ปชป.จวกแหลก ตอบแทน"คลิป" ครม.สั่งเด้งแล้ว อธิบดีราชทัณฑ์ สุพัตราปลัดหญิง
![]() พสิษฐ์ ศักดาณรงค์ |
"ปู"เผยยังไม่ได้เปิดดูโผทหาร
เมื่อวันที่ 13 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า บรรยากาศก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นไปอย่างคึกคัก โดยนักศึกษาคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล มา รณรงค์จำหน่าย "ธงวันมหิดล" ซึ่งตรงกับวันที่ 24 ก.ย.ทุกปี เพื่อนำรายได้ไปช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้ และด้อยโอกาส โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และครม. ได้ร่วมบริจาคซื้อธงวันมหิดล นอกจากนี้ ยังมีผู้แทนจากบริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด นำไปรษณียบัตรที่ระลึกเฉลิม พระเกียรติ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 มาจำหน่าย ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ร่วมซื้อไปรษณียบัตรเฉลิมพระเกียรติฯ และเขียนลงนามถวายพระพร รวมทั้งซื้อไปรษณียบัตรแจกสื่อมวลชน เพื่อให้ร่วมลงนามถวายพระพรด้วย โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์เปิดเผยว่า ได้เขียนลงนามถวายพระพรและส่งไปแล้ว
เวลา 08.40 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้สัมภาษณ์ก่อนเป็นประธานประชุมครม. ถึงการนำบัญชีรายชื่อแต่งตั้งนายทหารประจำปีที่พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม ส่งมาให้แล้วขึ้นทูลเกล้าฯว่า ยังไม่ได้ดู เพราะเพิ่งเข้ามาทำงาน ซึ่งอย่าไปตื่นเต้น
เหลิมชี้เด้งอธิบดีคุกไม่เกี่ยวแม้ว
ด้านร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงข่าวพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะเดินทางไปยังประเทศกัมพูชาในวันที่ 16 ก.ย.นี้ว่า ตนไม่ทราบว่าจริงหรือไม่ เมื่อถามว่าเกรงว่าเรื่องนี้จะถูกพรรคประชาธิปัตย์นำไปโจมตี ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ก็ว่าไป พรรคประชาธิปัตย์จะทำอะไรก็ทำ ตนบอกแล้วว่าทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยวางสถานะของพ.ต.ท.ทักษิณ อย่างไร รองนายกฯ กล่าวว่า "ไม่ตอบ ไม่ตอบ ตอบแล้วไม่จบสิ้น บอกไม่ได้ทำอะไรก็ไม่เชื่อ พูดจนบ้านเมืองสับสนหมด ขอเวลาปราบยาเสพติดกับแก้ปัญหาอบายมุข ให้ลูกหลานได้กลับบ้านหัวค่ำ"
เมื่อถามถึงกระแสข่าวโยกย้ายข้าราชการกรมราชทัณฑ์ เพื่อให้มาดูแลและรองรับเรื่องการถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้อดีตนายกฯ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนยังไม่เห็น แม้จะกำกับหน่วยงานนี้ แต่ให้เป็นสิทธิของพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว. ยุติธรรม ตนไม่ก้าวก่าย เมื่อถามว่ามีการมองเพื่อรองรับการกลับมาของอดีตนายกฯ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า คนละเรื่อง สมัยก่อนเปลี่ยนตัวอธิบดีกรมราชทัณฑ์ก็อยากถามว่าเปลี่ยนทำไม สื่อต้องเข้าใจความถูกต้องชอบธรรม ไม่ใช่มีอะไรก็ไปเกี่ยวกับพ.ต.ท. ทักษิณทั้งหมด มันคนละเรื่อง
ฐิติมาตอกมาร์คไม่ต้องมาสอน
นางฐิติมา ฉายแสง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวก่อนประชุมครม.ถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุถึงน.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่จะเดินทางเยือนกัมพูชาในวันที่ 15 ก.ย. ว่าคงรู้หน้าที่ว่าควรทำอย่างไรกับพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาหลบหนีคดีและมีกระแสข่าวจะเดินทางไปกัมพูชาเช่นเดียวกันว่า อยากบอกถึงนายอภิสิทธิ์ ว่าไม่ต้องมาสอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพราะนายกฯรู้ดีว่าตัวเองทำอะไร การไปเยือนประเทศต่างๆ ได้ทำประโยชน์ให้ประเทศชาติและประชาชนและสร้างความสัมพันธ์อันดี ควรกลับไปดูว่ารัฐบาลที่แล้วทำอะไรไว้บ้าง ไปเจรจากับต่างประเทศยังทำเป็นความลับ เพราะอะไรก็รู้กันอยู่
นางฐิติมา กล่าวว่า ขอให้มั่นใจว่าน.ส. ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้ไปทำอะไรเพื่อคนๆหนึ่ง และช่วง 2 ปีที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์ รู้ดีว่าสาเหตุที่ไม่สามารถนำพ.ต.ท.ทักษิณกลับมาได้เพราะอะไร เราคงไม่อยากได้ยินเรื่องอินเตอร์โพลหรือตำรวจสากลอีกแล้วเพราะเป็นเรื่องโกหก หลอกลวงประชาชนมาเป็นปี ทำให้เข้าใจว่าตำรวจสากลออกหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งที่ไม่เป็นความจริง เรื่องนี้อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศยืนยันว่าไม่เป็นเรื่องจริงและไม่มีการออกหมายจับ และการโกหกเช่นนี้รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์จะไม่ทำ
ถามกลับกรณีถลุง 4 หมื่นล้าน
"คุณอภิสิทธิ์ ควรกลับไปดูว่ารัฐบาลที่แล้วว่าทำอะไรไว้บ้าง ไม่ต้องมาสอนสั่ง วันก่อนก็สอนเรื่องงบประมาณน้ำท่วม โดยพยายามบอกว่ารัฐบาลของเขาคงไม่ต้องสอนรัฐบาลนี้ ตรงนี้ดิชั้นจะเอาข้อมูลออกมาให้ดูว่า 4 หมื่นกว่าล้านบาท ที่เอาไปช่วยน้ำท่วมคราวที่แล้ว เอาไปทำอะไรบ้าง และเกิดประโยชน์ในการป้องกันการเกิดน้ำท่วมได้อย่างไร หรือไปใช้อีลุ่ยฉุยแฉก เดี๋ยวมาดูกัน แต่คุณยิ่งลักษณ์ ไปเยือนแต่ละประเทศอย่างสง่างามและได้รับการต้อนรับอย่างสมเกียรติจากทุกประเทศ ทั้งบรูไนและอินโดนีเซีย ฝากถึงรัฐบาลที่แล้วว่าให้กลับไปดูตัวเองว่าทำอะไรไว้ และเป็นปัญหากับประชาชนมากแค่ไหนแล้วยังมาสั่งสอน" นางฐิติมา กล่าว
เมื่อถามว่าแนวทางของรัฐบาลต่อการดำเนินคดีกับพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นอย่างไร นางฐิติมากล่าวว่า ต้องปล่อยไปตามกระบวนการ เราไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย ความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างนายกฯกับพี่ชาย เป็นปกติ ไม่จำเป็นว่าการเดินทางไปต่างประเทศจะต้องไปพบพี่ชาย แต่มีความพยายามหาเรื่องว่าการไปเยือนบรูไนหรือกัมพูชาของนายกฯ จะต้องไปพบพี่ชาย
ปูไม่ตอบกรณีครม.เด้งอธิบดีคุก
เวลา 12.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมครม.ว่า ครม.เห็นชอบแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการกระทรวงยุติธรรมในระดับอธิบดีนิดหน่อย เมื่อถามถึงเสียงวิจารณ์การย้ายอธิบดีกรมราชทัณฑ์เพื่อให้เตรียมทำเรื่องการถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้พ.ต.ท.ทักษิณ น.ส.ยิ่งลักษณ์ปฏิเสธตอบคำถาม กล่าวเพียงว่า เดี๋ยวรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องจะชี้แจงเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการประชุมเสร็จ น.ส.ยิ่งลักษณ์เดินทางเข้าพรรคเพื่อไทย เพื่อประชุมส.ส.พรรค โดยมีเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์และผู้ได้รับผลกระทบจากการรักษาพยาบาลกว่า 30 คน นำโดยนางปรียนันท์ ล้อเสริมวัฒนา ประธานเครือข่าย มารอยื่นหนังสือ เรียกร้องให้ครม.มีมติลงนามยืนยันพิจารณาร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข พ.ศ. ... ซึ่งค้างในการพิจารณาของสภาผู้แทนฯ ทั้งนี้ร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวเป็นการพัฒนานโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคให้สมบูรณ์ขึ้น เช่น การรักษาพยาบาล การชดเชยความเสียหาย การพัฒนาระบบป้องกันความเสียหายเพื่อรักษาชีวิตคนไข้ให้ปลอดภัยมากขึ้น โดยน.ส.ยิ่งลักษณ์มอบเรื่องดังกล่าวให้นายวิทยา บุรณศิริ รมว.สาธารณสุข พร้อมระบุว่า จากที่เห็นผู้ป่วยทำให้ตนรู้สึกสะเทือนใจ
รองโฆษกย้ำนโยบายรบ.เห็นผล
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมครม. ว่า เรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการเป็นไปตามฤดูกาล ยึดหลักเลือกคนให้เหมาะสมกับงาน ดังนั้น หากสื่อพาดหัวข่าวให้ประชาชนตื่นเต้น หวือหวา ว่าล้างบาง เปลี่ยนขั้ว อาจจะต้องอ่านและฟังอย่างมีสติ เพราะเป็นการปรับเปลี่ยนเลือกคนให้ตรงกับงาน อย่างไรก็ตาม มีคนตั้งข้อสังเกตว่าการทำงานของรัฐบาลชุดนี้มีความรวดเร็วทำงานได้ดีหลายเรื่อง อาทิ ราคาน้ำมันที่ปรับลดลง 7-8 บาท ประหยัดเงินไปได้ 400-500 บาท ถือเป็นการกระชากค่าครองชีพให้ประชาชน แต่ผลกระชากค่าครองชีพนั้นอาจไม่เกิดในทันที แต่รัฐบาลมีความจริงใจ แก้ไขปัญหา
นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ช่วงนี้ประชาชนควรบริโภคข่าวสารที่เป็นสิทธิประโยชน์ คนที่เป็นแฟนมวยศึกอัศวินดำ ซาดิสต์ ชอบการตอบโต้ทางการเมือง อาจจะพลาดโอกาสเข้าถึงสิทธิพิเศษต่างๆ ที่รัฐบาลมอบนโยบายหลายเรื่องให้ประชาชนตามที่หาเสียงไว้ และเป็นนโยบายแถลงต่อรัฐสภา เพราะขณะนี้เป็นนโยบายที่เริ่มต้นปฏิบัติได้จริงแล้ว
น.ส.อนุตตมา อมรวิวัฒน์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุม ครม.ว่า ประเด็นวาระที่พิจารณาใน ครม. ตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา เป็นส่วนที่บรรจุอยู่ในนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ผ่านการกลั่นกรองอย่างดีและสร้างสรรค์ รัฐบาลทำงานไม่ถึงเดือน แต่มีเป้าหมายวางรากฐานพัฒนาประเทศด้านต่างๆ อยากให้ประชาชนทุกคนใจเย็นๆ ดูความตั้งใจและผลงานที่ผ่านมา รัฐบาลขอเวลา 6 เดือนแล้วค่อยมาวัดผล ให้เวลาเป็นเครื่องตัดสิน ทั้งนี้ยินดีรับคำติชมในเชิงสร้างสรรค์ อะไรที่เป็นคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติ ยินดีรับฟัง
อนุมัติย้าย 8 บิ๊กขรก.ยุติธรรม
นายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมครม. ว่า ครม.เห็นชอบแต่งตั้งโยกย้ายผู้บริหารระดับสูงกระทรวงยุติธรรม 8 ราย นายชาติชาย สุทธิกลม จากอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เป็นรองปลัด นางสุวณา สุวรรณ จูฑะ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เป็นรองปลัด นายพิทยา จิณาวัฒน์ รองปลัด เป็นอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ นางสุรีย์ประภา ตรัยเวช เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เป็นรองปลัด
พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันตชัย ผู้ตรวจราชการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) เป็นอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายอำพล วงศ์ศิริ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตใจภาครัฐ (ป.ป.ท.) เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ ผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม เป็นเลขา ธิการป.ป.ท. พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ รักษาการเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เป็นเลขาธิการปปง.
ตั้งแล้วปลัดท่องเที่ยวฯ-เกษตรฯ
นายชลิตรัตน์ กล่าวต่อว่า ครม.ยังมีมติให้นายสุวัตร สิทธิหล่อ อธิบดีกรมพลศึกษา เป็นปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา น.ส.สุพัตรา ธนเสนีย์วัฒน์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นปลัด นายวรเดช หาญประเสริฐ ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม เป็นอธิบดีกรมการบินพลเรือน นายสมชัย ศิริวัฒนโชค ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม เป็นอธิบดีกรมการขนส่งทางบก นายสมชาย จันทร์รอด อธิบดีกรมการบินพลเรือน เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง
นายฉัตรพงศ์ ฉัตราคม ที่ปรึกษาด้านการดำเนินงานข่าวกรองในประเทศ นักการข่าวทรงคุณวุฒิ กลุ่มงานที่ปรึกษาสำนักข่าวกรองแห่งชาติ เป็นรองผอ.สำนักข่าวกรองแห่งชาติ นอกจากนี้ สำนักงานคณะกรรม การประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) ต่อเวลาดำรงตำแหน่งการปฏิบัติหน้าที่ของนายเฉลิมเกียรติ แสนวิเศษ เป็นเลขาธิการกปร.อีก 1 ปี
ฮือฮาพสิษฐ์นั่งกุนซือรมว.สธ.
นอกจากนี้ ครม.เห็นชอบแต่งตั้งข้าราช การเมืองอีกหลายตำแหน่ง อาทิ นายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ เป็นที่ปรึกษารมว.สาธารณสุข นายมานะ คงวุฒิปัญญา เป็นที่ปรึกษารมว.คมนาคม (อ่านรายละเอียด น.3)
ด้านพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์กรณีถูกทาบทามให้มาช่วยรักษาราชการแทนในตำแหน่งเลขา ธิการป.ป.ส. ว่า พล.ต.อ.ประชา ทาบทามตนตั้งแต่เมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว ให้ไปเป็นเลขาฯป.ป.ส.เป็น 1 ปี เป็นการไปช่วยราชการแทนเท่านั้น ยังคงดำรงตำแหน่งเป็นรองผบ.ตร.อยู่ โดยให้ไปดูงานเรื่องยาเสพติด ตำแหน่งนี้ไม่จำเป็นต้องนำเข้าพิจารณาในครม. เป็นการขอตัวและมอบหมายให้รักษาการจะเริ่มทำงานวันที่ 1 ต.ค.
นางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เปิดเผยภายหลังทราบมติครม.ให้ไปดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงยุติธรรมว่ายอมรับได้ สิ่งที่อยากฝากให้อธิบดีคนใหม่สานต่อคือการผลักดันแผนสิทธิมนุษยชน คงเป็นเรื่องดีหากได้รับมอบหมายให้ดูแลงานของกรมคุ้มครองสิทธิฯเนื่องจากจะทำให้การทำงานมีความต่อเนื่อง และสามารถผลักดันงานในฝ่ายนโยบายได้มากขึ้น
ส.ว.หนุนเด้งอธิบดีราชทัณฑ์
ด้านนายกฤช อาทิตย์แก้ว ส.ว.กำแพง เพชร กล่าวว่า การย้ายนายชาติชายถือเป็น การโยกย้ายตามปกติ ไม่ได้ขัดต่อธรรมเนียมปฏิบัติที่เคยมีมา ส่วนที่อ้างว่าเกี่ยวข้องต่อการเตรียมความพร้อมเพื่อยื่นถวายฎีกาขออภัยโทษให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรนั้น เป็นเพียงการคาดการณ์ของบุคคล หากนายชาติชาย ยังอยู่ตำแหน่งเดิมก็ใช่ว่าจะไม่สามารถยื่นฎีกาขออภัยโทษได้ เรื่องนี้จึงไม่ใช่สาเหตุให้เกิดการโยกย้ายอย่างแน่นอน
นายกฤช กล่าวว่า สาเหตุที่โยกย้ายนายชาติชาย น่าจะมาจากผลงานที่ผ่านมาของอธิบดีเอง ที่มีความผิดพลาดอยู่หลายประการ ทั้งการปล่อยให้ยาเสพติดแพร่หลายในเรือนจำจำนวนมาก ละเลยให้ใช้โทรศัพท์เพื่อติดต่อซื้อขายยาเสพติด รวมถึงการควบคุมที่ไม่เข้มงวดจนนักโทษประท้วงภายในเรือนจำได้ ถ้าตนมีอำนาจคงให้ย้ายนายชาติชาย ไปแค่ในระดับกรม น่าจะพอ เพราะไม่เคยเห็นบทลงโทษจากอธิบดีกรมราชทัณฑ์ที่ใครทำผิดหรือปล่อยปละละเลยต้องได้รับโทษสักราย ดังนั้น การโยกย้ายนายชาติชาย ไปเป็นรองปลัดฯถือว่าเหมาะสม ไม่ได้ตกต่ำกว่าเดิม หรือ ต้องเรียกว่าถูกหวยด้วยซ้ำ เพราะยังเหลือความเป็นธรรมให้มากแล้วสำหรับบทเรียนในยุคนี้
มาร์คโยงเด้งเพื่อช่วยฎีกาทักษิณ
เวลา 11.00 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงข่าวโยกย้ายอธิบดีกรมราชทัณฑ์ว่า ตำแหน่งนี้มีความสำคัญเกี่ยวกับการทำความเห็นการได้รับพระราชทานอภัยโทษ และคงไม่ช่วยให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะบริหารงานเพื่อประโยชน์ส่วนรวม เป็นการวนกลับมาที่เดิม ทั้งเรื่องของพ.ต.ท.ทักษิณ และพวกพ้อง ซึ่งการที่รัฐบาลมักให้สัมภาษณ์และเคลื่อนขบวนเกี่ยวกับปัญหาของพ.ต.ท.ทักษิณ กับการบังคับใช้กฎหมาย ถือว่าไม่เป็นผลดี แทนที่จะมุ่งแก้ปัญหาประชาชน แต่ดูเหมือนกลไกราชการ การบริหารงานบุคคล ต้องไปรับใช้สิ่งเหล่านี้ ซึ่งไม่เหมาะสม
เมื่อถามว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ระบุว่าการยื่นฎีกาเป็นเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวกับนโยบาย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การยื่นฎีกาเป็นเรื่องส่วนตัว แต่นายกฯจะต้องเป็นผู้รับการยื่นฎีกา จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ เพราะมีหน้าที่ถวายความเห็น ซึ่งต้องทำอย่างตรงไปตรงมา จริงๆ เมื่อประเด็นชัดเจนแล้ว นายกฯก็ทราบว่าคืออะไร ดังนั้น ถ้าอยากให้ส่งสัญญาณว่ารัฐบาลไม่เลือกปฏิบัติ จะต้องมีนโยบายชัดเจนเช่นเดียวกัน
ส่วนที่มีความพยายามบิดเบือนความผิดของพ.ต.ท.ทักษิณว่าเป็นคดีทางการเมืองนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีคดีการเมือง คดีที่เกิดขึ้นเป็นไปตามกฎหมาย คดีที่ตัดสินไปแล้วก็เป็นไปตามกฎหมายป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ส่วนที่ทุจริตก็เป็นคดีอาญาทั้งสิ้น ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับความเชื่อหรือจุดยืนทางการเมืองเลย ประชาชนต้องการเห็นรัฐบาลมาทำงานให้ประชาชน ไม่ใช่ทำให้เฉพาะพวกพ้อง แต่กลับมาหยิบเรื่องส่วนตัวที่ไม่เป็นผลดีกับรัฐบาล
โต้ฮุนเซนยันมีสิทธิวิจารณ์เขมร
เมื่อถามถึงแนวทางที่กระทรวงการต่างประเทศควรปฏิบัติ หากพ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางมายังประเทศกัมพูชาในวันที่ 16 ก.ย.นี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องเริ่มจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งกระทรวงการต่างประเทศ อัยการ ตำรวจ และกระทรวงยุติธรรม ต้องทำร่วมกันในการแจ้งไปให้ชัดเจนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีสถานะในประเทศอย่างไร ส่วนกัมพูชาจะมีท่าทีอย่างไร เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เรื่องนี้รัฐบาลไม่มีหน้าที่บอกว่าใครผิดหรือไม่ เพราะเป็นหน้าที่ของศาล รัฐบาลมีหน้าที่ปฏิบัติเพื่อให้คำพิพากษาของศาลบังคับใช้ได้
เมื่อถามว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเดินทางไปกัมพูชาในวันที่ 15 ก.ย.นี้และพ.ต.ท. ทักษิณจะไปวันที่ 16 ก.ย. คิดว่าจะมีการเจรจาที่ส่งผลประโยชน์ของชาติหรือประโยชน์ส่วนตัวหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า รัฐบาลมีหน้าที่รักษาผลประโยชน์ของประเทศ ส่วนที่สมเด็จฮุนเซน นายกฯกัมพูชา พูดว่าไม่ให้ตนพูดเรื่องกัมพูชา มันคงไม่ได้ ตนพูดไม่ได้มีอะไรกับกัมพูชา แต่ต้องการปกป้องผลประโยชน์ประเทศตามสิทธิ์คนไทย สมเด็จฮุนเซนก็มีหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ของกัมพูชา
เมื่อถามว่าเกรงหรือไม่ว่าจะมีการทำเรื่องนี้แบบลับๆ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าทำแบบนั้นก็ผิดกฎหมาย แต่เรายังไม่ทราบว่ารัฐบาลจะดำเนินการอย่างไร ดังนั้นควรมีความชัดเจนว่าจะหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาโดยใช้กรอบเดิมหรือจะเปลี่ยนกรอบ หากเปลี่ยนกรอบจะเปลี่ยนอย่างไร
ปชป.แนะปูหยุดเยือนอาเซียน
ที่รัฐสภา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) แถลงว่า จากการติดตามสถานการณ์บริหารราชการแผ่นดินในช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลควรยุติการดำเนินงานใน 3 ด้าน ได้แก่ 1.มุ่งทำเพื่อประโยชน์ของคนคนเดียว 2.หยุดล้างแค้น ล้างบางรังแกข้าราชการประจำ และ 3.อยากเห็นนายกฯหยุดตระเวนต่างประเทศเป็นการชั่วคราว แม้จะเป็นภารกิจจำเป็นเพื่อแนะนำตัว แต่เห็นว่าภายใน 3 เดือนนี้น่าจะหยุด เพื่อมาแก้ไขปัญหาประชาชน ทั้งปัญหาน้ำท่วมและปัญหาค่าครองชีพ
นายจุรินทร์ กล่าวว่า กรณีรัฐบาลพยายามติดตามเรื่องการถวายฎีกาเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษให้พ.ต.ท.ทักษิณ วิปขอตั้งข้อสังเกตการตั้งคณะกรรมการชุดที่ตั้งโดยรมว.ยุติธรรมเพื่อทำความเห็นเรื่องถวายฎีกา ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ได้รับประโยชน์
หรือไม่ รวมถึงการทำความเห็นของรมว. ยุติธรรมว่า เป็นไปตามมาตรฐานที่เคยมี เช่น กรณีผู้ต้องคดียังอยู่ในการหลบหนีคดีจะไม่ทำความเห็นหรือไม่ขอพระราชทานอภัยโทษ ประเด็นเหล่านี้ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป
เด็จพี่โต้อู๊ดด้า-ชี้"ปู"แบ่งเวลาเป็น
เวลา 16.15 น. ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรค แถลงหลังประชุมส.ส. ที่มีพ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็นประธานว่า ที่ประชุมแจ้งให้ส.ส.ลงพื้นที่ช่วยเหลือน้ำท่วม รับเรื่องร้องเรียนแล้วประสานฝ่ายบริหารเพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชนอย่างทันท่วงที พ.อ.อภิวันท์ยังแจ้งมติโดยขอให้ส.ส.พรรคเข้าประชุมสภาอย่างต่อเนื่อง แม้บางพื้น ที่ส.ส. ต้องเข้าไปดูแลผู้เดือดร้อนและประ สบปัญหาน้ำท่วม แต่ต้องแบ่งเวลา เพราะไม่อยากให้การประชุมสภามีปัญหา ที่ประชุมชี้แจงครม.มีมติลดภาษีรถยนต์คันแรก ซึ่งรัฐบาลบริหารงานมาเพียง 21 วัน สามารถ ขับเคลื่อนนโยบายได้แล้ว สมาชิกพรรคต่างชื่นชมการทำงานของฝ่ายบริหาร
นายพร้อมพงศ์ กล่าวโจมตีประธานวิปฝ่ายค้านว่าดิสเครดิตรัฐบาล เล่นการเมืองไม่สร้างสรรค์ เราไม่ได้ทำเพื่อคนๆเดียว แต่ทำเพื่อคนทั้งประเทศ กรณีแต่งตั้งโยกย้ายนั้น เป็นไปตามขั้นตอน ตามความเหมาะสม ใช้คนให้ถูกกับงาน ไม่ได้รังแกข้าราชการ การโยกย้ายยุครัฐบาลประชาธิปัตย์มีปัญหากว่านี้ ส่วนกรณีขอให้นายกฯหยุดเดินทางไปต่างประเทศนั้น นายกฯแบ่งเวลาอย่างดี ไปเจรจาสร้างสัมพันธ์กับต่างชาติ แต่ก็ลงพื้นที่ช่วยน้ำท่วมอย่างรวดเร็ว นายกฯคิดเร็ว ทำเร็ว เพียงแต่พูดไม่เร็วเท่านั้น นายกฯต้อง การบริหารบ้านเมือง ไม่ใช่บริหารการเมือง
"แม้เราบริหารงานไม่นาน แต่ผลงานทั้งการลดราคาน้ำมัน การปราบปรามยาเสพติดที่เป็นวาระแห่งชาติ รวมทั้งลดภาษีรถยนต์คันแรกก็ทำแล้ว เราบริหารงานเพียง 21 วัน ทำมากกว่าสองปีของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์เสียอีก ดังนั้นขอให้ติติงเพื่อประโยชน์ ไม่ใช่การดิสเครดิต บิดเบือนข้อเท็จจริง ซึ่งไม่เป็นประโยชน์กับประชาชน" นายพร้อมพงศ์กล่าว
เผย 50 ส.ส.เตรียมแข่งบอลกัมพูชา
โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การแข่งขันฟุตบอลกระชับมิตรระหว่างส.ส.เพื่อไทย-คนเสื้อแดง กับรัฐบาลกัมพูชานั้น ไม่ได้ถูกหยิบยกมาหารือในที่ประชุม แต่คุยกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ยืนยันว่าจะเดินทางไปแข่งบอลที่กัมพูชาแน่นอน ขณะนี้มีส.ส.เขตและบัญชีรายชื่อกว่า 50 คน แจ้งความประสงค์เข้าร่วมทีม ซึ่งเราจะเตรียมทีมอย่างดี ไม่ให้น้อยหน้า สำหรับพ.ต.ท.ทักษิณนั้นยังไม่ทราบว่าเดินทางมาร่วมหรือไม่ ไม่ได้พูดคุยกัน
นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาพ.ต.ท. ทักษิณ กล่าวถึงสมเด็จฮุนเซน นายกฯกัมพูชา ระบุพ.ต.ท.ทักษิณจะไปกัมพูชา 16-24 ก.ย.ว่า ไม่แน่ใจว่าพ.ต.ท.ทักษิณจะไปกัมพูชาตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. ตามที่สมเด็จฮุนเซนระบุหรือไม่ ตนเข้าใจว่าไม่น่าจะอยู่ยาวจนถึงวันที่ 24 ก.ย. เพราะพ.ต.ท.ทักษิณมีคิวขึ้นบรรยายวันที่ 19 ก.ย. ขณะนี้สามารถยืนยันได้เพียงอย่างเดียวว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะเดินทางไปกัมพูชาหลังจากน.ส.ยิ่งลักษณ์ออกจากกัมพูชาแล้ว กรณีส.ส.จำนวนมากเตรียมเดินทางไปพบพ.ต.ท.ทักษิณที่กัมพูชานั้น ที่ผ่านมาส.ส.พรรคเดินทางไปพบ พ.ต.ท. ทักษิณเป็นระยะๆ อยู่แล้ว เมื่อทราบว่าจะเดินทางมายังประเทศใกล้ๆ คงถือโอกาสไปเยี่ยมตามปกติ ตนก็ได้รับเชิญให้ไปร่วมงานสัมมนาด้วย แต่ไม่แน่ใจว่าจะไปหรือไม่
นายพายัพ ชินวัตร ประธานภาคอีสาน พรรคเพื่อไทย กล่าวภายหลังการประชุม ส.ส.ภาคอีสานว่า ที่ประชุมส.ส.อีสานพูดคุยเรื่องนี้บ้าง แต่ไม่ได้พูดคุยเป็นทางการ กลัวจะแห่ไปกันเยอะ คุยแค่ว่าเมื่อพ.ต.ท.ทักษิณมา ใครอยากไปพบก็ไป ให้เป็นเรื่องส่วนตัวและแยกย้ายกันไป บางคนไปรถ บางคนไปเครื่องบินเพราะงานนี้เป็นงานวัด ส.ส.ถอดหมวกผู้แทนออก ไปพบในฐานะคนรู้จักคุ้นเคยกัน สำหรับตนไม่แน่ใจว่าจะไปหรือ เพราะไม่ค่อยสบาย
เนวินปลอบภท.-รออีก 8 เดือน
ที่พรรคภูมิใจไทย มีการประชุมคณะกรรมการบริหารและส.ส.พรรค มีนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค เป็นประธานในที่ประชุม มีแกนนำคนสำคัญของพรรค อาทิ นายเนวิน ชิดชอบ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน นายสรอรรถ กลิ่นประทุม เข้าร่วมด้วย
รายงานข่าวแจ้งว่า นายเนวิน กล่าวกับสมาชิกพรรคว่า ขณะนี้มีการตั้งคำถามเข้ามามากว่าพรรคจะเดินหน้าอย่างไร ตอนนี้อย่าไปรีบร้อนอะไรเพราะเขาเพิ่งตั้งรัฐบาลเสร็จไม่กี่วัน ฝุ่นยังไม่หายตลบ ควรให้โอกาส ทำงานไปก่อน ส่วนของพรรคจะเดินหน้าทำกิจกรรมเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับพรรค เพราะในอีก 8 เดือน ประมาณช่วง พ.ค.55 จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน เพราะบ้านเลขที่ 111 จะถูกปลดล็อกทาง การเมือง
นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคภูมิใจไทย แถลงว่ารัฐบาลไม่ให้น้ำหนักในการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน โดยเฉพาะเรื่องน้ำท่วม แต่ไปให้ความสำคัญกับการดำเนินการทางการเมืองโดยเฉพาะการช่วยเหลือพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ขณะที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็เดินทางไปเยือนเพื่อนบ้านประเทศอาเซียน แม้จะเป็นเรื่องจำเป็น แต่ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ถ้าเปรียบเทียบกับความเดือดร้อนของประชาชน
นายศุภชัย กล่าวถึงการโยกย้ายข้าราช การระดับสูงในขณะนี้ว่า เป็นแนวทางที่สวนทางกับคำพูดของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ในวันรับตำแหน่งนายกฯว่าจะแก้ไข ไม่แก้แค้น แต่ความจริงเป็นการแก้แค้น ไม่ได้แก้ไข โดยให้เหตุผลการโยกย้ายว่าเป็นคนของรัฐบาลชุดเก่า ไม่ได้โยกย้ายตามคุณสม บัติหรือความสามารถ ทำให้เกิดบรรยากาศน่าสะพรึงกลัวต่อข้าราชการ หวาดหวั่น เสียขวัญ หมดกำลังใจ
รายงานข่าวแจ้งว่า พรรคภูมิใจไทยวิเคราะห์ว่าหากรมว.มหาดไทย จะเด้งปลัดกระทรวงมหาดไทยแล้วแต่งตั้งนายพระนาย สุวรรณรัฐ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ขึ้นมาแทนนั้น เป็นไปได้ยากและต้องคิดให้รอบครอบ เพราะจะทำให้รมว.มหาดไทยไม่มีอำนาจเต็มที่
ปชป.สบช่องด่าปูไม่แก้ไข
เวลา 15.40 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรค แถลงผลประชุมส.ส.ว่า นายอภิสิทธิ์ย้ำให้ส.ส.พรรคแสดงความเห็นที่ชัดเจนว่ารัฐบาลนี้มุ่งช่วยเหลือพ.ต.ท.ทักษิณ ทำลายระบบนิติรัฐนิติธรรมของประเทศ ละเลยการช่วยเหลือประชาชนทั้งเรื่องน้ำท่วมและค่าครองชีพ พร้อมย้ำให้ส.ส.ทุกคนทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ ระดมสรรพกำลังเต็มที่ช่วยเหลืออุทกภัย ขณะนี้สารพัดโฆษกฝ่ายรัฐบาลพูดในสิ่งที่ไม่เป็นสาระต่อประเทศ ไม่มีเหตุผลต้องไปตอบโต้ทางการเมืองขณะที่ประชาชนยังลำบากอยู่ ถ้ารัฐบาลยังเดินหน้าย้ายข้าราชการ ช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ เตะบอลกับกัมพูชาก็เดินหน้าไป แต่เราฝ่ายค้านจะทำงานช่วยประชาชนเอง
นายสกลธี ภัททิยกุล รองโฆษกพรรค กล่าวว่า วลีที่น.ส.ยิ่งลักษณ์พูดว่าแก้ไขไม่แก้แค้น แต่แนวทางตลอด 1 เดือน กลายเป็นแก้แค้น ไม่แก้ไข โดยเฉพาะการย้ายล้างบางข้าราชการกระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติฯ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯเพิ่งมาได้ไม่กี่วัน แต่รู้งานดีถึงขนาดย้ายเป็นร้อยตำแหน่ง การโยกย้ายของกระทรวงยุติธรรมก็ไม่เหนือความคาดหมาย รัฐบาลสาละวนอยู่กับการช่วยเหลือคนๆ เดียว โดยเฉพาะตำแหน่งอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ก่อนหน้านี้มีความพยายามย้ายญาติพี่น้องตัวเองให้เป็นผบ.ตร.มาแล้ว ทั้งนี้ การแต่งตั้งอธิบดีกรมราชทัณฑ์เกิดขึ้นหลังข่าวคุกการเมือง สอด คล้องกับความพยายามช่วยเหลือใครที่จะ ออกมาในอนาคต โฆษกรัฐบาลบอกว่าย้ายเพื่อความเหมาะสม แต่เป็นความเหมาะสมของคนตระกูลชินวัตรมากกว่า จากนี้ไปจะมีอีกเยอะ ข้าราชการที่ถูกโยกย้าย 98 เปอร์เซ็นต์เชื่อมโยงกับการช่วยเหลือรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณมาตั้งแต่ก่อนปฏิวัติปี"49 ทั้งสิ้น การย้ายแบบนี้ต้องมีข้าราช การลูกหม้อหลายหน่วยงาน ไม่มีโอกาสเจริญเติบโตทางราชการ
พสิษฐ์ได้ดี-หลอกปชป.มาติดกับ
นายสกลธี กล่าวถึงครม.แต่งตั้งนายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ อดีตเลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญ เป็นที่ปรึกษารมว.สาธารณ สุขว่า เป็นความเชื่อมโยงชัดเจน นายพสิษฐ์เป็นตัวละครสำคัญในเหตุการณ์วิกฤตศาลรัฐธรรมนูญ เกี่ยวกับคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ วางแผนให้นายวิรัช ร่มเย็น อดีตกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ มาติดกับ รัฐบาลจึงตอบแทนข้าราชการที่สวามิ ภักดิ์ ถามว่านายพสิษฐ์มีความรู้ด้านสาธารณ สุขอย่างไร กรณีนี้ถือเป็นการดูถูกประชาชน อย่าคิดว่า 15 ล้านเสียงเลือกพรรคเพื่อไทยเข้ามาแล้วจะทำอะไรก็ได้ ตั้งข้อสังเกตว่าตำแหน่งอธิบดีกรมราชทัณฑ์ของพ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย เป็นจิ๊กซอว์คดียุบพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเป็นคนทำคดีทั้งหมด เป็นการตอบแทนชัดเจน
ส่วนนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอไม่โดนย้ายอยู่คนเดียวนั้น นายสกลธีกล่าวว่า เราก็สงสัย รัฐบาลต้องระวังกระแสสังคม ย้ายพร้อมกันเยอะๆ เป็นการตัดไม้ข่มนามหรือไม่ อาจเกิดแรงกระเพื่อมของข้าราชการได้ โดยเฉพาะต้องจับตาการทำคดีสำคัญของดีเอสไอ ลองให้โอกาสนายธาริตดูว่าแนวโน้มการทำงานเป็นอย่างไรต่อไป ทั้งนี้ สำนวนต้นทางที่สำคัญในมือดีเอสไอนั้น ทีมกฎหมายประชาธิปัตย์จับตาการทำหน้าที่ของนายธาริตอยู่ สมัยประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล นายธาริตพูดเสมอว่าทำตามตัวบทกฎหมาย ของอย่างนี้จึงบิดเบือนไม่ได้
ซัดเขมรจับมือแม้วล้มรบ.มาร์ค
ด้านนายอรรถพร พลบุตร รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเดินทางไปเยือนกัมพูชาของน.ส.ยิ่งลักษณ์ และพ.ต.ท. ทักษิณ รวมทั้งการจัดแข่งขันฟุตบอลกระชับความสัมพันธ์ระหว่างส.ส.ของทั้ง 2 ประเทศว่า เพื่อขจัดความรู้สึกเคลือบแคลงสงสัยในประเด็นผลประโยชน์ทับซ้อน ขอเรียกร้องให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ประกาศจุดยืนของรัฐบาลในปัญหาพื้นที่ 4.6 ตารางกิโล เมตรบนปราสาทพระวิหาร ซึ่งรัฐบาลชุดก่อนถือเป็นดินแดนของประเทศไทยมาตลอด รวมทั้งจุดยืนต่อการพัฒนาแหล่งก๊าซธรรมชาติในพื้นที่ทับซ้อนของอ่าวไทย
นายอรรถพร กล่าวว่า ถ้าน.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ประกาศความชัดเจนในเรื่องนี้ ประชาชนจะระแวงสงสัยในบทบาทของรัฐบาล และมีสิทธิตั้งข้อสงสัยว่า สงครามที่เกิดขึ้นบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาเมื่อเดือนก.พ. จนมีทหารและประชาชนไทยเสียชีวิต รวมถึงความตึงเครียดของสองประเทศที่เกิดในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์เกิดขึ้นจากพัฒนาการของความขัดแย้งที่แท้จริง หรือเป็นแนวรบที่พ.ต.ท. ทักษิณและสมเด็จฮุนเซนจับมือกันก่อสงครามกับประเทศไทยเพื่อล้มรัฐบาลชุดที่แล้ว ส่วนที่รัฐบาลจะเร่งเจรจาช่วยเหลือนายวีระ สมความคิด และน.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ จากคุกกัมพูชานั้น เป็นมาตรการที่ถูกต้องเหมาะสมและควรกระทำโดยเร่งด่วน
กกต.นัดถกสถานภาพจตุพร
รายงานข่าวจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยว่า ในการประชุมกกต.วันที่ 14 ก.ย. คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของสำนักงานกกต.ที่พิจารณากรณีนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้งเพราะถูกคุมขังโดยหมายของศาล อาจเป็นเหตุให้ขาดจากความเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยและส่งผลให้ความเป็นส.ส.ของนายจตุพรสิ้นสุดลงหรือไม่ โดยคณะกรรมการจะเสนอเรื่องดังกล่าวให้นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ขอความเห็นชอบต่อที่ประชุม กกต.เพื่อส่งเรื่องไปยังประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 91 เนื่องจากคณะกรรมการเห็นว่าการที่นายจตุพรไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง อาจส่งผลให้ขาดจากความเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยและทำให้สมาชิกสภาพการเป็นส.ส. ของนายจตุพรสิ้นสุดลงได้ ส่วนการลบชื่อนายจตุพร ออกจากระบบฐานข้อมูลการเป็นสมาชิกพรรคหรือไม่นั้น ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยในภายหลังต่อไป
กฤษฎีกาถกนัดแรก 11 กสทช.
เวลา 12.45 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอัชพร จารุจินดา เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุม ครม. ถึงความคืบหน้าการพิจารณาข้อกฎหมายตามที่นายกฯได้ขอความเห็นการเสนอชื่อ 11 คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคม นาคมแห่งชาติ (กสทช.) ขึ้นทูลเกล้าฯ เนื่อง จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับคดีการสรรหากสทช. เป็นไปโดยมิชอบ เป็นคดีพิเศษซึ่งอาจมีผลต่อการเสนอชื่อว่า บ่ายวันเดียวกันนี้ คณะกรรมการกฤษฎีกา คณะที่ 2 ที่มีนายวิษณุ เครืองาม เป็นประธาน จะประชุมนัดแรก โดยจะพิจารณาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายว่าการใช้อำนาจของดีเอสไอ จะมีผลให้การดำเนินการทำได้หรือไม่ อีกทั้งจะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงด้วย คาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน น่าจะจัดทำความเห็นในเรื่องนี้เสร็จภายในสัปดาห์นี้ เพราะจะมีการส่งรายชื่อ กสทช. ให้นายกฯ แต่ถ้าเนื้อหามีความซับซ้อน อาจยืดเวลาพิจารณาออกไปตามความเหมาะสม
นายอัชพร กล่าวว่า คณะกรรมการไม่รู้สึกหนักใจ ยืนยันว่าการพิจารณาของกฤษฎีกาไม่ได้ลงลึกว่าการสรรหา กสทช. ชอบหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่เป็นการให้ความเห็นเพื่อให้นายกฯใช้ประกอบการตัดสินใจนำรายชื่อกสทช.ขึ้นทูลเกล้าฯ
รมต.ไม่ต่อสัญญารายการด่ารบ.
รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทย แจ้งว่า ในการประชุมส.ส.พรรคเพื่อไทย หลังจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินทางออกจากที่ประชุม ได้วิเคราะห์สถานการณ์การเมือง โดยร.ต.อ. เฉลิม วิเคราะห์ตอนหนึ่งว่า ที่พรรคประชาธิปัตย์ออกมากระทุ้งประเด็นพ.ต.ท.ทักษิณ และจะตั้งกระทู้ถามในสภานั้น พร้อมตอบทุกคำถาม ซัดมาก็ซัดไป ทุกคำถามมีคำตอบรออยู่แล้ว นอกจากนี้ในที่ประชุม รัฐมนตรีบางรายยังกำชับส.ส.ให้ขยันเข้าร่วมประชุมสภาโดยจะประเมินผลงาน ทำให้ส.ส.บางรายลุกขึ้นแสดงความเห็นโต้ตอบว่าอยากให้รัฐมนตรีทำการบ้านมากกว่านี้ และควรไปชี้แจงตอบกระทู้ในสภาบ้าง รวมถึงการตอบโต้ประเด็นของพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งส.ส.และรัฐมนตรีต้องขยันทั้งคู่ ถ้าจะประเมิน ส.ส.ก็ต้องประเมินรัฐมนตรีด้วย
รายงานข่าว แจ้งว่า ที่ประชุม ส.ส.พรรคยังวิเคราะห์ว่า ขณะนี้รัฐบาลมีแต่เรื่องร้อน ซึ่งบางเรื่องก็ไม่จริง แต่เข้าใจว่าพรรคประชาธิปัตย์มีสัมพันธ์ที่ดีกับสื่อบางสำนัก ที่รับมุขกับพรรคประชาธิปัตย์มาตลอด โดยเฉพาะช่อง 11 ที่มีรายการโจมตีรัฐบาล จุดเรื่องไม่เป็นเรื่องให้เป็นประเด็นได้ ซึ่งต้องหาวิธีแก้ไข ขณะเดียวกันต้องประชาสัมพันธ์ผลงานชี้แจงและโต้ตอบให้มากขึ้น ไม่ใช่มาตั้งรับอยู่อย่างนี้ โดยเสนอให้ตั้งโฆษกประจำทุกกระทรวง พร้อมมอบให้ฝ่ายยุทธศาสตร์ของพรรคไปคิดหารูปแบบการทำประชา สัมพันธ์เชิงรุก ทั้งนี้ หลังการอภิปรายในที่ประชุม น.ส.กฤษณา สีหลักษณ์ รมต.สำนักนายกฯกำกับดูแลสื่อ ชี้แจงว่าสิ้นเดือน ก.ย.นี้ รายการเหล่านี้จะหมดไปตามสัญญาเช่า ซึ่งจะไม่มีการต่อสัญญาให้
ครม.ตั้งอุกฤษนั่งปธ.กก.นิติธรรม
เมื่อวันที่ 13 ก.ย. รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม เสนอให้ครม.พิจารณาร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยหลักนิติธรรมแห่งชาติ โดยผ่านความเห็นชอบของร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯและน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ ซึ่งให้เหตุผลถึงความจำเป็นที่ต้องเสนอครม.ว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 3 วรรค 2 กำหนดการปฏิบัติหน้าที่ของสภา ครม. ศาล องค์กรตามรัฐธรรมนูญ และหน่วยงานรัฐ เป็นไปตามหลักนิติธรรม ดังนั้น เพื่อเป็นหลักประกันการมีกฎหมายที่สอดคล้องกับหลักนิติธรรม การใช้กฎหมายด้วยความเป็นธรรม สุจริต ภายใต้มาตรฐานเดียวกัน และเพื่อให้บุคลากรมีสิทธิเสรีภาพเสมอภาคได้รับความยุติธรรม โดยไม่เลือกปฏิบัติ รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่นในการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ นายกฯจึงให้กระทรวงยุติธรรมจัดตั้งคณะกรรมการอิสระว่าด้วยหลักนิติธรรมแห่งชาติ (คอ.นธ.) ขึ้น โดยออกเป็นระเบียบสำนักนายกฯว่าด้วยหลักนิติธรรมแห่งชาติ พ.ศ. ... เพื่อบังคับใช้และหลังประกาศใช้ ให้แต่งตั้งนายอุกฤษ มงคลนาวิน เป็นประธานคณะกรรมการอิสระฯ
รายงานข่าวแจ้งว่า คณะกรรมการอิสระฯประกอบด้วยกรรมการอื่นอีกไม่เกิน 12 คน มีวาระดำรงตำแหน่ง 2 ปี นับตั้งแต่วันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ ส่วนอำนาจหน้าที่คือ กำหนดยุทธศาสตร์ แนวทาง มาตรการ ข้อเสนอแนะ กระบวนการดำเนินการ เพื่อเป็นหลักประกันการใช้กฎหมายด้วยความเป็นธรรม สุจริต ภายใต้มาตรฐานเดียวกัน ตามหลักนิติธรรม จัดทำรายงานความคืบหน้าการทำงานทุกรอบ 6 เดือน และรายงานสรุปเสนอต่อครม. และสาธารณชน จัดให้มีการศึกษาวิจัยในส่วนที่เกี่ยวข้อง จัดให้มีเวทีสาธารณะ การประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็น ให้การศึกษากับสังคมเป็นระยะ เน้นการมีส่วนร่วมของสาธารณชน และทุกภาคส่วน และให้อำนาจคณะกรรมการเชิญผู้แทนหน่วยงานของรัฐ และผู้ที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงข้อเท็จจริง หรือให้จัดส่งเอกสารข้อมูลเพื่อประกอบการพิจารณา และตั้งคณะอนุกรรมการหรือคณะทำงานให้ดำเนินการตามที่กรรมการมอบหมายได้
กวาดล้างยาเสพติดทั่วประเทศ
เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 13 ก.ย. 54 พ.ต.ท.มาโนช ปิ่นทอง รองผู้บังคับการ 3 กองบังคับการปราบปรามยาเสพติด 4 ร่วมสนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ทหารชุดเฉพาะกิจนราธิวาส 36 และเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส จำนวน 300 นาย นำหมายศาลบุกเข้าตรวจค้นบ้านพักเลขที่ 141/36 ถ.ทรายทอง เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก ของนายสามีอุง เปาะอาเดะ อายุ 45 ปี ส.จ.สุไหงโก-ลก เขต 3 ในฐานะร่ำรวยผิดปกติและมีชื่อถูกจับตาของตำรวจปราบปรามยาเสพติด
การตรวจค้นพบอาวุธปืนลูกซองยาว อาวุธปืนพกสั้น ขนาด .357 อาวุธปืนพกสั้น ขนาด 9 ม.ม. รวม 5 กระบอก พร้อมกระสุนจำนวนหนึ่ง รวมทั้งธนบัตรเงินสดสกุลริงกิตประเทศมาเลซีย ธนบัตรไทย สมุดบัญชีธนาคารและเครื่องประดับจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่ได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.สุไหงโก-ลก และร่วมสอบปากคำรวมทั้งตรวจสอบอาวุธปืนว่ามีทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่
ที่จ.ภูเก็ต พ.ต.อ.อธิป แท่นนิล ผู้กำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม ประธานแถลงข่าวผลการตรวจค้นแหล่งอบายมุข และจุดพักยาเสพติดในเขต จ.ภูเก็ต ตั้งแต่วันที่ 12-13 ก.ย. 54 โดยตรวจค้นสถานบันเทิงในเขตอำเภอเมือง 3 จุด ไม่พบเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าใช้บริการ และไม่พบนักท่องเที่ยวมีสารเสพติด ส่วนช่วงเช้าวันที่ 13 ก.ย. เจ้าหน้าที่ตรวจค้นเป้าหมายยาเสพติดพบยาบ้า 48 เม็ด ยาไอซ์ 6 ห่อ อุปกรณ์การเสพยา และใบกระท่อมจำนวนมาก พร้อมผู้ต้องหา 8 คน
ด้านพล.ต.ต.อรรถกิจ กรณ์ทอง ผบก.ภ.ลำปาง เปิดเผยว่า จากการที่ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับนโยบายจากทางรัฐบาล เข้มงวดในเรื่องของยาเสพติด โดยจ.ลำปาง เป็นทางผ่าน และศูนย์กลางของภาคเหนือ อาจเป็นเส้นทางในการลำเลียงสิ่งผิดกฎหมายได้ และขณะนี้ทางตำรวจภูธรจังหวัดลำปาง ได้รับงบประมาณ จากสตช. ปรับปรุงด่านตรวจ จุดสกัดต่างๆ ที่สำคัญ ในเขตพื้นที่ จ.ลำปาง เพื่อให้เป็นจุดตรวจที่มีประสิทธิภาพ และเพิ่มศักยภาพในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตลอดจนเป็นสถานที่ให้บริการประชาชน
ส่วนพล.ต.ท.เดชาวัตร รามสมภพ ผบช.ภาค 3 พร้อมด้วย พล.ต.ต.กรกต สาริยา รอง ผบช.ภาค 3 เรียกประชุมนายตำรวจของพื้นที่กำชับปฏิบัติหน้าที่ปราบปรามยาเสพติดอย่างเข้มแข็ง เพื่อสนองนโยบายของรัฐบาลใหม่ โดยพล.ต.ท.เดชาวัตร กล่าวว่ายาบ้าระบาดมากในเขต จ.อุบลราชธานี และจ. อำนาจเจริญ ที่มีแนวชายแดนติดต่อกับประเทศลาว มีขบวนการขนยาบ้ามาจากชายแดนส่งต่อในตัวเมืองใหญ่และทั่วประเทศ
ที่กองทัพบก พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. มีความห่วงใยต่อปัญหายาเสพติด โดยยืนยันว่า กองทัพบก พร้อมสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหายาเสพติดที่เป็นวาระแห่งชาติ และในทุกกรณี ที่มีผลต่อความเป็นอยู่ของประชาชน
กฤษฎีกาเสนอทูลเกล้าฯกสทช.
เมื่อวันที่ 13 ก.ย.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอัชพร จารุจินดา เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมครม. ถึงความคืบหน้าการพิจารณาข้อกฎหมายตามที่นายกฯได้ขอความเห็นการเสนอชื่อ 11 คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ขึ้นทูลเกล้าฯ เนื่องจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับคดีการสรรหากสทช. เป็นไปโดยมิชอบ เป็นคดีพิเศษซึ่งอาจมีผลต่อการเสนอชื่อว่า บ่ายวันเดียวกันนี้ คณะกรรมการกฤษฎีกา คณะที่ 2 ที่มีนายวิษณุ เครืองาม เป็นประธาน จะประชุมนัดแรก โดยจะพิจารณาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายว่าการใช้อำนาจของดีเอสไอ จะมีผลให้การดำเนินการทำได้หรือไม่ อีกทั้งจะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงด้วย คาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน น่าจะจัดทำความเห็นในเรื่องนี้เสร็จภายในสัปดาห์นี้ เพราะจะมีการส่งรายชื่อ กสทช. ให้นายกฯ แต่ถ้าเนื้อหามีความซับซ้อน อาจยืดเวลาพิจารณาออกไปตามความเหมาะสม
นายอัชพร กล่าวว่า คณะกรรมการไม่รู้สึกหนักใจ ยืนยันว่าการพิจารณาของกฤษฎีกาไม่ได้ลงลึกว่าการสรรหา กสทช.ชอบหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่เป็นการให้ความเห็นเพื่อให้นายกฯใช้ประกอบการตัดสินใจนำรายชื่อกสทช.ขึ้นทูลเกล้าฯ
ทั้งนี้ ที่ประชุมใช้เวลาหารือและถกเถียงกันอย่างกว้างขวางนานกว่า 3 ชั่วโมง
นายอัชพร กล่าวถึงกรณีดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษว่า กระบวนการสรรหา กสทช. ไม่โปร่งใสนั้น ไม่เป็นเหตุขัดข้องต่อการนำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ เนื่องจากยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาหรือการดำเนินคดี ดังนั้น สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา จะทำหนังสือแจ้งกลับไปยังเลขาธิการ ครม. ในวันที่ 14 ก.ย. เพื่อนำความเห็นเรื่องของนำรายชื่อ กสทช.ให้นายกฯ นำขึ้นทูลเกล้าฯ ต่อไป
ขณะที่ พ.ต.ท.พเยาว์ ทองเสน รักษาการ ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ 3 ดีเอสไอ กล่าวว่า ดีเอสไอไม่มีอำนาจคัดค้านการนำเสนอรายชื่อกสทช.ขึ้นทูลเกล้าฯ และเป็นไปได้ที่นายกฯจะนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อแต่งตั้งต่อไป แต่ในส่วนของดีเอสไอ ยังคงเดินหน้าตรวจสอบและดำเนินคดีกระบวนการสรรหา กสทช.ต่อไป เพราะถือว่าได้รับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากรับทราบความชัดเจนแล้วว่า นายกฯสามารถนำรายชื่อ กสทช.ทั้ง 11 คนขึ้นทูลเกล้าฯ แต่งตั้งได้นั้น คาดว่าวุฒิสภาจะนำรายชื่อ กสทช.เสนอให้เลขาธิการ ครม.ภายในวันที่ 19 ก.ย. เนื่องจากต้องรอให้ กสทช.ทั้ง 11 คนประกาศลาออกจากทุกตำแหน่งก่อน เมื่อตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว วุฒิสภาจะทำหนังสือถึงนายกฯเพื่อนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ต่อไป



0 comments:
Post a Comment