เรียกว่าขุดกำพืดกันมันส์หยด จากกรณีซุปตาร์ “ฟิล์ม รัฐภูมิ” ที่ถูกอดีตผู้ชักจูงเข้าวงการ “สมยศ ศรีสมบูรณ์” ออกมาทวงสิทธิ์ในการที่ต้องได้รับการเอ่ยถึงว่าเป็นผู้ชักนำเข้าวงการคนแรกไม่ใช่เอะอะ อะไรก็มีแต่ “พจน์ อานนท์” ซึ่งทางสมยศกล่าวว่าวันนี้ไม่ได้ออกมาเรียกร้องอะไรแค่อยากจะออกมากอบกู้ศักดิ์ศรีของตนที่โดยมองข้ามมาตอลดระยะเวลา 9 ปี เผยตนมีหลักฐานทุกอย่างและยังเก็บงำความลับของนักร้องหนุ่มไว้อีกด้วย หากมีการเปิดโต๊ะเจรจาขอโทษขอโพย ตนก็ยินดีที่จะหยุดการแฉทั้งหมด พร้อมกันนี้ยังงัดหลักฐานเด็ดเป็นคลิปเสียงผู้บริหารอาร์เอสและแม่ฟิล์มที่โทรมาคุยกับตน ชี้ไม่อยากให้ใครมองตนว่าเป็นคนลวงโลก ฉะนั้นวันนี้ตนมีหลักฐานคลิปเสียงจริง คงไม่ใช่กล่าวอ้างลอยๆอย่างที่พีอาอาร์เอสบอกกับนักข่าว
“วันที่ 18 มิ.ย. ตอนที่ผมไปที่ศาลมันหมายถึงว่า ฟิล์มได้พูดผ่านสื่อก่อนที่จะไปอังกฤษ โดยที่นักข่าวถามว่า “สมยศ ศรีสมบูรณ์”ว่าเป็นใคร เขาบอกไม่รู้จัก หาว่าผมแอบอ้าง สื่อก็ได้เห็นแล้วว่าในข่าวก็มีชื่อผมการันตีอยู่แล้วตั้งแต่ปี 2545 หลังจากนั้นผมมีความรู้สึกว่าผมอยากจะถามกับตัวจริงของเขาจะตอบยังไง เวลาเขาเห็นตัวจริงของผม ผมไม่จำเป็นต้องเกรงเขาอยู่แล้วเพราะว่าความจริงอยู่กับผม ผมก็เลยไปที่ศาลในวันนั้นไปคุยเรื่องราวต่างๆว่าความจริงมันคือยังไง หลังจากนั้นเขาก็ขึ้นศาลซึ่งผมก็รอที่จะถามเขาแต่ระหว่างนั้นก็มีผู้บริหารอาร์เอส “แป๋ง ชัยยศ สายบัวทอง” โทรมาคุยกับผม เบอร์โทรก็อยู่ในเครื่องของผม เขาก็ถามว่าเรื่องฟิล์มเป็นยังไง ขอร้องว่าอย่าถึงโรงถึงศาล มีอะไรค่อยคุยกันหรือวันจันทร์ออฟฟิศเปิดจะนัดเจรจาก็ว่ากันอีกที ผมก็รับฟังและปรึกษากับทนาย ผมไม่ได้ต้องการรุกรานแต่มาเพื่อที่จะบอกความจริงว่ามันคืออะไร ด้วยความที่ผมเป็นเด็กกว่า ผมเคารพนับถือในความเป็นผู้ใหญ่ ทนายก็บอกว่าเราคงต้องถอยหลังก่อนเพราะผู้ใหญ่ก็พูดกับเราขนาดนั้นแล้ว คิดว่าฟิล์มน่าจะพูดออกมาดีกว่านั้น ก็เลยกลับออกมาก่อน ผมไม่ทราบว่าพีอาสื่อสารกับบริษัทอย่างไรถึงได้บอกว่า โทรไปที่บริษัทอาร์เอสแล้วไม่มีผู้บริหารท่านใดโทรมาคุยกับผม ซึ่งผมเองก็เสียหาย ถ้าหากไม่มีผู้บริหารโทรมาหาผมตามที่พีอาบอก เมื่อผมไปอยู่ตรงนั้นทำไมเขารู้และโทรมาหาผมล่ะครับ แต่ผมรู้สึกภูมิใจที่คนธรรมดาอย่างผมมีผู้ใหญ่ยอมมาคุยกับผม ทั้งๆที่บางคนดูถูกศักดิ์ศรีผม ก็ต้องขอบคุณพี่เขาด้วยครับ”
“ที่ออกมาในวันนี้ไม่ได้ออกมาเรียกร้องเกินไปกว่าศักดิ์ศรีความเป็นคน ที่เป็นเพียงมนุษย์ตัวเล็กๆคนนึงที่ไม่ใช่คนดัง แต่คนดังกลับคิดว่าคนที่ไม่ดังมันไม่มีศักดิ์ศรี อยากพูด โกหกอะไรก็ได้ มันไม่แฟร์ที่ผมต้องแบกภาระกับความจริงมาตลอดเวลา ตั้งแต่ปี 2545 เวลามีนักข่าวมาถามผม ผมก็ตอบด้วยความจริงพอกลับไปถามฟิล์มก็ตอบอีกอย่าง กลับกลายเป็นว่าคนที่พูดความจริงอย่างผม เป็นคนโกหกสังคมทั้งที่บทเรียนบทเรียนในการโกหกก็มีตัวอย่าง”
“ก่อนที่จะพูดต่อไป ผมก็มีคลิปเสียงที่ผมคุยกับผู้บริหารอาร์เอสเพื่อเป็นการคอนเฟิร์มว่าผมบริสุทธิ์ใจจริง ที่ผมถอยหลังออกมาในวันนั้นเพราะผมไม่อยากให้ใครมามองผมว่าผมคุยไม่รู้เรื่อง ผมไม่รู้จักการคิด
คลิปเสียงสนทนากับผู้บริหารอาร์เอส
โดยเนื้อหาโดยรวมที่ทาง สมยศ ศรีสมบูรณ์ ได้คุยกับผู้บริหารอาร์เอสนั้น สรุปได้ใจความดังนี้ “คือตนเป็นคนพาฟิล์มเข้าอาร์เอส ซึ่งฟิล์มเองก็คงปฏิเสธไม่ได้เช่นกัน หลังจากนั้นตนก็ทนพฤติกรรมของนักร้องหนุ่มไม่ได้ แถมยังบอกว่าตนไม่มีสัญญา ตนยอมเป็นคนโง่ให้ฟิล์มฉลาดไปก็ได้ก็เลยยกเลิกการทำงาน ไม่เคยติดต่อหรือวุ่นวายอะไรอีกเลย จนกระทั่งพจน์ อานนท์เข้ามาดูแลต่อ พี่พจน์เป็นคนสร้างฟิล์ม แต่คนที่ชักนำเข้ามา ทุกอย่างฟิล์มต้องแบ่งภาพพูดให้ถูกต้อง แต่อย่าบอกว่าพี่พจน์เป็นคนชักนำเข้ามาเพียงคนเดียว ฟิล์มก็ยังบอกเหมือนเดิมว่า พจน์ อานนท์เป็นคนชักนำเข้าวงการ ถ้าฟิล์มยังยืนยันอย่างนี้อีก ตนก็มีสิทธิ์พูดความจริงได้”
“ซึ่งฟิล์มเองไม่เคยพูดความจริง ตนเลยไม่ชอบทำให้คนมองว่าตนเป็นคนโกหกสังคมซึ่งเรื่องนี้แม่ฟิล์มก็รับรู้มาทั้งหมด วันที่ฟิล์มเจอตนฟิล์มยังตกใจทำอะไรไม่ถูกแต่ดีที่ยังยกมือไหว้ตน นั่นหมายความว่าฟิล์มยอมรับโดยปริยายแล้วว่าตนมีตัวตนในชีวิตของเขา แล้วจะมายืนยันว่าพจน์ อานนท์ เป็นคนชักนำเข้าวงการเหมือนเดิม อันนี้ผิดครับ ตนเป็นคนพาไปอาร์เอสจริงแต่ยังพาไปไม่ถึงระดับที่มีชื่อเสียง เมื่อคนที่รับฟิล์มไปจากตนก็ต้องมีการคอนเน็กท์ต่อจากตนไม่ใช่คุยกันเอง นั่นถือว่าไม่ให้เกียรติตนในตอนแรก แต่นี่ไม่ใช่สาระสำคัญเพราะตนไม่ได้ซีเรียสมาตั้งนานแล้ว พอมาถึงตอนนี้ฟิล์มก็ไม่เคยปรับเปลี่ยนคำพูด ถ้าฟิล์มพูดอย่างนี้ก็ถือว่าฟิล์มไม่น่ารัก”
“ความลับฟิล์มทั้งหมดตนมีสิทธิ์พูดตั้งแต่ก่อนออกจากแกรมมี่คืออะไรยังไง ตนจะพูดด้วยหลักฐานและเอกสาร การยอมรับของแม่ฟิล์มตนก็มีเอกสารหลักฐานครบ เพราะฉะนั้นอย่ามาพูดแบบนี้ นั่นหมายความว่าฟิล์มรอดแล้วตนไม่รอด ตอนนี้ชีวิตของฟิล์มเหมือนตัดหนามถมทางเดินของตัวเองคนเราเดินไปข้างหน้าหรือย้อนกลับหลังต้องทำได้หมด แต่ฟิล์มย้อนหลับหลังไม่ได้ ฟิล์มกำลังจะไปแก้ไขสิ่งที่ผ่านมาว่าไม่เคยรู้จักผม เรื่องทั้งหมดถ้ายังเป็นแบบนี้อยู่ผมก็จะพูดต่อ ฉะนั้นรบกวนช่วยคุยกับฟิล์มว่าจะเอายังไงกับตน”
“ถ้าเป็นไปได้จะให้มีการเจรจาเรื่องจะได้จบ ไม่อยากปวดหัว ตนเก็บความลับแบกภาระมาตอลด 9 ปี แต่ฟิล์มโกหกแล้วรอดตัวเพราะถือว่าดังกว่าตน พูดอะไรก็พูดได้ ถ้าเป็นไปได้อาทิตย์หน้าช่วยคุยกับฟิล์ม กับคำว่าขอโทษมันจะตายหรือเปล่าหรือแค่บอกว่าได้เจอตน แล้วตนพาไปไหนอย่างไร ถ้าไม่มีการขอโทษ ตนก็จะนำหลักฐานทุกอย่างที่มีอยู่ออกมาตีแผ่ เพราะที่ผ่านมาตนถือว่าให้ฟิล์มมาเยอะแล้ว”
คลิปเสียงสนทนากับผู้บริหารอาร์เอส หลังจากที่พีอาบอกนักข่าวว่าไม่มีผู้บริหารท่านใดโทรมาหาตน
“วันที่ไปศาลพี่แป๋งผู้บริหารอาร์เอสโทรมาคุยกับตน แต่พีอาอาร์เอสกลับไปบอกนักข่าวโทรไปเช็กที่อาร์เอสแล้ว ไม่มีผู้บริหารท่านใดโทรมาคุยกับตน ตนเสียหาย ฉะนั้นฝากถามด้วยว่าพีอาคนนั้นชื่ออะไร ตนให้เกียรติพี่แป๋งมากถึงได้ยอมถอยออกมาแต่พีอากลับมาพูดแบบนี้ ตนติดลบนะ ใจจริงตนอยากคุยกับฟิล์ม รัฐภูมิด้วยตัวเอง ถ้าตนแอบอ้างสามารถฟ้องได้เลย เอกสารตนก็มีครบ”
“นั่นคือเป็นข้อเท็จจริงว่าทำไมตนถึงออกมาพูดและสาเหตุที่ผมก็อบปี้คลิปเสียงไว้เพราะว่าคนตัวเล็กอย่างผม ไม่มีความดังอย่างที่เขาดูถูกผมมา ผมก็ต้องใช้วิธีนี้ ผมได้แสดงสปิริตออกไปแล้วแต่สิ่งที่ได้กลับมาคือการโกหกทั้งหมด ฉะนั้นผมก็ต้องโทรกลับเช็กข้อมูลอีกทีนึงว่าทางนั้นยอมรับว่าได้โทรหาผมจริง นั่นเป็นข้อมูลที่ต้องมีหลักฐาน ถ้าผมทำอะไรที่ล่วงเกินไปก็ต้องขออภัย ถ้าผมไม่ทำแบบนั้นชีวิตผมก็ต้องโดนคนที่ดังกว่าดูถูก”
คลิปสนทนากับแม่ฟิล์ม
“วันนี้ที่โทรมาหาเพราะว่ามีเพื่อนบอกว่าทำไมฟิล์มพูดอย่างนั้น ถ้าถามเพื่อนตนสมัยก่อนจะรู้หมดเลย ว่าเรื่องนี้คืออะไรอย่างในรายการตีท้ายครัวบอกว่าไปเจอพจน์ อานนท์ที่ลาดพร้าว 101 ปกติดาราต้องเจอคำถามอยู่แล้วว่าที่มาขอตัวเองมาจากตรงไหน เพราฉะนั้นมันจะอยู่ที่ตัวเราว่าเราจะเลือกตอบแบบไหนให้ดูดีที่สุดและเลือกตอบแบบไหนที่น่าจะเป็นความจริงที่สุด”
0 comments:
Post a Comment