดินทางครั้งนี้ของพ.ต.ท.ทักษิณกำหนดไว้ก่อนหน้าการมาเยือนกัมพูชาของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯไทย ในวันที่ 15 ก.ย. โดยพ.ต.ท.ทักษิณจะมาร่วมสัมมนาเรื่องอนาคตของเอเชียด้านเศรษฐกิจอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งเป็นงานที่จัดโดยราชบัณ ฑิตยสถานแห่งกัมพูชา และจะไม่มีการพูดคุยเรื่องน้ำมันหรือก๊าซธรรมชาติใดๆทั้งสิ้น ซึ่งอดีตนายกฯของไทยไม่มีหน้าที่โดยตรงในการเจรจาเรื่องน้ำมัน เพราะหน้าที่ดังกล่าวเป็นของรัฐบาลปัจจุบันของไทย

รายงานข่าวระบุด้วยว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะขึ้นบรรยายในวันที่ 17 ก.ย. ที่อาคารพีซ พาเลซ สำนักนายกฯ กรุงพนมเปญ หลังจากนั้นจะหารือส่วนตัวกับสมเด็จฮุนเซน วันที่ 18 ก.ย. สมเด็จฮุนเซนกับพ.ต.ท.ทักษิณจะออกรอบ ตีกอล์ฟ ก่อนที่วันที่ 24 ก.ย.จะมีการแข่งขันฟุตบอลนัดพิเศษระหว่างส.ส.และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทางกัมพูชาและไทย ที่สนามกีฬาโอลิมปิกพนมเปญ



'ปู'ไปเขมร 15 ก.ย.-ไปลาว 16 ก.ย.

สำหรับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ มีกำหนดการเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการ หลังรับตำแหน่งในฐานะประเทศสมาชิกอาเซียน วันที่ 15 ก.ย. จากนั้นวันที่ 16 ก.ย.จะไปเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวอย่างเป็นทางการเช่นกัน



ปชป.กางพ.ร.ฎ.ขวางแม้ว

นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา หัวหน้าคณะทำงานกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงพ.ร.ฎ.พระราชทานอภัยโทษปี 2553 ออกสมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์ ซึ่งถูกวิจารณ์ว่าหลักเกณฑ์ของนักโทษที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษมีบางส่วนเอื้อประโยชน์ต่อพ.ต.ท.ทักษิณว่า เป็นหลักเกณฑ์ทั่วไปที่คณะกรรมการกฤษฎีกาดำเนินการ เนื้อหาไม่ต่างจากอดีต กฎหมายดังกล่าวคำนึงถึงความเหมาะสมสำหรับนักโทษที่ยื่นฎีกา ทั้งประเด็นอายุและความจำเป็นที่ต้องถูกควบคุมตัวก่อนจึงจะเข้าหลักเกณฑ์ อย่างไรก็ตามกรณีพ.ต.ท.ทักษิณยังมีอยู่ 2 ประเด็นใหญ่ที่ไม่เข้าข่ายคือ 1.การเข้าชื่อร่วมลงนามขอพระ ราชทานอภัยโทษนั้น ไม่มีรายชื่อตัวผู้ต้องขังหรือญาติ แม้อ้างว่ามีผู้เข้าร่วมกว่า 2 ล้านคนเพื่อขอความเป็นธรรม ก็ไม่เป็นไปตามกฎหมาย

นายวิรัตน์กล่าวว่า 2.นัยยะสำคัญของการขออภัยโทษ ผู้ต้องขังต้องแสดงออกถึงการรับผิด ผ่านถ้อยคำที่ยื่นถวายหรือการกลับมาถูกควบคุมตัว แต่กรณีพ.ต.ท.ทักษิณไม่มีการแสดงออกถึงพฤติกรรมดังกล่าว ฎีกาที่คนเสื้อแดงเข้าชื่อร่วมกันเต็มไปด้วยการวิพากษ์วิจารณ์ระบบกฎหมายว่ามี 2 มาตรฐาน โจมตีฝ่ายการเมืองตรงข้าม ทั้งนี้ประเด็นมาตรา 4 ในข้อกฎหมายนี้ที่ไม่กำหนดระยะเวลาของการถูกกักขัง มองกันว่าพ.ต.ท.ทักษิณอาจกลับมาติดคุกเพียงไม่กี่วันเพื่อให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์นั้น ตนมองว่าเป็นไปตามข้อกำหนดคุณสมบัติที่ต้องให้ผู้กระทำความผิดได้รับโทษ และยอมรับความผิดก่อน ใครจะได้ประโยชน์ก็เป็นอีกเรื่อง

"คนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทยรู้ถึงหลักเกณฑ์ดังกล่าวเป็นอย่างดี เพราะมีนักกฎหมายที่เข้าร่วมเป็นคณะทำงาน รวมถึงรู้ว่าถึงจะให้ประชาชนร่วมลงรายชื่อมากเท่าใดก็ไม่มีผล เพราะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายระบุ แต่ที่ยังยืนยันกระทำการดังกล่าวก็เพื่อหวังผลให้เกิดความเข้าใจผิด ดึงกระบวนการยุติธรรมมาเป็นประเด็นทางการเมือง" นายวิรัตน์กล่าว



'พีระพันธุ์'เขียนบทความคุก

วันเดียวกัน เว็บไซต์พรรคประชาธิปัตย์ เผยแพร่บทความ "คุกใหม่กับนักโทษการ เมือง????" โดยนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค อดีตรมว.ยุติธรรม ไม่เห็นด้วยกับการใช้โรง เรียนพลตำรวจบางเขน เป็นสถานที่คุมขังนักโทษการเมือง คดีความมั่นคง และนักโทษต่างชาติที่รอส่งตัวกลับประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดและความแออัดในเรือนจำ ระบุว่าสมัยตนเป็นรมว.ยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ไม่เคยเสนอใช้โรงเรียนดังกล่าว กลับเสนอยกเลิกการใช้โรงเรียนตามที่ตำรวจขอมาถึง 2 ครั้ง อ้างไม่ค่อยใช้ประโยชน์ เก็บไว้ก็สิ้นเปลืองงบ ตนจึงลงนามประกาศยกเลิก ปัจจุบันยังไม่เห็นความจำเป็นอยู่ดี นอกจากเป็นคนละเรื่องแล้ว เรายังไม่มีนักโทษการเมือง อีกทั้งนักโทษคดีความมั่นคงและที่รอส่งตัวกลับมีน้อยมาก ข้ออ้างดังกล่าวเหมือนเอาน้ำเปล่าหยิบมือเดียวไปเทลงทะเลเพื่อแก้ความเค็ม หากมีปัญหาจริงยังมีเรือนจำทหารที่ประกาศสำรองไว้แล้วถึง 3 แห่ง

นายพีระพันธุ์ระบุอีกว่า เหตุใดกรมราชทัณฑ์เพิ่งนึกได้ว่าจะใช้แนวทางนี้แก้ปัญหา หลังจากที่ประชุมร่วมกับคณะตำรวจที่มีพล.ต.อ. เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รองผบ.ตร. เข้าประชุมด้วย ที่ผ่านมาคนมักสับสนเกี่ยวกับความหมายของนักโทษการเมือง โดยเหมารวมว่าคดีที่นักการเมืองเป็นผู้ต้องหาจะเป็นคดีการเมือง ความจริงไม่เกี่ยวกัน ผู้ใดที่ทำความผิดอาญาแผ่นดินที่มีโทษจำคุกตามกฎหมายแล้ว ผู้นั้นจะเป็นผู้ต้องหาคดีอาญาด้วย กรณีเป็นนักการเมืองแล้วทำความผิดที่มีโทษอาญา ไม่ทำให้คดีนั้นเปลี่ยนจากคดีอาญาเป็นคดีการเมือง และไม่ทำให้ผู้นั้นเปลี่ยนสถานะจากนักโทษคดีอาญาเป็นนักโทษการเมือง



สหภาพแรงงานจี้ทำตามสัญญา

เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล กลุ่มสหภาพแรงงานย่านรังสิตและใกล้เคียง นำโดยนายเสน่ห์ ชุมหฤทัย พร้อมพนักงานกว่า 20 คนยื่นหนังสืงถึงนายกฯ ผ่านเจ้าหน้าที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักปลัดสำนักนายกฯ ให้รัฐบาลปรับขึ้นค่าจ่างขั้นต่ำ 300 บาทตามที่ได้หาเสียงไว้ ไม่ใช่ประกาศปรับนำร่องใน 7 จังหวัด ให้มีผลเดือนม.ค. 2555 จากนั้นจะทยอยปรับขึ้นร้อยละ 40 ใน 70 จังหวัดที่เหลือ ตามที่รมว. แรงงานประกาศ เพราะไม่เป็นไปตามสัญญา กลุ่มสหภาพเรียกร้องนายกฯเร่งปรับค่างจ้างขั้นต่ำวันละ 300 บาท และขึ้นเงินเดือนผู้จบปริญญาตรี 15,000 บาท เพื่อทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ และให้เร่งแก้ปัญหาความยากจนและควบคุมราคาสินค้า รวมทั้งแก้ปัญหาและเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วมด้วย



บิ๊กตุ้ยคุยคนตบมือให้โผทหาร

ที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า(จปร.) มีพิธีสดุดีและสวนสนามเทิดเกียรติพล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.สส. ที่จะเกษียณอายุราชการ จากนั้นพล.อ.ทรงกิตติให้สัมภาษณ์ถึงโผทหารว่า ขั้นตอนของเหล่าทัพเสร็จสิ้นตั้งแต่ประชุมคณะกรรมการปรับย้ายนายทหารระดับชั้นนายพลเมื่อ 1 ก.ย.แล้ว จากนั้นรมว.กลาโหมนำบัญชีรายชื่อส่งนายกฯเพื่อนำความขึ้นกราบบังคมทูลฯเรียบร้อยแล้ว นายกฯจะเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ตอบไม่ได้ เลยขั้นตอนกระทรวงแล้ว ตนไม่อาจก้าวล่วง และบอกไม่ได้ว่าเราเสนอใคร การนำเรื่องในที่ประชุมมาพูดจะผิดกฎ หมาย ต้องรอจนกว่าจะโปรดเกล้าฯ ส่วนตำ แหน่งปลัดกระทรวงกลาโหมต้องทำงานร่วมกับกระทรวง ทบวง กรมต่างๆได้ ความร่วมมือในกองทัพกับส่วนราชการต่างๆ เป็นเรื่องสำคัญ ไม่ใช่องค์กรเดียวจะอยู่ได้

"เชื่อว่าโผทหารที่ออกมาไม่ยี้หรอก ทุกอย่างต้องเป็นที่ยอมรับของกองทัพ เมื่อออกมาสู่สายตาประชาชนทุกคนจะต้องตบมือกันเกลียว" พล.อ.ทรงกิตติกล่าว และว่ากรณีไม่ได้ไปร่วมฟังแถลงยุทธศาสตร์ชาติและยุทธศาสตร์ทหารร่วมกับนายกฯนั้น เพราะตนติดราชการไปรับฟังยุทธศาสตร์ที่กระทรวงกลาโหมอังกฤษ ช่วงนี้ผู้นำทหารหลายคนไปต่างประเทศ เพราะเป็นช่วงการทำงาน สานต่องานด้านการต่างประเทศ



'ปู'กลับจากอินโดฯถึงไทย

เมื่อเวลา 18.30 น. ที่สนามบินบน.6 น.ส. ยิ่งลักษณ์ นายกฯ ให้สัมภาษณ์ภายหลังกลับจากเยือนอินโดนีเซียว่า ได้หารือกับประธานาธิบดีอินโดนีเซียในภาพรวม เรื่องการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แลกเปลี่ยนข้อมูลต่างๆ ซึ่งอินโดนีเซียมองสถานการณ์การเมืองไทยดีขึ้นและมั่นใจมากขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่าปัญหาไทย-กัมพูชา ทางอินโดฯ ยืนยันจะเข้ามาเป็นผู้สังเกตการณ์หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ยังทำเหมือนเดิม แต่ทุกประ เทศในภูมิภาคอาเซียนอยากเห็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทย-กัมพูชา ตนเชื่อมั่นว่าหลังจากปัญหาเรื่องมรดกโลกยุติลง ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศน่าจะดีขึ้น และการที่ตนจะไปเยือนกัมพูชาวันที่ 15 ก.ย. เพื่อแลกเปลี่ยนข้อกังวลใจต่างๆ เชื่อว่าความสัมพันธ์จะดีขึ้น ส่วนที่พ.ต.ท.ทักษิณจะไปร่วมประชุมเศรษฐกิจที่กัมพูชานั้น ตนทำหน้าที่ในส่วนรัฐ บาลไทย แต่ยังไม่ทราบเรื่องการเดินทางของ พ.ต.ท.ทักษิณ



ย้ำไม่ยุ่งเรื่องถวายฎีกาพี่ชาย

ส่วนการถวายฎีกาพ.ต.ท.ทักษิณนั้น นายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลมีหน้าที่ดูแลปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ปัญหาเศรษฐกิจ ฎีกาพ.ต.ท. ทักษิณถือเป็นเรื่องบุคคล และเป็นเรื่องที่เจ้าตัวเท่านั้นที่จะมีความประสงค์ ดังนั้นรัฐบาลไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว

เมื่อถามว่าในฐานะน้องสาวจะเข้าชื่อร่วมถวายฎีกาด้วยหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ขอให้เป็นเรื่องของเจ้าตัว วันนี้ตนขอทำงานเพื่อประเทศชาติ เพราะมีภารกิจหลายอย่างต้องใช้เวลาและต้องลงไปทำงานอย่างจริงจัง

เมื่อถามว่านายกฯ มีนามสกุลชินวัตร จะเข้าไปช่วยผลักดันหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เอาไว้ให้เป็นเรื่องของเจ้าตัวจะดีกว่า เพราะตนไม่มีนโยบายทำเรื่องนี้ ยืนยันอีกครั้งว่าการเข้ามาทำงานในรัฐบาลเพื่อภารกิจของคนทั้งประเทศ ไม่ใช่ทำภารกิจเพื่อคนๆ เดียว ต้องขอยืนยันในเจตนารมณ์นี้กับประชาชน ตนตั้งใจทำงานเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าตนตั้งใจเข้ามาทำงานเพื่อรับใช้ประชาชน



เวลาจะพิสูจน์ทำเพื่อประชาชน

ต่อข้อถามว่าขณะนี้มีการวิเคราะห์ว่าถ้า พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาจะเป็นการปลดชนวนทางการเมืองโดยเฉพาะความวุ่นวายต่างๆ แต่บางฝ่ายมองว่าอาจยิ่งสร้างปัญหามากขึ้น รัฐบาลมองเรื่องนี้อย่างไร น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า การวิเคราะห์ตรงนี้อาจเร็วเกินไปที่จะคุยกันตรงนี้ อยากขอความกรุณาสื่อว่าวันนี้เรามีปัญหาอื่นที่ประชาชนสนใจและอยากฟังแนวทางแก้ไขปัญหา รัฐบาลมีงานต้องทำไม่ว่าเป็นเรื่องราคาสินค้าหรือความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ส่วนเรื่องส่วนตัวนั้น รัฐบาลถือว่าไม่ได้ยุ่งเกี่ยวด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่ามองอย่างไรที่หลายฝ่ายมองว่าพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นระเบิดเวลาของรัฐบาลและตัวน.ส.ยิ่งลักษณ์ด้วย นายกฯ กล่าวว่า ขอให้กาลเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ได้หรือไม่ ตนตั้งใจอยากทำงานให้ประชาชน อยากให้ดูว่าวันนี้เวลาทั้งหมดที่มีอยู่ตั้งแต่แถลงนโยบาย รัฐบาลทำงานตลอด 7 วันเพื่อประชาชนอย่างเดียว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการตอบคำถามเกี่ยวกับพ.ต.ท.ทักษิณครั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ตอบด้วยเนื้อหาที่ยาวกว่าทุกครั้ง โดยไม่หลี



'ปู'ไปเยือนอินโดฯรับอบอุ่น

เมื่อเวลา 05.45 น. วันที่ 12 ก.ย. ที่ท่าอากาศยานทหาร บน.6 ดอนเมือง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ พร้อมด้วยนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ และคณะ ออกเดินทางโดยเที่ยวบินพิเศษกองทัพอากาศ ไปเยือนประเทศอินโดนีเซียอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นประเทศที่ 2 ต่อจากบรูไน หลังจากรับตำแหน่งนายกฯ

โดยน.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้สัมภาษณ์เพียงสั้นๆถึงการนำรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปีขึ้นทูลเกล้าฯว่า "ยังไม่ได้ดูเลย เมื่อคืนก็กลับค่ำ"

ต่อมาเวลา 09.15 น.(ตามเวลาท้องถิ่น) น.ส.ยิ่งลักษณ์และคณะเดินทางถึงท่าอากาศยานกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย จากนั้นเดินทางต่อไปยังทำเนียบประธานาธิบดี ร่วมพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ โดยเดินตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ ทักทายบุคคลสำคัญของอินโดนีเซีย จากนั้นนายกฯหารือข้อราชการกับดร.สุศิโลบัมบัง ยุทโธโยโน ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย และหารือเต็มคณะ โดยนายกฯกล่าวขอบคุณการต้อนรับที่อบอุ่นในฐานะมิตรประเทศสมาชิกอาเซียนที่มีความสัมพันธ์และความร่วมมืออย่างใกล้ชิด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการหารือ นายกฯและประธานาธิบดีอินโดนีเซียต่างพอใจที่ความร่วมมือทางเศรษฐกิจเพิ่มพูนขึ้นระหว่าง 2 ประเทศ และเห็นพ้องว่ายังคงมีลู่ทางขยายความร่วมมือระหว่างกันได้อีกมาก ทั้งนี้ทั้งสองฝ่ายจะผลักดันให้มีการลงนามความตกลงทางการค้าระหว่างกันในอนาคต ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการค้าและการลงทุนมากยิ่งขึ้น

ขณะที่นายกฯกล่าวชื่นชมบทบาทนำของอินโดนีเซียในฐานะประธานอาเซียน ในการผลักดันบทบาทอาเซียนให้โดดเด่น เพื่อมุ่งไปสู่การเป็นประชาคมอาเซียนในปีพ.ศ.2558 ทั้งนี้นายกฯยืนยันเจตนารมณ์ทางการเมืองและความมุ่งมั่นของไทยสนับสนุนอินโดนีเซียในฐานะประธานอาเซียนอย่างเต็มที่ และเชื่อมั่นว่าการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 19 ซึ่งอินโดนีเซียเป็นเจ้าภาพที่บาหลีเดือนพ.ย.นี้ จะประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง

หลังเสร็จสิ้นการหารือ ประธานาธิบดีอินโดนีเซียและนายกฯของไทยร่วมกันแถลงข่าวถึงผลการหารือ จากนั้นผู้นำอินโดนีเซียเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันเป็นเกียรติแก่ผู้นำไทยและคณะ จากนั้นช่วงบ่าย น.ส.ยิ่งลักษณ์ไปวางพวงมาลาที่สุสานวีรบุรุษแห่งชาติ และเดินทางกลับประเทศไทย ถึงบน.6 เวลา 18.00 น.



กสทช.เลือก'ธเรศ'เป็นประธาน

เมื่อวันที่ 12 ก.ย. พล.อ.อ.ธเรศ ปุณศรี คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) กล่าวภายหลังประชุมเลือกประธานและรองประธานกสทช.ว่า ทุกอย่างเรียบร้อยไม่มีความขัดแย้งภายใน โดยตนได้รับเลือกเป็นว่าที่ประธาน ส่วนว่าที่รองประธานทั้ง 2 คน มีความชำนาญและเชี่ยวชาญ แม้ทั้งคู่จะมาจากด้านกิจการโทรคมนาคมก็ตาม จากนี้ทั้ง 2 คนต้องตกลงกันเองว่าใครจะดูแลด้านกิจการโทรคมนาคม และกิจการกระจายเสียงโทรทัศน์

สำหรับขั้นตอนเลือกประธานกสทช. เป็นการลงคะแนนลับ ซึ่งตำแหน่งประธานกสทช. ไม่มีผู้ลงแข่งขันกับพล.อ.อ.ธเรศ ขณะที่รองประธานกสทช. มีผู้ลงแข่งขัน 4 คน เป็นทหารทั้งหมด จากนั้น จึงให้กสทช.ทั้ง 11 คนลงคะแนน โดยมีสิทธิ์เลือกได้ไม่เกิน 2 คน ผลคือ พ.อ.นที ศุกลรัตน์ ได้ 8 คะแนน พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ได้ 7 คะแนน พล.อ.สุกิจ ขมะสุนทร ได้ 3 คะแนน และพล.ท.พีระพงษ์ มานะกิจ ได้ 3 คะแนน

รายงานข่าวจากกสทช. เปิดเผยว่า การคัดเลือกประธาน และรองประธาน 2 คน อาจมีปัญหาตามมาเนื่องจากผู้สมัครเข้ารับคัดเลือกเป็นกสทช. จะต้องเป็นผู้มีความรู้และเชี่ยวชาญ หรือประสบการณ์ด้านต่างๆ ตามที่ยื่นสมัคร แต่การคัดเลือกครั้งนี้วางตำแหน่งตัวผิดคน ผิดจุด อาจเป็นไปได้ที่ภายหลังจะเกิดการฟ้องร้องกรณีการคัดเลือกดังกล่าว

ขณะที่พล.อ.ธีรเดช มีเพียร ประธานวุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ว่า หน้าที่ของวุฒิสภาจบแล้วหลังลงมติเลือก 11 คนเป็นกสทช. การเลือกประธานและรองประธานต้องทำภายใน 15 วันตามกฎหมายกำหนด ก่อนส่งนายกฯนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯต่อไป จึงอยู่ที่นายกฯจะดำเนินการต่อ ส่วนกระบวนการสรรหาจะชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เป็นคนละส่วน สุดแท้แต่ศาลจะวินิจฉัย



'วรวัจน์'ผุดไอเดียแป๊ะเจี๊ยะร.ร.

วันที่ 12 ก.ย. นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยแนวคิดให้ผู้ปกครองจ่ายค่าแป๊ะเจี๊ยะให้บุตรหลานเข้าเรียนโรงเรียนชื่อดังว่า อยู่ในช่วงจัดทำหลักสูตรโรงเรียนให้เป็นไปตามศักยภาพของพื้นที่ โดยให้ความสำคัญกับมหาวิทยาลัย ตลอดจนหน่วยงานต่างๆ ในการทำหลักสูตรในพื้นที่ให้สัมพันธ์กับทรัพยากร ฉะนั้นโรงเรียนขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงกลางจะถูกกระจายความสำคัญออกไปรอบนอกมากยิ่งขึ้น หากผู้ปกครองต้องการจ่ายค่าแป๊ะเจี๊ยะให้กับโรงเรียนก็ทำได้ แต่ต้องอยู่ในกรอบที่สพฐ.กำหนดไว้

"ขอชี้แจงว่ายังเป็นเพียงแนวความคิด ยังไม่ลงมติอย่างเป็นทางการ เป็นการหารือกับนายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการกพฐ. ต้องยอมรับว่าปัจจุบันยังมีการเก็บค่าแป๊ะเจี๊ยะอยู่ ผมต้องการเอาสิ่งที่หมกเม็ดมาทำให้ถูกต้อง โรงเรียนไหนอยากรับก็รับได้แต่ต้องบอก เพราะถ้าเปิดโอกาสให้ทำแล้วยังแอบไปรับเองอีกจะถือว่าทุจริต โรงเรียนต้องรายงานให้ทราบด้วยว่านำเงินที่ได้ ไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ที่สำคัญต้องไม่กระทบสิทธิคนอื่น ซึ่งจำเป็นต้องให้สพฐ.กำหนดกฎระเบียบหลักเกณฑ์การรับให้ชัดเจนว่าส่วนไหนรับได้และส่วนไหนรับไม่ได้ เพราะผมต้องการให้เงินดังกล่าว เป็นงบของโรงเรียน เพื่อพัฒนาโรงเรียนต่อไป ไม่อยู่ที่กระเป๋าใครคนใดคนหนึ่งอย่างที่ผ่านมา" นายวรวัจน์ กล่าว และว่า ตนจะนำเงินไปอุดหนุนเด็กด้อยโอกาสแทน เรื่องนี้ไม่อยากให้มองว่าเป็นเรื่องการแลกที่นั่งเข้าเรียน เพราะบางโรงเรียนผู้ปกครองที่บุตรหลานเข้าเรียนได้แล้ว หากไม่ต้องการรับเงินอุดหนุนรายหัวก็ทำได้

0 comments:

Post a Comment

Blog Archive

Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites More

 
Design by Free WordPress Themes | Bloggerized by Lasantha - Premium Blogger Themes | Grants For Single Moms